ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ โฉมหน้าการเมืองไทยคงเปลี่ยนไปอีกระดับหนึ่ง เนื่องจากมีตัวแปรใหม่เพิ่มเข้ามา นั่นคือ 200 สว.ชุดใหม่ที่ลงตัวเรียบร้อยไปแล้ว และกำลังจะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ก็ดูคึกคักไม่น้อย แม้จะมีการด้อยค่า อยู่บ้าง
แต่เมื่อมีอำนาจ หน้าที่สำคัญอีกระยะหนึ่งคงจะสำแดงบทบาทให้ปรากฏ
อย่าง สว.ชุดที่หมดวาระไปแล้ว แม้ถูกแต่งตั้งจาก คสช. แต่ก็ทำให้การเมืองไทยมีสีสันและมีพลังไม่น้อยในทางการเมือง
ว่ากันว่า สว.ชุดใหม่นี้มีสัดส่วนที่มีการผูกโยงกันแล้วพบว่าเกี่ยวพันกับ “สีน้ำเงิน” ค่อนข้างสูง จึงหนีไม่พ้นที่จะส่องประกายไปที่พรรคการเมืองนี้
100% เริ่มตั้งแต่ตำแหน่งประธานวุฒิสภาเป็นอันดับแรก
ตัวอย่าง สว.ชุดที่ผ่านมาใครแต่งตั้งก็จะได้รับแรงส่งเป็นการตอบแทน
ก็คงไม่ต่างกันเท่าใดนัก...
นั่นเท่ากับ “ดุลอำนาจ” การเมืองไทยจาก “จันทร์ส่องหล้า” ก็จะถูกแบ่งไปสู่ “บุรีรัมย์” อย่างแน่นอน เมื่อทุกอย่างมันขีดวงอย่างนั้น
...
จึงไม่ต้องแปลกใจสนามเลือกตั้งคราวต่อไปนั้นคงมิใช่แค่ “ก้าวไกล-เพื่อไทย” เท่านั้น แต่ต้องบวกเพิ่ม “ภูมิใจไทย” เข้าไปด้วย
นี่คือสภาพความเป็นจริงที่จะเกิดขึ้น
วันที่ 15 ก.ค.67 พรรคร่วมรัฐบาลนัดกินข้าวพบปะสังสรรค์ คราวนี้เป็นคิวของพลังประชารัฐเป็นเจ้าภาพ
บรรยากาศน่าจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เพราะผู้ถือดุลเปลี่ยนไป
เห็นนายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” บอกว่าอยากจะเจอ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” หัวหน้าพรรคที่เป็นโต้โผงานเลี้ยงมื้อนี้
แต่คงไม่ได้พบ “บิ๊กป้อม” เพราะหลีกเลี่ยงมาตลอด
เนื่องจากบุญบารมีเก่าค้ำคออยู่แค่ให้ลูกพรรคยกมือหนุนช่วยก็ถือว่าเป็นบุญเป็นคุณใหญ่หลวงแล้ว
ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่นายกรัฐมนตรีหรอก!
แต่ปัญหามันอยู่ที่ผู้มีบารมีเหนือ “เศรษฐา” มากกว่า
งานเลี้ยงครั้งนี้ก็เพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นขึ้น คงไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แต่สิ่งที่พิเศษก็คือปัญหาเศรษฐกิจของประเทศมากกว่า
เพราะถ้าหากยังเป็นอย่างนี้ต่อไป ก็ตัวใครตัวมันแน่
ล่าสุดหอการค้าไทยได้เปิดเผยว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจมดิ่งลงอย่างต่อเนื่องติดต่อกันหลายเดือน
หลังนักธุรกิจ-ประชาชนต่างกังวลกับการเมืองที่ไม่นิ่ง
ลุ้นกันว่านายกรัฐมนตรีจะได้อยู่ต่อหรือพอแค่นี้
ในสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นคือค่าครองชีพสูง กำลังซื้อหด ผลผลิตทางการเกษตรเสียหาย ทำให้คนเกิดความกังวลการใช้จ่ายกดเศรษฐกิจซึม
ในอีก 1-2 เดือนข้างหน้ายังไม่มีสัญญาณฟื้น
ที่พบอย่างหนึ่งก็คือบรรดาพ่อค้าแม่ค้าต่างบ่นกันพึมว่าขายอาหารไม่ค่อยจะได้ ทำให้ร้านอาหารต้องปิดตัวไปเป็นจำนวนมาก
เหล่านี้คือสภาพความเป็นจริงที่กำลังเกิดขึ้น!
ยิ่งสถานการณ์โลกที่ไม่ค่อยจะดี ยิ่งเป็นตัวเร่งทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จึงค่อนข้างจะลำบาก
ถ้ารัฐบาลไม่เร่งหาทางแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม
เกรงว่าจะส่งผลไปสู่ความไม่พอใจ ของประชาชนได้...เพราะสัญญาณมันบอกแล้ว!
“ลิขิต จงสกุล”
คลิกอ่านคอลัมน์ “สับรางวันอาทิตย์” เพิ่มเติม