คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น ในอารมณ์ที่ชาวบ้านร้านตลาดกำลังหูผึ่งกับ “หวยเกษียณ” ตื่นเต้นกับเลขโต๊ด เลขเต็ง สลากกินแบ่งฯ 3 ตัว 2 ตัว โปรโมชันใหม่ที่รัฐบาลเพื่อไทยปล่อยออกมากระตุ้นความหวังของประชาชนคนมีรายได้น้อย
ยั่วนักลงทุนในตลาดหลักหน่วยหลักสิบ เฝ้าคอยความหวังจากลาภลอย
ตามจังหวะตลาดหลักแสนหลักล้านกำลังระส่ำหนัก อาเสี่ย อาซ้อ มหาเศรษฐี นักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯต่างหูตาตื่น ลุ้นตัวเลขบนกระดานแดงเถือก สภาพตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมาร่วงระเนระนาด
ดิ่งลงไปจุดต่ำสุดในรอบ 4 ปี จากช่วงวิกฤติโควิด 2563
แมลงเม่าตายคากองไฟ ขาใหญ่ติดดอยลงไม่ทัน เจ๊งยับไปตามๆกัน
โดยความสำคัญของดัชนี “ตลาดหุ้น” ที่ทรงอิทธิพลต่อเศรษฐกิจของประเทศเหนือกว่า “ตลาดหวย” ตามสถานการณ์สะท้อนสัญญาณร้าย คนรวยขาดทุนกำไร แต่คนจนใกล้เผชิญวิกฤติปากท้องขั้นสาหัส
เตรียมตัวรัดเข็มขัด รอรับแรงกระแทกกันให้ดี
กับสภาพการณ์ที่เห็นอยู่ตรงหน้า นับวันมีแต่ข่าวด้านลบ หามุมบวกยากเต็มที แบบที่โรงงานทยอยปิดตัวเลิกจ้างพนักงานกะทันหัน บริษัทผลิตรถยนต์ยี่ห้อดังยุติสายการผลิตในเมืองไทย บางยี่ห้อตั้งท่าจะย้ายฐานการผลิตไปประเทศอินโดนีเซีย
ทุนข้ามชาติหอบเงินหนี แรงหมุนการลงทุนภายในแทบไม่ขยับ
สำทับด้วยข้อมูลเชิงวิชาการแน่นๆ ล่าสุด นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดผลสำรวจดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพฤษภาคม อยู่ที่ 60.5 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ต่ำสุดในรอบ 7 เดือน
เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มกลับมากังวลว่า การเมืองไทยเริ่มขาดเสถียรภาพ จากการที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องของ 40 สว.เกี่ยวกับคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน กรณีการแต่งตั้งรัฐมนตรีที่โดนศาลฎีกาสั่งลงโทษขังคุก ส่อขัดรัฐธรรมนูญ ผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง
...
สำนักมาตรฐานประมวลตัวเลข ยกเมฆหลอกกันไม่ได้
เหนืออื่นใด มันก็มาจากปากของผู้นำเอง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ยอมรับสภาพเลยว่า ปัจจัยทางการเมืองที่มีคดีการเมืองถึง 3 คดี ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำตลาดหุ้นมีความกังวล
ไม่กล้าพูดข้ามช็อต ไม่อาจคาดการณ์ผลในอนาคต
ตามปรากฏการณ์ที่ยากต่อการคาดหมาย ภายใต้ความซับซ้อนของเหลี่ยมคมกฎหมาย บวกกับเหลี่ยมซ่อนเงื่อนเกมอำนาจทางการเมือง โดยความเชื่อมโยงของผลแห่งคดีที่เป็นแม่น้ำหลายสายไหลมาบรรจบมหาสมุทรใหญ่
เงื่อนไขผูกติดเป็นคนละเรื่องเดียวกัน เดายาก พระเอก ผู้ร้ายตายตอนจบ
ไล่จากคดีของตัวผู้นำเองที่ลุ้นพลิกคว่ำพลิกหงาย ณ จุดที่นายเศรษฐาต้องนั่งถกเครียดกับทีมกฎหมาย ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญสั่งเรียกข้อมูลเพิ่มเติมจากที่ได้ทำเอกสารชี้แจงข้อกล่าวหากลุ่ม 40 สว.ส่งไปก่อนหน้า
นั่นหมายถึงมีปมที่ยัง “ไม่เคลียร์” ในมุมของทีมตุลาการฯ
