รัฐบาลนายกฯเศรษฐา ทวีสิน ขยายมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกินลิตรละ 33 บาทไปอีก 3 เดือน(สิงหาคม-ตุลาคม)
โดยรัฐบาลจะเอาเงินกองทุนน้ำมัน ไปอุดหนุนราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล ในส่วนที่เกินลิตรละ 33 บาท ต่อไปอีก 90 วัน
ส่วนผู้ใช้น้ำมันเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ซึ่งเป็นลูกเมียน้อย ยังต้อง แบกภาระกันต่อไปตามยถากรรม
“แม่ลูกจันทร์” ประเมินว่ามาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไปอีก 3 เดือน จะส่งผลให้กองทุนน้ำมันที่ติดลบกว่า 1.1 แสนล้านบาท
จะต้องติดลบบานอลึ่งฉึ่งยิ่งกว่าเดิม!!
เพราะคนไทยใช้น้ำมันดีเซลกว่า 75 ล้านลิตรต่อวัน
รัฐบาลต้องใช้เงินกองทุนน้ำมันไปอุ้มราคาน้ำมันดีเซลลิตรละ 2 บาท จะต้องใช้กองทุนน้ำมันอัดฉีดกว่า 150 ล้านบาทต่อวัน หรือกว่า 4,50 ล้านบาทต่อเดือน
การอุ้มราคาน้ำมันดีเซลต่อไป อีก 3 เดือน จะต้องใช้เงินกองทุนน้ำมัน สูงกว่า 13,500 ล้านบาททีเดียว
“แม่ลูกจันทร์” มองว่าหากรัฐบาลยังตะบี้ตะบันใช้กองทุนน้ำมันตรึงราคาน้ำมันดีเซลต่อไปในระยะยาว
กองทุนน้ำมันจะแบกหนี้ไม่ไหว และจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ตามมาอย่างแน่นอน!!
แต่ถ้าไม่ใช้กองทุนน้ำมันซึ่งแบกหนี้เต็มกระบุง
ก็มีทางเดียวที่จะตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้ทะลุเพดาน
คือต้องลดภาษีสรรพสามิตเพื่อดึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลให้ตํ่าลง
แต่การลดภาษีสรรพสามิตจะยิ่งทำให้รัฐบาลหูรูดขาดรุ่งริ่งยิ่งกว่าเดิม
สรุปว่าใช้กองทุนนํ้ามันก็ไม่ไหว จะลดภาษีสรรพสามิตก็ยิ่งถังแตกแหกกระเจิง
การบิดเบือนราคานํ้ามันดีเซลตํ่ากว่าความเป็นจริงจึงติดซอยตันด้วยประการฉะนี้แล
แต่ล่าสุด มีแผนใหม่จากนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน ได้ยกร่างแก้ไข พ.ร.บ.กองทุนนํ้ามันเชื้อเพลิง เพื่อผ่าตัดโครงสร้างราคานํ้ามันทั้งระบบให้เกิดความเป็นธรรม
...
โดยจะดึงอำนาจกำหนดราคานํ้ามัน และการกำหนดเพดานภาษีนํ้ามันให้กลับมาอยู่ในมือ รมว.พลังงาน
ซึ่งถ้าทำสำเร็จประชาชนจะได้ใช้นํ้ามันดีเซล–นํ้ามันเบนซินถูกลงกว่าเดิม
นายพีระพันธุ์ ยํ้าว่าราคาเนื้อนํ้ามันจริงๆลิตรละ 20 กว่าบาท แต่โครงสร้างราคานํ้ามันไปบวกภาษีสรรพสามิต
บวกภาษีบำรุงท้องถิ่นกลายเป็นลิตรละ 6.50 บาท
และยังบวกภาษีแวตอีก 7 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ราคาขายปลีกนํ้ามันแพงเว่อร์เกินจริง
“แม่ลูกจันทร์” สนับสนุนข้อเสนอของ “นายพีระพันธุ์” รมว.พลังงาน
แต่เกรงว่าการปรับโครงสร้างราคานํ้ามันจะทำไม่ได้จริง
ข้อที่ 1 ธุรกิจนํ้ามันเป็นระบบการค้าเสรี รัฐบาลไม่มีอำนาจควบคุม หรือกำหนดราคาตามอำเภอใจ
ข้อที่ 2 การเก็บภาษีนํ้ามันเป็นอำนาจ รมว.คลัง
การจะดึงอำนาจกำหนดเพดานภาษีนํ้ามัน มาเป็นของ รมว.พลังงาน ยากกว่าอุ้มช้างอาบนํ้า 500 ตัว!!
สรุปว่าปัญหาราคานํ้ามันคิดได้อย่างเดียว
แต่ทำไม่ได้อย่างที่คิดหรอกนะโยม.
“แม่ลูกจันทร์”
คลิกอ่านคอลัมน์ "สำนักข่าวหัวเขียว" เพิ่มเติม