"สมศักดิ์" รมว.สธ. รับ ติดตามเรื่องให้ หลังผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารรายใหญ่ ยื่นเลขาฯ อย.ทบทวน ปมจัดพิมพ์ฉลากโภชนาการภาษาต่างประเทศ หวั่นทำต้นทุนเพิ่ม ต้องขึ้นราคาสินค้า กระทบผู้บริโภค

วันที่ 24 ก.ค. 2567 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เปิดเผยถึงกรณีที่ตัวแทนผู้ประกอบการบริษัทรายใหญ่ กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เสนอข้อมูลไปยังคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เรื่องการพิจารณาการแสดงข้อมูลโภชนาการภาษาต่างประเทศ เพื่อลดการจัดทําฉลากโภชนาการภาษาต่างประเทศแบบแยกประเทศ หรือใช้สติกเกอร์โดยไม่จำเป็น เพราะเป็นการเพิ่มต้นทุนในการพิมพ์ฉลาก สร้างภาระให้กับผู้ประกอบการ โดยจะส่งผลทำให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องขึ้นราคาสินค้าตามมา ซึ่งจะกระทบต่อผู้บริโภคโดยตรงว่า จะติดตามในรายละเอียดเกี่ยวกับการออกฉลากโภชนาการร่วมภาษาต่างประเทศกับเลขาธิการ อย.ให้ โดยจะไปดูรายละเอียดในเรื่องนี้อีกครั้ง

ขณะที่เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 67 ก่อนการประชุม ครม. นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช เลขาธิการ อย. ได้กล่าวว่า เตรียมนำเรื่องนี้รายงานต่อรมว.สาธารณสุข ซึ่งได้คุยกันเบื้องต้นแล้วว่าควรจะทำให้เกิดความสะดวกยิ่งขึ้นก็ตาม แต่ล่าสุดก็ยังไม่มีความคืบหน้า

...

ทั้งนี้สืบเนื่องจากกรณีที่ตัวแทนผู้ประกอบการบริษัทยักษ์ใหญ่กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้เสนอข้อมูลไปยังเลขาธิการอย.ให้มีการพิจารณาทบทวนการแสดงข้อมูลโภชนาการภาษาต่างประเทศ ตามบัญชีหมายเลข 1 ท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 445 ที่ยังมีความไม่คล่องตัวในทางปฏิบัติ รวมถึงที่ผ่านมาพบว่ามีการใช้ช่องว่างนี้ไปร้องเอาผิดและเรียกค่าปรับกับผู้ประกอบการอย่างไม่เป็นธรรม

โดยกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเสนอข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้ทาง อย.ลดการจัดทําฉลากโภชนาการภาษาต่างประเทศแบบแยกประเทศ หรือใช้สติกเกอร์โดยไม่จำเป็น เพราะเป็นการเพิ่มต้นทุนการพิมพ์ฉลากหลายภาษามากขึ้น สร้างภาระให้กับผู้ประกอบการเพิ่มต้นทุนการผลิตสินค้ามากขึ้นอีกเท่าตัว ท้ายที่สุดจะทำให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องขึ้นราคาสินค้าตามมา ซึ่งจะกระทบต่อผู้บริโภคโดยตรง พร้อมทั้งยังถูกมองว่าอาจเป็นการกีดกันทางการค้าผู้ประกอบการของไทยเสียเองหรือไม่ จึงเรียกร้องให้ทบทวนระเบียบกฎหมายที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ออกมาในสิ้นเดือนนี้ โดยเปิดให้ยื่นเรื่องคัดค้านได้ภายใน 90 วัน จึงทำให้ตัวแทนผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเข้ายื่นเรื่องคัดค้านต่อเลขาธิการ อย.ไปแล้ว จึงต้องติดตามว่าในสิ้นเดือนนี้จะมีความคืบหน้าจากกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงาน อย.ออกมาอย่างไร.