นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมสำนักงาน Agoda ในไทย ขอร่วมผลักดันให้ในปี 2568 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไทย ย้ำ รัฐบาลพร้อมดำเนินการทุกอย่างเพื่อให้ประสบความสำเร็จ

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 มิถุนายน 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ และเยี่ยมชมสำนักงานบริษัท อโกด้า ณ สำนักงานบริษัท อโกด้า เซอร์วิสเซส จำกัด ชั้น 8 อาคาร The Offices at Central World โดย นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ว่า นายกรัฐมนตรียินดีที่ได้มีโอกาสเยี่ยมชมการทำงานในครั้งนี้ ได้เห็นว่า บริษัท อโกด้า พัฒนาไปสู่บริษัทตัวแทนท่องเที่ยวออนไลน์ชั้นนำทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และยังได้พบกับบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถจากทั่วทุกมุมโลกที่ปฏิบัติงานร่วมกันกับบุคลากรไทยที่กรุงเทพฯ ซึ่งนายกรัฐมนตรีชัดเจนมาตลอดว่า “ประเทศไทยเปิดกว้างสำหรับธุรกิจ และไม่มีเวลาใดที่จะเหมาะต่อการลงทุนในไทยได้เท่าช่วงเวลานี้” โดยรัฐบาลพยายามดึงดูดการลงทุน อำนวยความสะดวกเพื่อทำให้การดำเนินธุรกิจง่ายขึ้น ใช้กระบวนการที่มีประสิทธิภาพ การปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ และการให้บริการภาครัฐดิจิทัล และการจัดตั้งสำนักงานของ บริษัท อโกด้า ถือเป็นข้อพิสูจน์ถึงขีดความสามารถที่มีของประเทศไทย

...

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวย้ำถึงปี 2568 ด้วยว่า จะเป็นปีที่สำคัญด้านการท่องเที่ยวของไทย โดยรัฐบาลพร้อมดำเนินการทุกอย่างเพื่อให้ประสบความสำเร็จ ทั้งการจัด Festivals Concerts Events โดยเริ่มจาก จ.เชียงใหม่ ไตรมาส 4 เชียงใหม่จะเริ่มมีกิจกรรมที่จัดขึ้นทุกสัปดาห์ Michelin Food Festival ลอยกระทง Halloween การแข่งขันด้านกาแฟ นายกรัฐมนตรีจึงห่วงว่าจะมีเที่ยวบินพอหรือไม่ และกำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาในส่วนของรายละเอียดเหล่านี้ พร้อมกล่าวว่า ขอรับฟังและช่วยแก้ไขปัญหาที่มีของอโกด้าร่วมกัน เพราะเชื่อมั่นว่าหากไม่รับฟังก็จะไม่ได้แก้ไขจุดบกพร่อง โดยในตอนท้าย นายกรัฐมนตรียังได้ขอให้ช่วยกันทำงานสู้กับความท้าทาย ทำให้ปีหน้าเป็นปีแห่งการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไทย 

ทางด้านคณะผู้บริหารอโกด้า กล่าวว่า ปัจจุบันอโกด้ามีบุคลากรจำนวนมากที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ล้วนรักในการทำงานในไทย ยืนยันว่าอโกด้าพร้อมเป็นพันธมิตรที่ดี พร้อมช่วยเหลือ แลกเปลี่ยนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมร่วมกับไทย อีกทั้งชื่นชมความสามารถของบุคลากรไทยจำนวนมากในด้านเทคโนโลยี และขอบคุณความร่วมมือจากหน่วยงานจากภาครัฐที่ร่วมกันทำงานอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดกิจกรรมต่างๆ มากมาย ซึ่งเป็นผลดีกับการพัฒนาทักษะของบุคลากร โดยเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเป็น Silicon Valley of Asia ได้อย่างแน่นอน.