ตามคิวศาลรัฐธรรมนูญกำหนดให้นายเศรษฐา และ 40 สว.ส่งข้อมูลเพิ่มเกี่ยวกับกระบวนการแต่งตั้ง
นายพิชิต ชื่นบาน เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ ทั้งๆที่ถูกทักท้วงเรื่องคุณสมบัติซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยนัดพิจารณาวันที่ 18 มิถุนายน ในการประชุมประจำสัปดาห์ปกติ
ยังไม่มีสัญญาณดีเดย์ โดยรูปการณ์ยังต้องลุ้นระทึกกันต่อเนื่อง
ตามท้องเรื่องคาดเดาไปต่างๆนานา อารมณ์ทีมเพื่อไทยก็ฟันธงเข้าข้างตัวเองไว้ก่อน ตามธรรมชาตินักเลือกตั้งอาชีพ อ่านหมาก แกมมโนไฟต์บังคับทางการเมือง นายเศรษฐามีโอกาสรอด
มองทะลุช็อต ยังไม่มีตัวผู้นำที่เหมาะสมในบัญชีของฝ่ายอนุรักษ์นิยม
เน้นจังหวะกระโดดข้ามเงี่ยงแหลมคมกฎหมาย อาศัยโหนเหลี่ยมเกมอำนาจการเมือง ไม่ได้มองเงื่อนปมรัฐธรรมนูญ ไปจนถึง “ระบบยุติธรรม” โดยเฉพาะความเข้มขลังในคำพิพากษาของศาลฎีกา
ที่มาสถิติทีม “เถ้าแก่ใหญ่” มักพลาดท่าแพ้คดีมากกว่าชนะ
สถานการณ์ของผู้นำยังแขวนต่องแต่งอยู่บนศาลรัฐธรรมนูญ ลุ้นตีคู่ไปกับคดียุบพรรคก้าวไกล ที่ได้รับนัดคิวตรงกัน ศาลสั่งเรียกข้อมูลเพิ่มเติมภายในวันที่ 17 มิถุนายน กำหนดพิจารณาวันที่ 18 มิถุนายน ในการประชุมประจำสัปดาห์นัดหน้า
มีปมไม่เคลียร์ในมุมของคณะตุลาการเหมือนกัน
แต่คิวของกองทัพส้มกลายเป็นฝ่ายโจทก์อย่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ถูกศาลสั่งให้ต้องยื่นบัญชีหลักฐาน พยานเพิ่มในการกล่าวหาจำเลย
สะท้อนร่องรอย “หลวม” ตามสำนวนฟ้องของ กกต.
ข้อกฎหมายของฝ่ายร้องให้ลงดาบโทษประหารไม่แน่นพอ ล้อไปกับข้อต่อสู้ของพรรคก้าวไกล ที่ “หนุ่มทิม” นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค เปิดแถลง 9 ปมหักล้างข้อกล่าวหายุบค่ายสีส้ม
กกต.ไม่สามารถใช้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณีพรรคก้าวไกลเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 “ล้มล้างการปกครอง” มาเป็นฐานสั่งให้ยุบพรรคก้าวไกลได้ แม้จะเป็นข้อเท็จจริงเดียวกันกับกรณียุบพรรคไทยรักษาชาติ แต่ข้อกล่าวหาต่างกัน มาตรฐานในการพิจารณาจึงต้องมีความเข้มข้นต่างกัน
อาการ “เด็กฟันน้ำนม” แต่เขี้ยวงากฎหมายแข็งพอตัว หักดิบไม่ง่าย
ทีมก้าวไกลดิ้นสู้โทษประหาร ไปพร้อมๆกับการเดินหมากข้ามช็อต ปลุกกระแสความนิยมในสนามเลือกตั้ง เล่นแต้มเรียกคะแนนสงสาร ล้ออารมณ์สไตล์คนไทยเชียร์มวยรอง เห็นใจเด็กถูกรังแก
ฉวยเหลี่ยมแห่กระแส กระตุกสังคมโลกจับตา คนในประเทศเฝ้าดู ยุทธการล้มกระดาน สถานการณ์คดีล้างน้ำสองพรรคก้าวไกลยังยื้ออีกพักใหญ่
คดียุบพรรคก้าวไกล คดีสอยเก้าอี้นายกฯของนายเศรษฐา กระตุกต่อมผวา นักลงทุนไม่กล้าเสี่ยงกับบรรยากาศการเมืองไร้ความแน่นอน
ท่ามกลางฉากอึมครึมทางการเมือง ตีคู่ไปกับเมฆหมอกฤดูฝน 18 มิถุนายนนี้ ส่อได้คำตอบแค่ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟันธงกรณีการเลือก สว.ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่เท่านั้น
ในจุดที่คนมองโลกแง่ดีเชื่อมั่นว่าไม่มีอะไรในกอไผ่
แต่พวกมองโลกแง่ร้าย ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การเลือก สว.ขัดกฎหมายละก็ “บันเทิงไปกันใหญ่” โดยเฉพาะ กกต.ที่ลุยถั่วผ่านกระบวนการเลือก สว.ระดับอำเภอและจังหวัดไปแล้ว ตามร่องรอยแฝงการเลือก สว.ที่ซับซ้อนสุดในโลก ซ่อนชนวนป่วนไว้ทุกจุด ร้องกันนับคดีไม่ทัน
