ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ทะเลม่านการเมือง ออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยอย่างนี้ ก็ไม่แปลกที่จะเกิดคำถามขึ้นมาอย่างมากมาย ไม่เว้นแม้แต่แมลงหวี่แมลงวัน เพราะผู้มีอิทธิพลทางการเมืองอย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” ไม่ว่าจะเคลื่อนไหวอะไร ย่อมมีผลต่อการเมืองแทบทั้งสิ้น

การยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอเดินทางไปต่างประเทศ ณ ถิ่นพำนักที่เคยหนีคดีคือ ดูไบนั้นย่อมได้รับความสนใจและแปลกใจ ทำนองว่าไปทำไม เพื่ออะไรและหวังอะไร

คำถามต่างๆจึงพรั่งพรูออกมามากมาย

การอ้างเหตุผลว่าต้องการไปหาหมอ ที่นั่นจึงเป็นเพียงข้ออ้าง หรือเป็นเรื่องจริงเพราะมีอาการเจ็บป่วย

แต่ศาลได้ยกคำร้องไม่ให้ไป เพราะหมอในเมืองไทยนั้นมีความสามารถพอที่จะรักษาได้ไม่จำเป็นต้องไปถึงที่นั่น

ประเด็นคือ “ทักษิณ” นั้น ยังมีคดี ม.112 ติดตัว และศาลได้ให้ประกันตัวโดยห้ามเดินทางออกนอกประเทศ

จึงเป็นคำสั่งที่ชอบและทำให้กระบวน การยุติธรรมเกิดความศักดิ์สิทธิ์ เพราะตอนที่กลับมาประเทศไทยก็เกิดปัญหาต่อกระบวนการยุติธรรมแล้ว

เพราะไม่ได้อยู่ในเรือนจำจริง อ้างว่าป่วยจนต้องไปรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ. ตำรวจ ทำให้เกิดคำถามเรื่อง “อภิสิทธิ์ชน” มาทีหนึ่งแล้ว

จะให้ซ้ำรอยเดิมอีกจะไปกันใหญ่!

เมื่อ “ทักษิณ” ไม่ได้รับอนุญาตจึงไม่สามารถแกะรอยได้ว่าทำไมต้องไป เพราะอะไรอย่างที่คาดเดากันว่ามีดีลลับ ป่วยจริง ไปตั้งหลักที่นั่น สารพัดคำถาม

สุดท้ายก็คงไม่ได้คำตอบ...

นี่แค่เริ่มต้นเดือนสิงหาเท่านั้นนะ...

วันนี้การเมืองให้น้ำหนักไปที่ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี จะรอดคดีถอดถอนหรือไม่ เพราะจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองโดยตรง

14 ส.ค.67 จะได้คำตอบ!

...

แต่ปรากฏว่ายังไม่ถึงวันนั้นก็เกิดปัญหาที่พรรคพลังประชารัฐ เมื่อมีความเคลื่อนไหวจากคนใกล้ชิด “ลุงป้อม” ที่พยายามผลักดันให้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทน ถ้า “เศรษฐา” มีอันเป็นไป

จะคิดคนเดียวหรือมีใครดันอยู่ข้างหลังพอจะมองออกเพราะถ้าทำคนเดียวคงไม่กล้าถึงขนาดนั้น

แต่คนในพรรคไม่สบอารมณ์เพราะทำเกินงามเกินไป

ถึงกับเข้าชื่อให้ขับออกจากพรรค เพราะเกรงว่าจะเกิดความขัดแย้งกับ “เพื่อไทย” อาจจะถูกขับออกจากรัฐบาลได้

สส.เหล่านี้ 27 คน สาย “ธรรมนัส พรหมเผ่า” เลขาธิการพรรคและรัฐมนตรีเกษตรฯ

อีก 13 สส.ที่ระบุว่า สาย “ลุงป้อม” ยังไม่มีปฏิกิริยาในเรื่อง

ถ้าพูดกันอย่างตรงไปตรงมาลำพังจะไปเบียดชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีก็แทบจะเป็นไปได้ยาก เนื่องจากมีเสียงสนับสนุน แค่ 40 คนเท่านั้น

ที่สำคัญก็คือ “ทักษิณ” ประกาศชน “ลุงป้อม” มาแล้ว

แค่นี้ก็ไปต่อลำบากแล้ว!

นี่ยังมาฟัดกันเองแบบนี้จะไปเหลืออะไร

ดูรูปการณ์แล้วเมื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กลับจากปารีสคงต้องเคลียร์หน้าเสื่อเพื่อยุติความขัดแย้งก่อนที่จะหนักไปมากกว่านี้

เพราะนอกจากจะฝันสลายแล้ว ยังอาจถูกเฉดออกจากรัฐบาลได้ถึงขนาดมีข่าวว่าจะดึงประชาธิปัตย์เข้ามาเสียบแทนเสียด้วย

ก่อนที่จะไปถึงจุดนั้น

จำเป็นที่จะต้องปิดเกมเสียก่อนสายเกินแก้!

“ลิขิต จงสกุล”

คลิกอ่านคอลัมน์ “สับรางวันอาทิตย์” เพิ่มเติม