“สุดารัตน์” จี้ “เศรษฐา” ทบทวนเปิดทางต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปี ถือครองกรรมสิทธิ์คอนโดเพิ่มเป็น 75% ทั้งที่คนไทยหลายคนถูกยึดบ้าน-ยึดรถ แนะเร่งออกมาตรการด่วน ช่วยยืดหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ และเร่งสร้างรายได้ให้กับคนไทย 

วันที่ 8 กรกฎาคม 2567 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงกรณีที่มีการสั่งการด่วนให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ศึกษามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ และเตรียมการเพื่อรองรับการดำเนินการยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก (Thailand Vision) โดยจะปรับแก้กฎหมายให้ชาวต่างชาติเช่าที่ดินได้นานขึ้นจาก 50 ปี เป็น 99 ปี และถือกรรมสิทธิ์ห้องชุด เพิ่มสัดส่วนจาก 49% เป็น 75% ว่า การให้ต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปี กับการที่คนไทยต้องถูกยึดบ้าน อะไรสำคัญและต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนมากกว่ากัน โดยเฉพาะสถานการณ์ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะไปที่ไหน จะเป็นวงนักธุรกิจ หรือไปเดินตลาด ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเศรษฐกิจแย่ รายได้ลด แต่ของแพงทั้งแผ่นดิน

คุณหญิงสุดารัตน์ มองว่า เศรษฐกิจทรุดครั้งนี้แตกต่างจากในยุคต้มยำกุ้ง เพราะยุคต้มยำกุ้งคนรวยล้ม แต่ปัจจุบันคนจนตาย และลามขึ้นมาสู่คนชั้นกลาง ซึ่งทั้งหมดคือคนส่วนใหญ่ของประเทศ ที่รายได้ไม่พอรายจ่าย ต้องกู้มากิน กู้มาใช้ จึงส่งผลให้หนี้ครัวเรือนสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ สูงกว่า 91% หรือเท่ากับ 16.3 ล้านล้านบาท และที่สาหัสไปกว่านั้นคือ สินเชื่อรวมภายใต้ข้อมูลของเครดิตบูโร 13.6 ล้านล้านบาท กลายเป็นหนี้เสียไปแล้วถึง 1.09 ล้านล้านบาท หากเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาที่หนี้เสียอยู่เพียง 1.05 ล้านล้านบาทเท่านั้น สะท้อนว่าหนี้เสียยังคงพุ่งต่อเนื่อง

ส่วนที่น่าห่วงที่สุดคือ คนไทยต้องเสีย หรือกำลังจะต้องเสียบ้านและรถ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต และเป็นเครื่องมือหารายได้ ดังตัวเลขที่ปรากฏคือ หนี้เช่าซื้อรถยนต์ เป็นหนี้เสียถึง 2.38 แสนล้านบาท เติบโตขึ้นต่อเนื่อง 32% และหนี้ที่อยู่อาศัยอีก 1.99 แสนล้านบาท เติบโตขึ้น 18.2% สินเชื่อบุคคลอีก 2.6 แสนล้านบาท เติบโตขึ้น 12% และบัตรเครดิต 6.3 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 14.6% ขณะที่หนี้ที่กำลังจะเสีย แต่ไม่เกิน 90 วัน หรือกลุ่ม SM เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 6.4 แสนล้านบาท

...

ดังนั้น นี่คือปัญหาเร่งด่วนที่รัฐบาลโดยเฉพาะ นายเศรษฐา ทวีสิน หัวหน้ารัฐบาล ต้องเร่งแก้ไขปัญหาให้คนไทยสามารถรักษาบ้านและรถของตัวเองไว้ได้ ด้วยมาตรการเร่งด่วน ช่วยยืดหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ และเร่งสร้างรายได้ให้กับคนไทย ไม่ใช่เร่งมาตรการให้ต่างชาติ เช่าที่ดินได้ 99 ปี หรือการเพิ่มอัตราส่วนถือครองคอนโดมิเนียมจาก 49% เป็น 75% โดยอ้างว่าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งตนไม่อยากจะใช้คำว่ารัฐบาลนี้กำลังขายชาติอย่างที่คนอื่นเค้าว่ากัน

“อยากให้คุณเศรษฐา ในฐานะผู้นำประเทศ ได้คิดว่าระหว่างการออกมาตรการเพื่อให้คนไทยสามารถรักษาบ้านและรถที่ถูกยึดไปแล้ว หรือกำลังจะถูกยึด กับการออกมาตรการยกกรรมสิทธิ์ที่ดินและคอนโดให้ต่างชาติ อะไรสำคัญและเร่งด่วนกว่ากัน” 

หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวต่ออีกว่า ยิ่งไปกว่านั้น มาตรการการยกกรรมสิทธิ์ให้ต่างชาติเช่าที่ดินได้ 99 ปี ขยายอัตราถือครองคอนโดมิเนียมสูงถึง 75% ที่นายเศรษฐา ตั้งหน้าตั้งตาทำนั้น ได้ศึกษาหรือยังว่านโยบายนี้จะทำร้ายคนไทยขนาดไหน ต่อไปคนไทยจะต้องซื้ออยู่อาศัยแพงขึ้นเท่าไรจากคนต่างชาติ เด็กรุ่นใหม่ที่จะเริ่มตั้งตัวแทบจะหมดโอกาสที่จะซื้อที่อยู่อาศัย เป็นของตัวเอง

นโยบายนี้อ้างความจำเรื่องกระตุ้นเศรษฐกิจ ผู้ที่ได้รับประโยชน์คือบริษัทอสังหาริมทรัพย์ทั้งหลายที่ ครอบครัวนายเศรษฐา และพรรคพวกเป็นเจ้าของ ซึ่งในข้อเท็จจริงยอดขายของอสังหาฯ ลดลงจริง แต่เมื่อดูผลประกอบการ บริษัทอสังหาฯ ส่วนใหญ่ยังสามารถทำกำไรได้อย่างดี เพียงแต่กำไรลดลงจากในอดีต ดังนั้น เมื่อเทียบกับความจำเป็นเร่งด่วนที่คนไทยส่วนใหญ่กำลังทุกข์ยากกับรายได้ที่ไม่พอรายจ่าย หนี้สินท่วมหัว รวมถึงการที่บ้านและรถยนต์ถูกยึด หรือกำลังจะถูกยึด อะไรความสำคัญมากกว่ากัน อะไรเร่งด่วนกว่ากัน เราจะปล่อยให้คนไทยโดยเฉพาะคนตัวเล็กถูกละเลยมองข้ามต่อไปอีกนานเท่าใด.