"พิชัย" รองนายกฯและรมว.คลัง ยืนยัน ทำไมรัฐบาลต้องเดินหน้าโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ดิจิทัลวอลเล็ต กระตุ้นใหญ่เศรษฐกิจ หวังสร้างพายุหมุน 4 ลูก 

วันที่ 24 ก.ค. 67 เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวอย่างเป็นทางการครั้งแรก ก้าวแรกของโครงการ ‘Digital Wallet’

โดย นายพิชัย กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ทุกท่านให้ความสนใจรับฟังแถลงข่าว ผมอยากเชิญย้อนกลับไปเมื่อ 10 เดือนที่แล้ว รัฐบาลแถลงโยบายต่อรัฐสภาโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ประเด็นที่ 1 อยากตอบตัวเอง
แทนท่านทั้งหลาย เหตุผลทำไมต้องทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ว่า เกิดอะไรขึ้นกับประเทศ เกิดอะไรกับระบบเศรษฐกิจประเทศ คำตอบคือ ภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำยาวนาน 10-15 ปี ที่ผ่านมาของประเทศ ซึ่งเศรษฐกิอตกต่ำค่อนข้างมาก

นายพิชัย กล่าวต่อว่า เกิดอะไรขึ้นกับประชาชน คือ หนี้ครัวเรือนที่สูง หนี้ที่อยู่อาศัย หนี้ยานพาหนะ เกิน 90% ของจีดีพี มองในมุมมองเศรษฐกิจถามว่าเยอะไหม ไม่เยอะครับ ถ้ามีปัญหาคืนหนี้ แต่มองอีกมุมคือผู้ผลิตก็มีอาการไม่ต่างกัน หนี้เยอะ ถามว่าเพราะใช้จ่ายฟุ่มเฟือย หรืออีกอันคือ รายได้ไม่พอกับรายจ่าย ส่วนตัวผมมองแล้วเป็นอันที่ 2 มากกว่า มีวิธีแก้ปัญหาคือ หาวิธีขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้มีรายได้ที่เพียงพอที่จะจ่ายหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้น 

...

รองนายกฯและรมว.คลัง กล่าวต่อว่าใน 10-15 ปีที่ผ่านมานี้ปัญหาที่เรามีคือ ปัญหาทางโครงสร้าง เมื่อเราไม่มีความสามารถปรับเปลี่ยนขับเคลื่อนไม่ทันก็คงแก้ไขยาก จากนี้ประเทศเราเหลือกระสุน ก่อหนี้ได้อีกไม่เยอะ วันนี้ 12 ล้านล้านบาท ใกล้แล้วครับ จาก 14 ล้านล้านบาท เหลือไม่เยอะ ทั้งนี้การเจริญเติบโตเศรษฐกิจปีนี้ โต 2.4 เศรษบกิจโตครับ แต่ยังโตไม่พอ เพราะติดปัญหาเชิงโครงสร้างในหลายๆ ด้าน

วันนี้ เซมิคอนดักเตอร์ เราเดินช้าไป 10-15 ปี แต่เราเดินอยู่ แต่เดินช้าครับ ดังนั้นการทำงานงานคู่ขนานจึงจำเป็น นโยบายเติมเงินสู่ระบบเศรษฐกิจจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องแก้วิกฤติ ซึ่งถ้าเราไม่ทำอะไร เราก็เห็นอยู่ข้างหน้า ต้องแก้วิกฤติควบคู่การเติมรายได้ลงไปสู่ฐานราก

2. ทำไมต้องเป็น ดิจิทัลวอลเล็ต โจทย์ 1 ต้องไปตั้งต้นคนที่มีปัญหา ไม่ใช่โครงการอุดหนุน เติมไปครั้งเดียว หวังว่าโครงการครั้งนี้ต้องไปฐานราก การกระจายตัว เราอยากให้กระจายลงไปในส่วนที่เล็กที่สุด ใช้ครั้งแรกอยู่ในอำเภอ ตอนแรกที่คิดคืออยากอยู่ในตำบลซะด้วย ย้ำว่าเคยคิด

รองนายกฯและรมว.คลัง กล่าวอีกว่า โครงการฯ มีความพร้อมที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจแล้ว โดยโครงการนี้มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญเพื่อส่งเสริมให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่ และช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพ ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชน ส่งเสริมให้ประชาชนและชุมชนมีความเข้มแข็งในด้านเศรษฐกิจ สามารถพึ่งพาตนเองได้ สร้างและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาให้เกิดนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเมื่อเริ่มดำเนินโครงการฯ แล้ว จะก่อให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจ จำนวน 4 ลูก ได้แก่

พายุหมุนลูกที่ 1 การใช้จ่ายระหว่างประชาชนกับร้านค้าขนาดเล็ก ถือเป็นกระตุ้นเศรษฐกิจไปยังฐานราก กระจายไปพร้อมกันทุกอำเภอทั่วประเทศ ช่วยบรรเทาความเดือดร้อน ลดภาระค่าใช้จ่ายแก่ประชาชน พายุหมุนลูกที่ 2 การใช้จ่ายระหว่างร้านค้าขนาดเล็กกับร้านค้าขนาดใหญ่

และพายุหมุนลูกที่ 3 การใช้จ่ายระหว่างร้านค้าขนาดใหญ่กับร้านค้าขนาดใหญ่ ซึ่งจะทำให้เกิดการต่อยอดกำลังซื้อ การบริโภค หรือสร้างโอกาสในการลงทุนเพื่อประกอบอาชีพ และพายุหมุนลูกที่ 4 พลังการใช้จ่ายของประชาชนแต่ละคนจะเกิดผลต่อการหมุนเวียนของกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นทวีคูณ ช่วยฟื้นฟูภาคการผลิตของประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวม

ส่วนความเป็นห่วง รัฐบาลคิดอย่างไร ประชาชนมีหนี้ครัวเรือนสูง รายได้ไม่เพียงพอรายจ่าย สิ่งที่เกิดขึ้นรัฐบาลไม่กลัวหรือก่อหนี้ก้อนโต คำตอบคือ โครงการนี้เราสามารถเก็บภาษีได้เท่าไร ไม่ใช้โครงการ

"ปัญหาประชาชนหนี้สูง หายใจไม่ออก ร้านค้าขนาดเล็ก ขายของไม่ได้ไม่มีกำลังซื้อ ถามว่าผมช่วยใครก่อน ช่วยรัฐบาลก่อน ก็อยู่เฉยสิ แต่ 2 เสาต้องช่วยก่อนคือประชาชนกับผู้ประกอบการร้านค้ามากกว่า ถามว่ากลัวไหม ยอมรับกลัวครับ แต่ต้องทำให้เศรษฐกิจโตเพื่อให้ขับเดคลื่อนประเทศไปได้ ไม่เช่นนั้นประเทศไทยก็ลำบาก ทั้งหมดขอเรียนว่าความจำเป็นต้องทำโครงการนี้ ดิจิทัลวอลเล็ต แต่ไม่ใช่โครงการเดียวนะครับ ยังมีโครงการอื่นๆ ของรัฐบาลนี้ที่จะตามมาอีก" นายพิชัย กล่าว.