รองโฆษกรัฐบาล “คารม พลพรกลาง” แนะ กระทรวงสาธารณสุขคิดให้รอบคอบ เอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติด เตือนอย่าหวังเอาใจแค่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ต้องนึกถึงประชาชนที่ครอบครอง ชี้เป็นเรื่องที่แปลกมาก แทนที่จะเร่งออกกฎหมายมาควบคุมการใช้

วันที่ 13 มิถุนายน 2567 นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การที่กระทรวงสาธารณสุข มีความพยายามเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ตนเองคิดว่าต้องคิดให้รอบคอบอย่างที่สุด ไม่ควรทำเรื่องนี้เพื่อเอาใจคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ต้องคิดถึงประชาชนที่เขาไม่มีอำนาจต่อรองเหมือนคนบางกลุ่ม ไม่เช่นนั้นจะเกิดความเสียหาย และความเดือดร้อนต่อประชาชนหลายกลุ่ม  

“ผมว่ากระทรวงสาธารณสุขทราบเรื่องนี้ดี แม้กัญชาจะเคยเป็นยาเสพติดประเภท 5  แต่เมื่อมีการศึกษาถึงผลดีผลเสียอย่างเป็นระบบแล้ว ทำให้รู้ว่ากัญชาไม่ได้มีประโยชน์เฉพาะทางการแพทย์เท่านั้น แต่มีประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ภายหลังจากปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติดแล้ว ทำให้เกิดผู้ประกอบกิจการรายย่อยเกี่ยวกับธุรกิจกัญชา อีกทั้งใครๆ ก็รู้ว่าชาวบ้านทั่วไป ได้ใช้กัญชารักษาโรค และใช้เป็นส่วนหนึ่งในการประกอบอาหารมาเป็นเวลานาน”    

นายคารม ยังกล่าวอีกว่า หากนำเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ประชาชนที่ครอบครองกัญชาจะต้องถูกจับ ถูกดำเนินคดี และเดือดร้อน ต้องหาเงินมาประกันตัว มาต่อสู้คดี รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม น่าจะบอกข้อมูลสถิติในทางคดีสำหรับชาวบ้านที่ครอบครองกัญชาและถูกจับ ตอนที่ยังไม่ปลดล็อกออกจากยาเสพติดว่ามีจำนวนเท่าไร และเมื่อไม่ได้เป็นยาเสพติดแล้วสถิติคดีโดยรวมทั้งหมดลดลงเท่าไร เมื่อตัดคดีกระทำผิดเกี่ยวกับการครอบครองกัญชาออกไป

...

กัญชายังไม่เคยมีการออกกฎหมายมาควบคุมการใช้อย่างจริงจัง ผลดีผลเสียยังไม่มีการประเมิน แค่มีคนบ้าคนหนึ่งมาโจมตีกัญชาแบบเอาเป็นเอาตาย รัฐมนตรีกลับตั้งท่าจะเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติดท่าเดียว ตนเองมองว่าแปลกมาก

ทั้งที่รัฐบาลชุดนี้ ก็เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก หากออกกฎหมายควบคุม ก็น่าจะใช้เวลาไม่นาน และน่าจะเป็นวิธีการที่ถูกต้องที่สุด เพราะกฎหมายฉบับนี้ ครอบคลุมการใช้ประโยชน์จากกัญชาทั้งหมด และใครใช้ได้หรือไม่ได้อย่างไร 

“รัฐบาลก็มีเสียงข้างมาก สมควรที่จะเร่งออกกฎหมายเพื่อมาบังคับใช้ จะทำให้มีการใช้ประโยชน์จากกัญชา ครอบคลุมทั้งมิติทางเศรษฐกิจ ทางการแพทย์ และไม่เพิ่มคดีความให้กับผู้ครอบครองกัญชาที่เป็นวิถีชาวบ้าน จึงไม่สมควรอย่างยิ่ง ที่จะเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติด แต่สมควรที่จะเร่งออกกฎหมาย เพื่อมาควบคุมการใช้กัญชา จะดูเหมาะสมทั้งในทางเศรษฐกิจ ทางกฎหมาย ทางการแพทย์ แต่การที่ออกตัวมา ก็ตั้งเป้าเลยว่าจะเอากัญชาไปเป็นยาเสพติด ผมว่าแปลกมาก” นายคารม กล่าว