“อนุทิน ชาญวีรกูล” ห่วงประชาชนรายย่อย หลังบอร์ดยาฯ เตรียมนำ “กัญชา-กัญชง” กลับบัญชียาเสพติด เผย มติ คกก.เป็นชุดเดียวกับสมัยตนนั่ง สธ. วอนออกมาชี้แจงถึงเหตุผล ลั่นรัฐมนตรีใหม่เลือกทางนี้ ภูมิใจไทยไม่ประท้วง ขอแค่ประชาชนไม่เดือดร้อน
วันที่ 6 กรกฎาคม 2567 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ คณะกรรมการควบคุมยาเสพติด กระทรวงสาธารณสุข มีมติเสนอ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ให้นำกัญชา-กัญชง กลับเป็นยาเสพติด ว่า จุดยืนของภาคภูมิใจไทยยังเป็นเช่นเดิม คือใช้ในทางการแพทย์และเศรษฐกิจ ไม่ใช่สันทนาการ แต่ภูมิใจไทยเห็นว่าการที่นำช่อดอกเป็นยาเสพติดก็กลับสู่วังวนเดิม ซึ่งมติดังกล่าวเกิดจากคณะกรรมการชุดเดียวกันกับที่สมัยตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และในครั้งนั้นมีมติให้นำกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด ซึ่งก็ยังมีข้อสงสัยว่าเพราะเหตุใดคณะกรรมการชุดนี้จึงนำกัญชากลับเข้าไปเป็นยาเสพติด เพราะเอกสารและข้อมูลก็เป็นชุดเก่า
นายอนุทิน ตั้งข้อกังวลว่า หากนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ประชาชนที่ปลูกกัญชาในระดับชุมชน หากบังเอิญมีช่อดอกเกิดขึ้นมาจะถูกดำเนินคดีหรือไม่ อีกทั้งในปี 2565 มีการปล่อยตัวผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับกัญชากว่า 8,000 คน แม้ว่ากฎหมายในอนาคตจะออกมาและไม่มีผลบังคับใช้ย้อนหลัง แต่จะทำอย่างไรกับผู้ที่ได้รับใบอนุญาตในการปลูกเป็นวิสาหกิจชุมชน
นายอนุทิน ย้ำว่า ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นดังกล่าวเป็นหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุข ที่จะต้องหาทางออกให้กับประชาชนกลุ่มย่อยที่จะได้รับผลกระทบจากการนำกัญชากลับเข้าไปเป็นยาเสพติด อีกทั้งคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดก็ต้องออกมาชี้แจงถึงเหตุผลในการนำช่อและดอกของกัญชากลับเข้าไปในบัญชีฯ
...
พร้อมตั้งคำถามว่า เหตุใดจึงไม่มีการบัญญัติกฎหมายเกี่ยวกับกัญชาให้บังคับใช้แบบจริงจัง มีคณะกรรมาธิการศึกษาผ่านความเห็นชอบจากพี่น้องประชาชน เพราะไม่เช่นนั้นก็อาจจะเกิดกรณีที่ใครก็ตามเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจะนำกัญชาออกหรือเข้าจากบัญชียาเสพติด ก็จะพัลวันพัลเกแบบนี้
ทิ้งท้ายว่านี่เป็นเพียงความคิดเห็นของตน สมัยตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก็ทำตามนโยบายที่ให้ไว้กับพี่น้องพี่น้องประชาชนแล้ว นี่ก็ถือเป็นนโยบายใหม่ รัฐมนตรีท่านใหม่เลือกทางนี้ ภูมิใจไทยก็ไม่ได้ไปประท้วงอะไร แต่ก็มีจุดยืนเป็นของตัวเอง ไม่อยากให้เดือดร้อนประชาชน และพร้อมให้ความร่วมมือหากมีเหตุมีผล.