ไม่น้อยหน้าสภาล่างที่มี สส.ปูมประวัติไม่ค่อยจะโสภาเท่าใดนัก 200 สว. ที่เพิ่งได้เข้ารับตำแหน่งใหม่สดๆร้อนๆ
ก็มีแบบนั้นเหมือนกัน...
คือเรื่องวุฒิการศึกษาที่จบจากมหาวิทยาลัยต่างประเทศแห่งเดียวกันชื่อเดียวกันอีกด้วย ซึ่งมีการถกเถียงในทำนองเดียวกัน
คือของจริงหรือของปลอม
มัวๆซัวๆจนบัดนี้ก็ยังไม่กระจ่างชัด มันยังไงกันแน่
ก็แปลกดีที่ สว.ใหม่ก็มารอยเดียวกันท่ามกลางความสงสัยของผู้คนที่แม้จะมีพยานหลักฐานมาแสดงโชว์
แต่ก็ยังไม่เคลียร์จนถึงบัดนี้
ว่ากันถึงบรรยากาศของ สว.ชุดใหม่นับแต่เริ่มมีการเลือกตั้งจนถึงเวลานี้มีอะไรที่เป็นข่าวได้ตลอดไม่เว้นวันหยุดวันราชการ
เพราะมันมีประเด็นที่ทำให้สังคมต้องจับจ้องในความเป็นไปที่แปลกและใหม่มากกว่าการเลือกตั้ง สส.เยอะ
นี่ก็มีเรื่องขึ้นมาอีกคือการเลือกประธานและรองประธานที่ดูเหมือนจะเคลื่อนไหวกันครึกโครมไม่น้อย แม้ไม่มีพรรคสังกัดแต่ก็เป็นกลุ่มเป็นฝ่ายเกิดขึ้น
ไม่ว่าฝ่ายชาย–ฝ่ายหญิง...พอๆกัน
อีกข่าวที่ซ้อนขึ้นมาก็คือมีการแฉกันเองว่ามีการยื่นประโยชน์หรือซื้อตัวเพื่อเอามาเป็นพวกเพื่อสร้างอำนาจใน สว.
ว่าไปแล้วตำแหน่งประธานและรองประธานนั้นถือว่าเป็นกลไกที่สำคัญอย่างหนึ่งในระบบรัฐสภา เพราะต้องทำหน้าที่ควบคุมการประชุมให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมุ่งสู่ประโยชน์ของชาติบ้านเมือง
ผู้ที่จะทำหน้าที่นี้จึงต้องพร้อมด้วยประการทั้งปวง
อย่างน้อยต้องมีความรอบรู้ในข้อกฎหมายเป็นเบื้องต้นรวมถึงกฎและข้อบังคับต่างก็ต้องแม่นเพราะถือเป็น “กติกา” ที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม
ที่บางคนบอกว่าต้องมีสุขภาพดีก็เป็นส่วนหนึ่งเพราะเมื่อขึ้นนั่งบัลลังก์นานๆ ลุกไปไหนไม่ได้จึงมีความจำเป็น
...
อย่างประธาน สว.ต้องทำหน้าที่รองประธาน สส.หากมีการประชุมรัฐสภา จึงต้องมีความรู้ในด้านนี้ด้วย
ที่สำคัญคือต้องมีบารมีและได้รับการยอมรับจากสมาชิกด้วย
มิฉะนั้นจะเกิดปัญหาในการประชุมได้!
ดังนั้น ใครที่คิดว่าตัวเองเหมาะสมก็ต้องดูตัวเองด้วยว่ามีคุณสมบัติพร้อมแค่ไหนไม่ใช่ว่าอยากเป็นหรือต้องการเป็นเท่านั้น
ความเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ดูเหมือนว่าค่ายสีน้ำเงินที่มียอดสมาชิกมากกว่าทุกค่ายยังไม่มีปฏิกิริยาหรือการแสดงให้เห็นชัดแจ้ง
นอกจากมีตัวเล่นที่คาดกันว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น ตัวเต็งบางคนก็เงียบ บางคนก็บอกว่าไม่อยากเป็น ขอทำงานด้านอื่นดีกว่า
แต่ที่เคลื่อนไหวออกหน้าออกตามากหน่อยก็ฝ่ายอิสระที่หวังจะคั่วเหมือนกันด้วยการเรียกร้องและแสดงตนว่าอยากเป็นให้ปรากฏ
สุดท้ายน่าจะอยู่ที่ฝ่ายซึ่งมีเสียงข้างมากนั่นแหละ...จะเป็นตัวชี้ขาด!
“สายล่อฟ้า”