เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศคนใหม่ ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนรับทราบถึงนโยบายและทิศทางของกิจการด้านการต่างประเทศที่ประเทศไทยควรจะมุ่งไป
โดยมี 3 ประเด็นหลักคือ 1.การฟื้นฟูภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นของต่างประเทศต่อประเทศไทยและเศรษฐกิจไทย ผลักดันให้นานาชาติรับรู้ว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการทำธุรกิจกับประเทศไทย มองปัจจัยภายนอกเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการค้าระหว่างประเทศคิดเป็นเกือบ 70% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) สถานทูตหรือนโยบายต่างประเทศ...จำเป็นจะต้องวิ่งไปหาเขา ไม่ใช่ นั่งรอให้เขามาหาเรา
ประเทศไทยมีตำแหน่งที่ตั้งเป็นยุทธศาสตร์ ที่สำคัญ เราจะใช้จุดแข็งนี้ไปพูดกับประเทศที่เป็นพันธมิตรหรือเป็นมิตรประเทศว่า นอกจากการร่วมมือทวิภาคีแล้ว ยังอยากเห็นไทยร่วมมือผ่าน องค์กรในแต่ละภูมิภาค สร้างความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันในลักษณะวิน-วิน ทั้งอยากทำการค้าเสรี (FTA) กับตลาดใหม่ เช่น แอฟริกา เอเชียกลาง ละตินอเมริกา และแน่นอนต้องไม่ลืมการคุ้มครอง คนไทยในต่างแดนให้ทันกับเหตุการณ์โลก ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
สำหรับข้อ 2.การกลับมามีบทบาทนำของไทยในภูมิภาคและประชาคมโลก ไทยต้องเป็นตัวละครที่สำคัญในแต่ละภูมิภาค ให้ความอนุเคราะห์สอดคล้องไปกับการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมถือเป็นสิ่งที่เราอยากมีบทบาท เช่นเดียวกับในเรื่องของ “อาเซียน” ความร่วมมือ กับอาเซียนจะทำให้เรามีศักยภาพมากขึ้น
สำหรับเรื่องการเมืองโลกมองว่าประเทศอยู่ในจุดที่แข็งแกร่ง มีลักษณะพิเศษคือ เราเป็นประเทศไม่มีศัตรู เป็นมิตรกับทุกคน เรื่องเขาแข่งขันกันเราเชื่อว่าไทยมีศักยภาพพอ ชาติมหาอำนาจรู้ว่าเราเป็นมิตร ประเทศกับอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งเป็นโอกาสที่ไทย จะมีบทบาทเป็นตัวเชื่อม “สร้างสะพาน” เพื่อสร้างบรรยากาศสันติ เช่นเดียวกับในเรื่องของกลุ่ม BRICS ที่มองว่าถ้าไปร่วมมือกับบริกส์ ได้ ก็จะเป็นโอกาสที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กับชาติบริกส์ให้เพิ่มพูน ทั้งช่วยเชื่อมต่อบริกส์กับชาติและองค์กรอื่นๆ
...
ส่วนข้อ 3.ความสำคัญของประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีชายแดนติดไทยและใกล้เคียง ขอยกตัวอย่างความร่วมมือทางพลังงานกับ “สปป.ลาว” มองการพัฒนาร่วมเรื่องพลังงานหมุนเวียน “มาเลเซีย” มองเรื่องการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษและความมั่นคงชายแดนภาคใต้ “กัมพูชา” ส่งเสริมการค้าชายแดน การเชื่อมโยงทางคมนาคม การอำนวยความสะดวกในการติดต่อระหว่างประชาชน ส่วน “เมียนมา” ยังมุ่งเน้น ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมที่ทุกฝ่ายให้การยอมรับ พร้อมดำเนินการต่างๆด้วยความหวังว่าการสู้รบจะยุติลง แต่เรื่องนี้มีความเปราะบาง เราต้องค่อยๆทำต่อไป.
ตุ๊ ปากเกร็ด
คลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม