นายกฯเหยียบคันเร่งโชว์ผลงานปราบยาเสพติดแถลงชื่นชม 4 หน่วย บูรณาการร่วมจับกุมยึด “โทลูอีน” สารตั้งต้นผลิตยาเสพติดลอตใหญ่ 6 ตู้คอนเทนเนอร์ 90 ตัน ใช้ผลิตยาไอซ์หรือโคเคนได้ถึง 4 ตันครึ่ง หากใช้ทำยาบ้าได้มหาศาล 270 ล้านเม็ด แกะเบาะแสจากพลเมืองดีก่อนลุยตรวจสอบ พบบริษัทสั่งซื้ออยู่ในเมียนมาไม่มีตัวตน ต้นทางมาจาก “ปูซาน” เกาหลีใต้ นำส่งขึ้นท่าเรือแหลมฉบัง หวังลอบขนผ่าน อ.แม่สอด จ.ตาก ข้ามไปปลายทางย่างกุ้ง เมียนมา กระทั่งถูกศุลกากร-อุตสาหกรรม- บช.ปส.-ป.ป.ส.สกัดไว้ได้ทัน

รัฐบาลมุ่งมั่นปราบปรามแก้ไขปัญหายาเสพติด ยกระดับเป็นวาระแห่งชาติ โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินสายลงพื้นที่แก้ไขด้วยตัวเองไปในหลายจังหวัด ล่าสุดเมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 12 ก.ค.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ออกจากกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) สนามเป้า กทม.ไปยังท่าเรือแหลมฉบัง ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เพื่อเป็นประธานในพิธีแถลงผลการสืบสวน และตรวจยึดสารโทลูอีน (Toluene) สารตั้งต้นผลิตยาเสพติด ที่เป็นเคมีภัณฑ์วัตถุอันตรายประเภท 3 ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 จำนวน 90 ตัน ที่สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยมี พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส.นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส. เข้าร่วม โดยนายกฯรับฟังรายงานการสืบสวนจับกุม และชมการตรวจสอบสาร โดยตรวจยึดสารโทลูอีน 6 ตู้คอนเทนเนอร์ น้ำหนัก 90 ตัน หากใช้นำเป็น สารตั้งต้นผลิตยาเสพติดจะนำไปผลิตยาไอซ์ได้ 4,500 กิโลกรัม หรือนำไปผลิตโคเคนได้ 4,500 กิโลกรัม หากนำไปผลิตยาบ้าจะได้ปริมาณ 270 ล้านเม็ด

...

โดยการตรวจยึดดังกล่าวเป็นผลจากการที่ กรมศุลกากรได้ตรวจสอบใบตราส่งสินค้าผ่านแดนสำแดงชนิดสินค้าโทลูอีน กักสินค้าเพื่อตรวจสอบ ทั้งกรมโรงงานอุตสาหกรรม ยังตรวจสอบพบว่า ไม่ได้ขออนุญาตนำผ่านแดน รวมถึง ตร.และ ป.ป.ส.ได้รับแจ้งเบาะแสจากพลเมืองดีว่า มีการนำเข้าสารโทลูอีนจำนวน 90 ตัน เพื่อนำส่งไปยังปลายทางนครย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา อาจนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกกฎหมาย มีต้นทางมาจากเมืองปูซาน เกาหลีใต้ ขนมาขึ้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง นำผ่านประเทศไทย ไปออกที่ศุลกากรแม่สอด จ.ตาก บช.ปส.ได้สืบสวนทางลับ กระทั่งวันที่ 27 มิ.ย.ได้ประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องตรวจสอบสินค้า และจากการบูรณาการประสานข้อมูลร่วมกันทั้ง 4 หน่วยงาน พบประเด็นน่าสงสัยนำไปสู่การยึดสารดังกล่าว 3 ข้อ 1.ป.ป.ส.พบว่า บริษัทผู้สั่งซื้อสินค้าในเมียนมาไม่มีอยู่จริง ไม่มีการขออนุญาตนำเข้ากับทางการเมียนมาแต่อย่างใด สั่งซื้อจากเกาหลีใต้โดยขนส่งทางเรือจากเมืองปูซาน เมื่อวันที่ 29 พ.ค.2567 สินค้าขนส่งถึงท่าเรือแหลมฉบัง เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.2567 2.เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม พบว่า บริษัทผู้ขอผ่านแดน ไม่เคยมีการนำสินค้าผ่านแดนสินค้าสารโทลูอีนมาก่อน และ 3.วันที่ 8 ก.ค.2567 กรมศุลกากร กรมโรงงานอุตสาหกรรม ปส.และสำนักนักงาน ป.ป.ส. ร่วมตรวจสอบพบการนำผ่านสารโทลูอีน 90 ตัน ไม่ได้รับอนุญาตนำผ่านเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ดังนั้นกรมโรงงานอุตสาหกรรมได้แจ้งข้อหานำผ่านสารโทลูอีนเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย และดำเนินการตาม พ.ร.บ.ศุลกากร โดยสินค้าดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน

นายกฯกล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนป้องกันปราบปรามยาเสพติดขั้นเด็ดขาด เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ต้องชื่นชมที่ร่วมมือร่วมใจ พบผู้ที่นำเข้ามาไม่เคยนำเข้าสารชนิดนี้มาก่อน ต้นทางมาจากเกาหลีใต้ ปลายทางนครย่างกุ้ง เมียนมา โดยเราจะขยายผลอย่างเต็มที่ ออกหมายเรียกบริษัทที่นำเข้าแล้ว การจับกุมในครั้งนี้แม้มูลค่าไม่กี่ล้านบาท แต่ถ้าสารนี้หลุดไปถึงแหล่งผลิตโคเคนจะเป็นน้ำหนักนับพันกิโลกรัมมูลค่าเป็นหมื่นๆล้านบาทจะกลับมาเป็นวังวนอุบาทว์ให้กับพี่น้องประชาชนชาวไทยและทั่วโลก ทั้งนี้ได้พูดคุยกับ พล.ต.ท.สำราญ ที่ดูแลด้านยาเสพติด มีเรื่องที่ไม่ดีเกิดขึ้นที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ มีการเข้าไปตรวจค้นผู้ค้ายาบนภูเขาปะทะกับเจ้าหน้าที่เสียชีวิต และบาดเจ็บ เราต้องจัดการ ขั้นเด็ดขาด และได้กำชับให้ดูแลสวัสดิการ สวัสดิภาพ เจ้าหน้าที่ให้เต็มที่ และต้องมีความพร้อมในการใช้กำลังตอบโต้ พร้อมกำชับให้ดูแลเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ ของฝ่ายปราบปรามถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคน ขอให้ดูแลสวัสดิภาพของตัวเองให้ดี

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่