นี่คือ 3 คดีการเมืองที่แขวนต่องแต่งในศาลรัฐธรรมนูญ ฉุดความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ นักลงทุนถอนสมอหนี ทำตลาดหุ้นร่วงระเนระนาด
แต่อีกจุดสำคัญ ส่งผลต่อยุทธศาสตร์การเมืองประเทศไทย
โฟกัสที่ศาลอาญา ตามกำหนดดีเดย์ 18 มิถุนายน อัยการสูงสุดนัดนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯในตำนาน ไปพบ เพื่อนำตัวส่งฟ้องศาลในคดีความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากการให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศที่กรุงโซล เกาหลีใต้ เมื่อปี 2561
ถึงจุดสุดทางเลื่อน หลัง “นายใหญ่” อ้างติดโควิดไปแล้ว
ตามอาการส่อแววตั้งป้อมสู้หลังชนฝา เหลี่ยมเกมฝ่ายกฎหมายของนายทักษิณได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมไปยังอัยการสูงสุด อ้างเหตุผลเพิ่มเติมในการคัดค้านคำสั่งฟ้องในคดีที่ตกเป็นผู้ต้องหากระทำความผิดกฎหมายอาญามาตรา 112
เพราะ คสช.เข้าควบคุมอำนาจการปกครอง เมื่อปี 2557 ทำให้พนักงานสอบสวนไม่มีความเป็นอิสระในการทำหน้าที่ กระบวนการได้มาซึ่งพยานหลักฐาน จึงมิชอบด้วยกฎหมาย
มีความเบี่ยงเบนตามผู้มีอำนาจต้องการ
สคริปต์เดียวกันเลยกับการที่นายทักษิณให้สัมภาษณ์นักข่าวในการโผล่ไปร่วมงานบวชลูกชายนักการเมืองท้องถิ่นของพรรคเพื่อไทยที่จังหวัดปทุมธานี เสียงแข็งแสดงความมั่นอกมั่นใจ
ยืนกรานเดินทางไปพบอัยการสูงสุดตามนัด 18 มิถุนายนนี้แน่
เบิ้ลกลับกระแสข่าวลือ หนีคดี “นายใหญ่” ยืนยัน คดีความผิดมาตรา 112 ไม่มีอะไรน่ากังวล เพราะเป็นแค่ผลพวงจากโดน คสช.ใช้อำนาจยัดความผิดให้
“ทักษิณ” ยังโชว์ฮึกเหิม ดีกรีท้าทายไม่แผ่วเหมือนเดิม
เพิ่มเติมคือ การลั่นกระสุนปืนใส่คนในป่าฯ อาการตั้งใจชี้เป้าประจานลุงบ้านป่ารอยต่อฯอยู่เบื้องหลัง 40 สว. ไล่เจาะยางนายเศรษฐา อารมณ์เร่งเครื่องไล่บี้ ปล่อยคิวเขย่า “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าค่ายพลังประชารัฐ จ้องอัปเปหิพ้นพรรคร่วมรัฐบาล
ฉวยเหลี่ยมเกมการเมืองนัวเนียคดีความตามกฎหมาย
ตามฟอร์มให้เดาทางลำบาก มุมหนึ่งก็เหมือนโชว์ความเหนือชั้น “นายใหญ่” มั่นใจถือดุล “ดีลลังกาวี” ขี่ไฟต์บังคับฝ่ายอนุรักษ์นิยมต้องใช้บริการ แต่อีกมุมก็สะท้อน “มวยออกอาการ” โชว์กลบเกลื่อนความอ่อนไหว
ในจังหวะที่เสียงสะท้อนกระดอนกลับแรงๆเข้มๆ
หนักแน่นแบบที่นายตระกูล วินิจนัยภาค อดีตอัยการสูงสุด ตอบโต้นิ่มๆ ขอยืนยันด้วยเกียรติลูกผู้ชายว่า ในฐานะอัยการสูงสุดในขณะนั้น ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดีอาญานอกราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายพิจารณาความอาญามาตรา 20
ไม่เคยมีใครสั่ง ข่มขู่ โน้มน้าว ชักจูง ให้ปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบในการสอบสวน
โดยเกมประลองอำนาจ กระบวนการคดีสำคัญแขวนต่องแต่งอยู่ในศาล เดาคำตอบลำบาก
การเมืองป่วนเข้าเงี่ยงวิบาก ลากเศรษฐกิจเสี่ยงพังทั้งกระดาน.
“ทีมการเมือง”
คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม