นายกฯน้อมนำพระราชดำริดำเนิน 10 โครงการหลัก “คน-ดิน-น้ำ-ป่า” อยู่ร่วมกัน ปรับปรุง 72 สายน้ำ-ทำคูคลองน้ำใส จ่อคิกออฟแจกที่ทำกิน 7.2 หมื่นไร่ ตระเวนทำบุญถวายผ้าไตรวันอาสาฬหบูชา-เข้าพรรษา 4 วัด จับเข่า “ฮุน มาเนต” ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ “เสี่ยหนู” เปิดแรนโชชาญวีร์รับ “นายใหญ่” ชื่นมื่น “เหลิม” ลั่นหอบลูกจูงหลาน “วัน-กาโม่” ซบอก “บิ๊กป้อม” ร่วมวง พปชร. รอเปิดตัว 23 ก.ค. “วัน” รีบอวย “พี่ใหญ่” ใจถึงพึ่งได้ “ชัยธวัช” เฉยๆแค่สะท้อนปัญหาภายใน พท. “นันทนา” โอดไม่รู้จะหาเสียงกับใคร ตื๊อไม่เลิกขอแบ่งโควตา ขึงขังสอบ “หมอเกศ” สายสีน้ำเงินตีกัน “บุญส่ง” นั่งรองประธานวุฒิฯ กลุ่มพันธุ์ใหม่ยอมรับสภาพโหวตแข่งสู้ไม่ได้ ก.ก.ห่วง สว.สีน้ำเงินผูกขาดสภาสูง ม็อบคปท.ยอมยุติชุมนุมชั่วคราว

เพื่อไทยไม่ใช่บ้านอีกต่อไป ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ประกาศลั่นเตรียมหอบลูกจูงหลาน นายวัน อยู่บำรุง อดีต สส. เพื่อไทย และนายอาชวิน อยู่บำรุง “กาโม่” ย้ายไปซบอกพรรคพลังประชารัฐของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ์ หัวหน้าพรรค พปชร. รอเปิดตัวนายวัน วันที่ 23 ก.ค.นี้

นายกฯน้อมนำพระราชดำริ

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 20 ก.ค. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “คุยกับเศรษฐา” ตอนพิเศษ ถึงการดำเนินโครงการหลัก 10 โครงการของรัฐบาลเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์แห่ง ประเทศไทยว่า ตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พระองค์ท่านทรงเสด็จลงพื้นที่เยอะมาก เช่นเดียวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงมีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่อาจมีความลำบาก อยู่ไกลความเจริญ เนื่องในโอกาสปีมหามงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 รัฐบาลน้อมนำโครงการพระราชดำริต่างๆที่ทำเกี่ยวกับดิน น้ำ ป่า คน บรรจุเข้าไปในโครงการที่ได้ทำขึ้นมา ร่วมกับภาคเอกชน องค์กรต่างๆ คัดเลือกกว่า 600 โครงการ มาเป็น 10 โครงการหลัก ทุกอย่างอยู่ร่วมกัน “ป่า น้ำ คน”

...

ปรับปรุง 72 สายน้ำ-คูคลองน้ำใส

นายเศรษฐากล่าวว่า ปัญหามีหลายมิติ รัฐบาลนี้ ไม่ได้โฟกัสแค่สร้างสาธารณูปโภคใหญ่ๆ เช่น สนามบิน หรือแลนด์บริดจ์ ถ้าไม่ทำพี่น้องประชาชนหลายสิบล้านคนจะเป็นอย่างไร เราพึ่งการเกษตรค่อนข้างเยอะ ถ้าเราดูแลให้ดีไม่ท่วมไม่แล้ง เชื่อว่าผลผลิตและมูลค่าทางเศรษฐกิจจะมีมโหฬาร รวมถึงการบริโภคน้ำ โครงการแรกน้ำบาดาล จริงๆทำเยอะอยู่แล้ว ไม่ได้แค่การขุดเจาะเรื่องสายส่งก็สำคัญ บางแห่งทำมาหลายปี แต่สายส่งยังไม่มี เราลงทุนเจาะน้ำบาดาลไปหลายสิบล้าน แต่เสียหายหลายร้อยล้าน อีกแค่ 19 ล้านบาท ก็ครอบคลุมได้ 3-4 หมู่บ้าน ทำให้มีสายส่งไปที่โรงพยาบาลและโรงเรียนได้ หรือการปรับปรุงสายน้ำ 72 สายน้ำ และหลายคลองที่ไปดูมาอย่างคลองโอ่งอ่างวันนี้จะแปลกใจมาก น้ำใสมาก มีปลา เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดี ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนที่อยู่ริมคลอง ไม่ใช่แค่ดีขึ้น มีสภาพอากาศที่ดีขึ้น แต่เป็นแหล่งท่องเที่ยวได้

คิกออฟแจกที่ทำกิน 7.2 หมื่นไร่

นายกฯกล่าวว่า การลงพื้นที่พบปะประชาชนที่ผ่านมา ปัญหาที่สะท้อนให้เห็น หนึ่งในหลายๆเรื่อง คือ ด้านสาธารณสุข เพิ่งเดินทางไป จ.สระแก้ว เรามีโครงการไปพัฒนาและเติมเต็มด้านอุปกรณ์ อาคาร ให้กับโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช โรงพยาบาลชุมชนเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลชัยพัฒน์ และหน่วยบริการปฐมภูมิ 72 แห่ง อาทิตย์ที่แล้วเดินทางไปดูโรงเรียนที่ จ.นนทบุรี ดูเรื่องน้ำ เพราะน้ำเป็นสิ่งจำเป็น เรื่องการทำน้ำดื่มได้ในโรงเรียนถือเป็นเรื่องสำคัญ ปัญหาที่ดินทำกิน รัฐบาลทำงานร่วมกับกองทัพไทย มอบที่ดิน 72,000 ไร่ ให้ประชาชน จะมีการคิกออฟเร็วๆนี้ที่ จ.นครพนม นอกเหนือจากมอบที่ดิน เรายังดูแลซ่อมแซมบ้านทั่วประเทศ รวมถึงดำเนินโครงการกลุ่มคนพิการ จัดหากายอุปกรณ์ช่วยเหลือคนพิการ 72,000 ชุด เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่คนพิการ ผู้ป่วยติดเตียงให้ดำรงชีวิตได้อย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี และยังดำเนินโครงการบริจาคโลหิต 10 ล้านซีซี ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนเข้าร่วมโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ พระองค์ท่านทรงงานอย่างหนัก ลงรายละเอียดแต่ละโครงการด้วยพระองค์เอง

“เศรษฐา” โพสต์ทำบุญเข้าพรรษา

ต่อมาเวลา 11.56 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ โพสต์ลงสื่อโซเชียล เป็นภาพการไปทำบุญพร้อมข้อความว่า “ได้ทำบุญถวายผ้าไตร เนื่องในวันอาสาฬห บูชาและเทศกาลเข้าพรรษา ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม วัดไตรมิตร วิทยารามวรวิหาร และวัดเครือวัลย์วรวิหาร”

จับเข่า “ฮุน มาเนต” ปราบแก๊งคอล

นอกจากนี้นายเศรษฐายังทวีตข้อความผ่าน X ระบุว่า “เมื่อเวลา 20.30 น. ที่ผ่านมา ได้โทรศัพท์หารือกับ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประเด็นความร่วมมือปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีความเห็นตรงกันว่าต้องปราบปรามเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยให้ ผบ.ตร.ของทั้ง 2 ประเทศ ร่วมกันหาแนวทางและปราบปรามให้เห็นผลภายใน 60 วัน พร้อมจะบินไปร่วมหาทางออกเรื่องนี้ร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป”

“หนู” เปิดแรนโชฯรับ “นายใหญ่”

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีการใช้ช่วงวันหยุดยาวสุดสัปดาห์ เดินทางไปพักผ่อนร่วมกับครอบครัว ที่เขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ขณะที่ น.ส. แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความลงอินสตาแกรมพร้อมภาพลูกๆ สามี และครอบครัวของนายพานทองแท้ ชินวัตร กับนายทักษิณ ระบุว่า “คุณตา/คุณปู่ ที่รักของพวกเรา มาแล้ว 4 อีก 3 กำลังตามมา” นอกจากนี้นายทักษิณและครอบครัว ได้ร่วมรับประทานอาหารเย็นกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ที่แรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ท แอนด์ คันทรีคลับ เขาใหญ่ รีสอร์ตหรูของนายอนุทิน โดย น.ส.แพทองธารยังโพสต์ สตอรี่ลงอินสตาแกรม ขณะร้องเพลง When You Say Nothing At All ร่วมกับนายทักษิณและนายอนุทินอย่างสนุกสนานเป็นกันเอง บรรยากาศสุดอบอุ่น

“บิ๊กป้อม” ดีล “เหลิม” ร่วม พปชร.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้เข้าพบหารือกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด พูดคุยถึงสถานการณ์ทางการเมือง ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ออกปากเชิญให้ ร.ต.อ.เฉลิมย้ายไปอยู่ด้วยกันในพรรค พปชร. เบื้องต้นมีรายงานว่า ร.ต.อ.เฉลิมได้ตอบตกลงแล้ว แต่ติดขัดด้วยสถานะยังเป็น สส.บัญชีรายชื่อ ของพรรค พท. แต่ถ้าพรรค พท.มีมติขับออกจะย้ายไปอยู่ด้วยทันที ขณะที่นายวัน อยู่บำรุง บุตรชาย อดีต สส.พรรคเพื่อไทย ที่เพิ่งลาออกจากสมาชิกพรรค พท.ไป จะสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค พปชร.ในสัปดาห์หน้า

ไปแน่ล้านเปอร์เซ็นต์ไม่มีต่อรอง

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวการย้ายไปร่วมงานกับพรรค พปชร.ว่า เป็นเรื่องจริงล้านเปอร์เซ็นต์ รู้จัก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร.นานกว่า 30 ปี หากพรรคเพื่อไทยมีมติขับออกเมื่อใด พร้อมย้ายไปร่วมงานกับพรรค พปชร.ทันที ไม่ได้ร้องขอตำแหน่งใดๆ และมีนายวัน อยู่บำรุง นายอาชวิน อยู่บำรุง หรือกาโม่ หลานชาย ตามไปอยู่ด้วยกัน

วัน อยู่บำรุง
วัน อยู่บำรุง

“วัน” อวย “พี่ใหญ่” ใจถึงพึ่งได้

ด้านนายวัน อยู่บำรุง ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวจะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรค พปชร.ว่า เป็นตามกระแสข่าวที่ออกไป จะไปสมัครในวันที่ 23 ก.ค. เวลา 14.00 น. ตรงกับวันประชุมพรรค พปชร.พอดี และจะให้สัมภาษณ์ทุกเรื่องในวันนั้น ขณะที่เพจของนายวัน อยู่บำรุง มีการโพสต์คลิป พล.อ.ประวิตรเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ที่ลุกขึ้นชี้แจงในสภาฯ และภาพ พล.อ.ประวิตรตอนลงหาเสียงเลือกตั้ง พร้อมระบุแคปชัน “ใจถึง พึ่งได้”

“กาโม่” ออกโรงยังไม่ตีจากเพื่อไทย

ต่อมาช่วงเย็น นายอาชวิน อยู่บำรุง “กาโม่” สมาชิกพรรคเพื่อไทย และที่ปรึกษา รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม บุตรชายนายวัน อยู่บำรุง โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “จากที่มีการกล่าวถึงชื่อผม ขออนุญาตชี้แจงดังนี้ ปัจจุบันผมยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆยังปฏิบัติหน้าที่ในบทบาทเดิมด้วยความมุ่งมั่น เพื่อบรรลุเป้าหมายและภารกิจ ที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อสังคมตามที่ได้ตั้งใจไว้”

