ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ สถานการณ์บ้านเมืองเข้าสู่ความเป็นปกติ เพราะการเมืองเรื่องที่ต้องลุ้นกันนั้น

ถูกจัดเข้าสู่ระบบของมันแล้ว

เหลือเพียงแค่ผลที่จะออกเท่านั้น

ปัญหาที่หนักอึ้งที่รัฐบาลต้องเผชิญอยู่นั้น น่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจมากกว่า เพราะจนวันนี้ยังไม่สามารถบอกประชาชนได้ว่าจะแก้ไขอย่างไร

เพื่อให้ทุกอย่างมันดีขึ้น

ตลาดทุนที่วัดจาก “ตลาดหุ้น” ตั้งแต่เข้ามาบริหารประเทศจนถึงวันนี้มีแต่ทรุดต่ำลงไปเรื่อยๆ จนทำให้เงินทุนไหลออกหลายแสนล้าน

ไม่รู้รัฐบาลจะให้เหตุผลอย่างไรว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้ จากนี้ไปจึงต้องมีมาตรการอื่นๆเข้ามาแก้ไข

ไม่ใช่ตอกย้ำอยู่เรื่องเดียว “ดิจิทัลวอลเล็ต” ที่เหมือนกับว่าจะเป็น “ยาผีบอก” แก้ได้ทุกโรค ทั้งๆที่ข้อมูลเกือบจะทุกสำนักให้ความเห็นตรงกัน

กระตุ้นเศรษฐกิจได้เพียงนิดเดียวเท่านั้น

ยิ่งมาดูงบประมาณปี 2568 ที่สภาพิจารณาอยู่นั้น ก็เพราะนโยบายประชานิยมชุดนี้ที่ทำให้เกิดปัญหา เพราะต้องเจียดเงินจากงบประมาณเอาไปโปะและตัดงบด้านอื่นๆอีก

มันก็ยิ่งซ้ำเติมเข้าไปอีก

นายกรัฐมนตรีบอกว่าปลายเดือนนี้ รัฐบาลจะแถลงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ชุดใหญ่ ที่หวังผลได้ว่าจะทำให้เศรษฐกิจ ฟื้นตัว

ก็ดูกันต่อไปแล้วกัน

เพราะเรื่องเศรษฐกิจนั้นเป็นเรื่องใหญ่ของรัฐบาลที่ประชาชนคาดหวังสูง หากไม่สามารถทำให้ดีขึ้นมาได้

ก็เสร็จ “ก้าวไกล” แน่...

หลังจากศาลรัฐธรรมนูญได้ปลดล็อกคำร้องต่างๆ ด้วยการกำหนดไทม์ไลน์ จนสามารถมองเห็นทิศทางข้างหน้า โดยเฉพาะ 2 เรื่องใหญ่

1. ยุบพรรค “ก้าวไกล

...

2. ถอดถอนนายกรัฐมนตรี

ทำให้การเมืองคลายความสับสนลงไป เพราะเหลือเพียงแค่ขั้นตอนว่าจะกำหนดวันวินิจฉัยเมื่อใด

จากนั้นก็จะรู้ว่าผลจะออกมาอย่างไร?

โดยเฉพาะกรณีของนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน นั้น มีผลต่อการเปลี่ยน แปลงทางการเมืองอย่างแน่นอน

กรณี “ก้าวไกล” นั้น เป็นเพียงแค่พรรคการเมืองหนึ่ง หากยุบพรรคก็ดูว่าจะไปต่อได้แค่ไหน ลูกพรรคจะไปต่อหรือข้ามไปพรรคอื่น

ก็เท่านั้น...

อีกเรื่องที่มองข้ามไม่ได้คือ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วเมื่อศาลรับฟ้องคดี ม.112 และได้ประกันตัวไปเรียบร้อย

คดีนี้คงว่ากันอีกยาว

ก็มีคำถามว่าการเมืองข้างหน้าจะเป็นอย่างไร คงต้องย้อนไปถึงการตั้งรัฐบาล 314 เสียงชุดปัจจุบันและการกลับเมืองไทยของ “ทักษิณ”

ทุกอย่างคงไม่ใช่เรื่องปกติตามธรรมชาติ แต่มาจากข้อตกลงพิเศษหรือพูดกันว่า “ดีลลับ” จึงเกิดปรากฏการณ์แบบนี้ได้

ถึงวันนี้ก็ยังเดินหน้าต่อ แต่มีเงื่อนไขเพิ่มเติมเพื่อให้ทุกอย่างราบรื่น นั่นคือกรณีของ “ทักษิณ-เศรษฐา” ที่ต้อง เป็นตัวประกันว่าด้วยคดีความ

เพื่อไม่ให้เกิดการแตกแถวหรือล้ำเส้นจนควบคุมไม่ได้ ทำให้มีอำนาจการต่อรองสูงขึ้นจนไม่กล้าสร้างปัญหาอีก

เรื่องมันก็เป็นแบบนี้ “น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า”...ทำนองนั้น!

“ลิขิต จงสกุล”

คลิกอ่านคอลัมน์ “สับรางวันอาทิตย์” เพิ่มเติม