“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ตอกกลับ นายกฯ ขอเป็นอิเล็กทริกบัส ช้าหน่อย แต่พาคนไปได้เยอะกว่า “เฟอร์รารี่ 12 สูบ” ลั่น แจกเงินหมื่นเกิดพายุหมุน อาจทำลายล้างได้ทุกสิ่ง ฟาด หากรัฐบาลมีปัญญา ควรสร้างเศรษฐกิจใหม่ สนใจประชาชน

วันที่ 22 มิถุนายน 2567 ที่ UD Town อ.เมือง จ.อุดรธานี ในงาน “ก้าวไกล Policy Fest อุดรจ้วดๆ” เพื่อเปิดเวทีโชว์วิสัยทัศน์ เปลี่ยนอุดรธานี เปลี่ยนอีสาน เปลี่ยนประเทศไทย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อและที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “คุยกับเศรษฐา” เทปแรกที่เปรียบประเทศไทยเหมือน Ferrari 12 สูบ มีศักยภาพแต่ยังเดินเครื่องไม่เต็มสูบ ว่า ตอนอยู่บนเครื่องบินก็ยังไม่ได้ดูรายการ “คุยกับเศรษฐา” แต่ดูในข่าวที่สื่อมวลชนนำเสนอ นายกฯ บอกว่าประเทศไทยมีศักยภาพเยอะ เหมือนกับ Ferrari 12 สูบ แต่วันนี้วิ่งแค่ 6 สูบ ปกติรถ Ferrari มี 12 สูบ 8 สูบ และ 6 สูบ ถ้าเกิดว่าเป็น Ferrari 12 สูบ คือรุ่นใหม่ล่าสุด ราคาประมาณ 35 ล้านบาท จึงอยากเสนอในฐานะที่เป็นฝ่ายค้านว่า เรามาเป็นอิเล็กทริกบัส หรือ e-trams ที่เป็นฝีมือของคนอีสานดีหรือไม่ ดีต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้การคมนาคมขนส่งดีขึ้น เมดอินไทยแลนด์ คันหนึ่งนั่งได้ 20-30 คน และอยากให้ไปดูสารคดีเรื่อง trams น้อยอีสาน ที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งใช้งบไม่มาก ผลิตในเมืองไทยคันละ 7 ล้านบาท Ferrari หนึ่งคันจะได้รถ e-trams 5 คัน บรรจุคนได้ 100 กว่าคน เทียบกับรถ Ferrari นั่งได้ 1-2 คน ซึ่งอาจจะมีคน 1-2% ที่จะได้นั่ง ขณะที่อีก 98% ที่เหลือยังไม่มีระบบขนส่งสาธารณะที่ดี พร้อมย้ำฝากไปถึงนายกรัฐมนตรีว่า มุมมองแบบนี้จะก้าวได้ไกล ก้าวไปด้วยกัน ไปกับพี่น้องประชาชน ดีต่อสิ่งแวดล้อม 

...

นายพิธา กล่าวว่า การอุปมาอุปไมยของนายกรัฐมนตรี กับอิเล็กทริกบัสของตน คล้ายกับงบประมาณที่ได้อภิปรายกันเมื่อวาน ในลักษณะโปรยเงินจากบนลงล่าง แล้วคิดว่ามีพายุเศรษฐกิจ ทุกอย่างก็จะหายไปใน 1-2 ปี แต่เป็นปัญหาโครงสร้างระยะยาว ที่คนในพื้นที่ไม่มีขนส่งสาธารณะ ระบบสาธารณสุข และการศึกษา มาเป็นระยะเวลานาน หมอ 1 คนที่นี่ดูแลประชาชน 2,500 คน ขณะที่ค่าเฉลี่ยหมอหนึ่งคนจะดูแลคนไข้ 1,600 คน จึงคิดว่าลมใต้ปีก คนตัวเล็ก คือ การดูแลความกินดีอยู่ดีของพี่น้องประชาชน ทีละเล็กทีละน้อย เมื่อรวมกันทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ได้ ไม่แพ้พายุหมุนเศรษฐกิจ ที่อาจทำลายล้างทุกอย่าง ไม่ได้หมายความว่าพายุหมุนแล้วรู้สึกร่มเย็น แต่อาจทำร้ายทุกอย่าง โดยเฉพาะสถานะการคลังระยะยาว เพราะการกู้ดอกเบี้ยก็ขึ้นตาม คนไทยก็ต้องมาเสียภาษีคืนในอนาคต รัฐบาลที่ไม่จนปัญญาจนเกินไป คงมีวิธีคิดมากกว่าการเอาเงินจากมนุษย์เงินเดือน ย้ายจากกระเป๋าซ้ายมากระเป๋าขวา ควรจะสร้างเศรษฐกิจใหม่ เอาปัญหาประชาชนเป็นที่ตั้ง และลดความเหลื่อมล้ำ แบบนั้นน่าจะเหมาะกว่า