“พิธา” นำทีมตะลุยบ้านแม่กำปอง

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่หมู่บ้านแม่กำปอง จ.เชียงใหม่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) นำนายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ และทีมงานลงพื้นที่พบปะผู้ประกอบการท่องเที่ยวแม่กำปอง และพบปะกับนายธีรเมศร์ ขจรพัฒนภิรมย์ ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ก่อตั้งหมู่บ้านแม่กำปอง หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าพ่อหลวง นายพิธากล่าวกับชาวบ้านว่า พวกเราตั้งใจมาขอความรู้ว่าตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ท่านมองอย่างไร อยากเอาไปทำนโยบายเกี่ยวกับการท่องเที่ยว มองว่าแม่กำปองเป็นหมู่บ้านหนึ่งที่เป็นรัฐสวัสดิการเล็กๆ มั่นใจว่าตลอด 23 ปีที่พัฒนามา ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ต้องหาคำตอบร่วมกันให้มีสมดุลระหว่างข้อกฎหมายและธรรมนูญหมู่บ้าน ดังนั้นจะรับเป็นการบ้าน จากนั้นนายพิธาเดินชมร้านค้าภายในหมู่บ้านแม่กำปอง มีประชาชน นักท่องเที่ยว พ่อค้าแม่ค้าเข้ามาขอถ่ายรูปกันจำนวนมาก

“ต๋อม” เฉยๆ “อยู่บำรุง” ซบ พปชร.

นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงสนามเลือกตั้งท้องถิ่นที่ จ.เชียงใหม่ หลังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ประกาศอยากได้พื้นที่นี้กลับคืนมาว่า ไม่กังวล อนาคตจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน เมื่อถามว่าการดึงตระกูลบูรณุปกรณ์มา จะทำให้ก้าวไกลสลัดภาพบ้านใหญ่ไม่ออกหรือไม่ นายชัยธวัชตอบว่า เราไม่ได้ตัดสินคนที่นามสกุล หรือเป็นตระกูลการเมือง แต่ร่วมทำงานได้ หากเห็นด้วยกับแนวทางใหม่ๆของพรรค ก.ก. ส่วนกรณีนายวัน อยู่บำรุง จะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรค พปชร. ไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์ เป็นสิทธิส่วนบุคคล เรื่องนี้สะท้อนปัญหาการบริหารงานภายในพรรค พท. ให้ความเห็นมากไม่ได้

สส.พท.ยังมีระแวงปุ๋ยคนละครึ่ง

ขณะที่นายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีคณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการผลิต เตรียมเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ให้ทบทวนโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง ที่ถูกต้านอย่างหนักจาก สส.และเกษตรกรชาวนาว่า สบายใจขึ้นมาระดับหนึ่ง แต่ยังไม่เต็มที่ ต้องรอดูรายละเอียดโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง ปีหน้าจะมีรายละเอียดเหมือนเดิมหรือไม่ และจะช่วยลดต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรได้มากน้อยแค่ไหน การที่ชาวนาคัดค้านโครงการนี้เพราะเกิดขึ้นแบบฉุกละหุก ไม่มีการเตรียมการมาล่วงหน้า ชาวนากังวลทั้งเรื่องไม่มีเงินหมุนเวียนในมือไปจ่ายค่าปุ๋ยคนละครึ่ง และตอนนี้ลงปุ๋ยกันไปหมดแล้ว เอามาตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้ ไม่ทันความต้องการ อีกทั้งกังวลเรื่องคุณภาพปุ๋ยจะดีจริงหรือไม่ ทำให้มีแรงต้านหนัก ควรเลื่อนไปทำปีหน้าแทน แต่ขึ้นอยู่กับชาวนาจะเอาหรือไม่เอา

ห้ามล้มเลิกช่วยไร่ละพันเด็ดขาด

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากเลื่อนโครงการเป็นปีหน้า จะมีปัญหาต่อต้านจากชาวนาอีกหรือไม่ เพราะเกษตรกรไม่มีเงินหมุนเวียนไปซื้อปุ๋ย นายฉลาดตอบว่า ถ้าจะทำต่อรัฐบาลต้องหาแหล่งเงินปล่อยกู้ซื้อปุ๋ยในราคาถูกแก่เกษตรกร เช่น ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ปล่อยสินเชื่อให้เกษตรกรโดยตรง คิดดอกเบี้ยราคาถูก ถ้าโครงการยังไม่ชัดเจน เหมือนเดิมอาจเกิดการต่อต้านอีก ที่สำคัญรัฐบาลห้ามยกเลิกการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรไร่ละ 1,000 บาท ห้ามล้มโครงการนี้ ปัจจุบันแม้รัฐบาลบอกไม่ได้ล้มโครงการ แต่มีเงื่อนไขจะจ่ายเงิน 1,000 บาท เฉพาะกรณีที่ผลผลิตตกต่ำ ไม่มีอะไรมารับประกันได้ ราคาผลผลิตจะดีหรือไม่ ต่างจากเดิมที่เกษตรกรได้รับเงินช่วยไร่ละ 1,000 บาททุกปี ไม่ว่าผลผลิตจะดีหรือไม่ ช่วยให้ชาวนามีเงินหมุนเวียนในมือ

นันทนา นันทวโรภาส
นันทนา นันทวโรภาส

“นันทนา” โอดไม่รู้จะหาเสียงกับใคร

วันเดียวกัน น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. กลุ่ม สว.พันธุ์ใหม่ หรือกลุ่มอิสระ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวหาเสียงสนับสนุนในการเลือกประธานและรองประธานวุฒิสภา วันที่ 23 ก.ค.ว่า กลุ่ม สว.พันธุ์ใหม่ยังไม่มีแนวทางไปรวมตัวกับใคร ไม่รู้จะเดินสายไปหาเสียงกับใคร ไม่มีใครแสดงตัวให้เราไปหาเสียงเลย ทำได้แค่สื่อสารผ่านสื่อมวลชน เมื่อถามว่าหากเป็นเช่นนี้จะสู้กับคู่แข่งอย่างไร น.ส.นันทนาตอบว่า คงใช้การแสดงวิสัยทัศน์ในที่ประชุมที่จะส่งคนของกลุ่มชิงตำแหน่งประธานและรองประธานวุฒิสภา ส่วนจะส่งใครชิงบ้างยังไม่ตกผลึก แต่ใครอยากลงชิงต้องคุยกันในกลุ่มเพื่อดูความเหมาะสม ความเป็นไปได้ ขอเชิญชวนให้ประชาชนมาฟังวิสัยทัศน์ที่จะมีการถ่ายทอดสดการประชุมในวันที่ 23 ก.ค. จะได้ทราบว่าใครมีวิสัยทัศน์อย่างไร

ตามตื๊อไม่เลิกขอแบ่งโควตาเก้าอี้

เมื่อถามว่าดูเหมือน สว.กลุ่มสีน้ำเงินจะมาแรง จะแก้เกมอย่างไร น.ส.นันทนาตอบว่า ได้แต่สื่อสารกับประชาชนว่าเกมนี้ถ้าใช้วิธีโหวตก็เหมือนเป็นการกินรวบ วุฒิสภาจะกลับไปเหมือน สว.ชุดเดิม ที่มีคนกลุ่มใหญ่คุมเสียงส่วนใหญ่ไว้ เวลาโหวตก็ไปทิศทางเดียวกัน อยากให้ภาพลักษณ์วุฒิสภาชุดใหม่เป็นสภาของประชาชน ดังนั้นกลุ่มเสียงข้างมากควรกระจายสัดส่วนมายังกลุ่ม สว.ที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มบ้านใหญ่ ให้ได้รับการกระจายตำแหน่งต่างๆด้วย ทำให้ภาพลักษณ์ สว.ชุดใหม่ไม่เป็นแบบเดิม อยากให้เห็นบรรยากาศร่วมมือประคับประคองกัน ให้จัดสรรตำแหน่งต่างๆมากลุ่มอิสระบ้าง

กลุ่มพันธุ์ใหม่ขึงขังสอบ “หมอเกศ”

น.ส.นันทนายังกล่าวว่าปัญหาเรื่องคุณสมบัติวุฒิการศึกษาของ พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สว. ที่มีการเรียกร้องให้ สว.ชุดใหม่ตรวจสอบนั้น ขั้นต้นคงให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นผู้ดำเนินการไปก่อน เพราะยังอยู่ในกระบวนการที่ กกต.สอยได้ แต่ถ้า กกต.ไม่ขยับหรือไม่ตอบรับเสียงคนส่วนใหญ่ที่กำลังตรวจสอบ ทางวุฒิสภาคงเข้าไปดำเนินการ โดยจะดูเรื่องจริยธรรม แต่ต้องไม่ลืมว่า พญ.เกศกมลมาจากกลุ่มที่เป็นปึกเป็นแผ่น เวลาลงมติอาจไม่ชนะ แต่เราคงต้องดำเนินการ ถ้า กกต.ไม่ทำอะไร

ตีกัน “บุญส่ง” นั่งรองประธานวุฒิฯ

นายสรชาติ วิชย สุวรรณพรหม สว. กล่าวถึงกรณี สว.กลุ่มอิสระ เตรียมเจรจากับ สว.สายสีน้ำเงิน ให้เสนอชื่อนายบุญส่ง น้อยโสภณ สว. เป็นรองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 ว่า ชื่อเสียง ความรู้ความสามารถของนายบุญส่งมีความเหมาะสม แต่อาจไม่จำเป็นต้องมารับตำแหน่งรองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 สามารถไปนั่งเป็นประธานกรรมาธิการอื่น เช่น ประธาน กมธ.กฎหมาย จะเหมาะสมกว่าหรือไม่ ตำแหน่งประธานกรรมาธิการสามัญชุดต่างๆ เชื่อว่าน่าจะมีการจัดสรรแบ่งโควตาไปตาม สว.กลุ่มต่างๆตามความเหมาะสม เพราะตำแหน่งหลักที่เป็นกลไกขับเคลื่อนการทำงานของวุฒิสภา คือ คณะกรรมาธิการชุดต่างๆ ขณะที่ประธานและรองประธานวุฒิสภาจะมีบทบาทหลักเรื่องการดำเนินการประชุม และการประสานงานกับฝ่ายสภาผู้แทนราษฎร ทั้งนี้คณะกรรมาธิการคงมีจำนวนลดลง เพราะมี สว.ลดลงจาก 250 คน เหลือ 200 คน ส่วนความเคลื่อนไหวของ สว.สายสีน้ำเงินขณะนี้ยังนิ่งอยู่ ไม่ทราบว่าจะเสนอใครเป็นประธานหรือรองประธานวุฒิสภา

“นพดล” ยักท่ารอเช็กเสียงหนุน

นายนพดล อินนา สว. กล่าวถึงกระแสข่าวการเสนอตัวชิงตำแหน่งรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ว่ายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะลงสมัครชิงตำแหน่งหรือไม่ ขอเวลาคิดอีก 1-2 วัน ต้องรอเสียงสนับสนุนจากเพื่อน สว.มีมากน้อยแค่ไหน ถ้ามีเสียงเพียงพอก็ยินดี คิดว่าสามารถทำหน้าที่ได้ แต่ถ้ามีเสียงไม่พอคงไม่ลง ขอรอดูสถานการณ์ใกล้ๆอีกทีค่อยตัดสินใจ สำหรับการรวมกลุ่มของกลุ่ม สว.อิสระ เมื่อวันที่ 18 ก.ค. เป็นการไปสร้างสัมพันธ์ทำความรู้จักกัน ให้การทำงานมีความราบรื่นเท่านั้น ไม่ได้ต้องการไปล็อบบี้ต่อรองตำแหน่ง พร้อมพูดคุยกับทุกกลุ่ม เพื่อความสามัคคีในการทำงาน เพราะเป็นคนไทยด้วยกัน

ยอมรับสภาพโหวตแข่งสู้ไม่ได้

นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สว. กลุ่ม สว.พันธุ์ใหม่ กล่าวถึงความคืบหน้าการส่งตัวแทนกลุ่มชิงตำแหน่งประธาน และรองประธานวุฒิสภา ว่า กลุ่ม สว.พันธุ์ใหม่ได้ข้อสรุปจะส่งคนลงชิงทุกตำแหน่ง ทั้งประธานวุฒิสภา และรองประธานวุฒิสภา 2 ตำแหน่ง แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปจะส่งใคร จะหารือกันก่อนวันที่ 23 ก.ค.นี้ แม้ในความเป็นจริง จำนวนเสียงโหวตจะสู้ไม่ได้ แต่เราต้องยืนยันในหลักการสื่อสารไปยังกลุ่มใหญ่ ขอให้พื้นที่ทำงานกับคนส่วนน้อย เป็นการบอกกล่าวเพื่อนสมาชิกว่าวุฒิสภาเป็นพื้นที่รับฟังทุกเสียง เมื่อถามว่ามีการนัดหารือผลักดันนายบุญส่ง น้อยโสภณ สว. ชิงเก้าอี้รองประธานวุฒิสภา นายเทวฤทธิ์ตอบว่า มีการคุยกันเพื่อหยั่งแนวกันอยู่ แต่ไม่มีการพูดคุยว่าต้องเลือกใคร หลักการคืออยากเรียกร้องคนกลุ่มใหญ่ให้พื้นที่การทำงานของคนส่วนน้อย

ชัยธวัช ตุลาธน
ชัยธวัช ตุลาธน

ก.ก.ห่วง สว.สีน้ำเงินผูกขาดสภาสูง

นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการเลือกตำแหน่งประธานวุฒิสภาว่า ตัวประธานและรองประธานวุฒิสภาจะเป็นใคร ไม่ได้ส่งผลมากนักในมุมของ สส. เพียงแต่ถ้าได้บุคลากรที่เหมาะสมจะช่วยยกระดับการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติทั้งสภาบนและสภาล่าง เรื่องการล็อบบี้คิดว่าเป็นเรื่องปกติ ที่แต่ละกลุ่มจะพูดคุยกันผลักดันใคร เพียงแต่หลายคนมองว่า สว.สีน้ำเงินอาจผูกขาดไปทั้งหมด ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็น่ากังวล พื้นที่ทางการเมืองที่มีความหลากหลายไม่ควรเป็นแบบนั้น

นัดแฟนคลับลุ้นคำวินิจฉัย 7 ส.ค.

นายชัยธวัชยังกล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกลในวันที่ 7 ส.ค.ว่าไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ไม่กระทบกับทุกทางและเป้าหมายการทำงาน ถ้าผลออกมาแย่ เรายังมีเวลาพูดคุยกันในพรรค ได้ชี้แจงกับ สส.ไว้แล้วหากผลออกมาไม่ดี เราจะมีกระบวนการหลังจากนั้น เชื่อมั่นว่าเรามีโอกาสชนะสูง ทั้งข้อต่อสู้ทางด้านกฎหมายที่มีน้ำหนัก วันที่ 7 ส.ค.ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยในเวลา 15.00 น. เนื่องจากเป็นวันพุธ สส.พรรค ก.ก.จะติดตามฟังการแถลงสดที่สภาฯ หลังจากเสร็จงานที่สภาฯแล้วจะไปรวมกันที่ทำการพรรค ก.ก. ประชาชนที่อยากให้กำลังใจไปยังที่ทำการพรรคน่าจะสะดวกกว่า เราจะเตรียมสถานที่บริเวณลานจอดรถตรงข้ามพรรคไว้รองรับ มีที่กันฝนและจอมอนิเตอร์ให้รับฟังร่วมกัน อาจมีการพูดจาปราศรัยกัน

“ชาญชัย” ย้อนรอยค่าโง่ทางด่วน

อีกเรื่อง นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ระบุว่าจะต่อสายตรงถึงนายสมบัติ พานิชชีวะ ประธานกรรมการบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือ DMT ผู้ให้บริการทางยกระดับอุตราภิมุข หรือทางด่วนโทลล์เวย์ ขอให้ลดค่าผ่านทางเก็บไม่เกิน 50 บาทตลอดสาย แลกกับการขยายสัญญาสัมปทานเพิ่มอีก 30 ปี ว่า เกรงว่าเรื่องนี้จะซ้ำรอยกับเรื่องค่าโง่ทางด่วนในอดีตยุครัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี 2548-2549 ที่บริษัท DMT อ้างว่าขาดทุน เพราะรัฐบาลขณะนั้นไม่อนุมัติให้ปรับขึ้นค่าผ่านทาง จนมีการนำเรื่องฟ้องร้องต่ออนุญาโตตุลาการ จนต่อรองเก็บค่าผ่านทางต่อได้เพิ่มอีก 27 ปี และสามารถเพิ่มค่าผ่านทางขึ้นทุกๆ 5 ปี แลกกับต้องถอนฟ้องรัฐบาลไทยทุกเรื่อง แต่กลับไม่มีการถอนฟ้องคดี สู้คดีกันมาถึงยุครัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และแพ้คดีในชั้นอนุญาโตตุลาการที่ฮ่องกง ขอถามนายสุริยะว่าครั้งนี้จะขยายเวลาให้บริษัท DMT ทำไมอีก 30 ปี เพราะพอถึงปี 2574 ทางด่วนโทลล์เวย์เส้นนี้ก็จะครบสัญญาและตกเป็นของรัฐ ประชาชนผู้ใช้รถยนต์สามารถใช้ได้ฟรีอยู่แล้ว “จะโง่จริงฮะ หรือโง่จริงๆ นายสุริยะ”

ม็อบ คปท.ยอมยุติชุมนุมชั่วคราว

จากกรณีศาลแพ่งมีคำสั่งให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่ปักหลักค้างคืนอยู่ที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ข้างทำเนียบรัฐบาล ยุติการชุมนุม เนื่องจากสร้างความเดือดร้อนให้ผู้ที่สัญจรไปมา และสถานศึกษาที่อยู่ใกล้เคียง ประกอบไปด้วยกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และกลุ่มกองทัพธรรม ล่าสุดนายเดชธนา สายระดา หัวหน้าฝ่ายประสานมวลชน ศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าเจรจากับนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา แกนนำ คปท. ขอคืนพื้นที่ พร้อมชี้แจงว่าต้องการจัดงานที่เกี่ยวข้องกับพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ในวันที่ 28 ก.ค. ตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุมยอมรับเงื่อนไข ต่อมานายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. แจ้งต่อมวลชนว่า จะยุติชุมนุมเป็นการชั่วคราว หลังงานมหามงคลวันที่ 12 ส.ค. จะกำหนดแนวทางการเคลื่อนไหวใหม่อีกครั้ง

พระราชทานเครื่องราชนายกฯ

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายก รัฐมนตรี เปิดเผยว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศ เรื่องพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เนื่องด้วยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่ง ช้างเผือก ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก และเครื่องราช อิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นมหา วชิรมงกุฎ แก่นายเศรษฐา ทวีสิน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.2567 ประกาศ ณ วันที่ 20 ก.ค. เป็นปีที่ 9 ในรัชกาลปัจจุบัน

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่