สดับตรับฟังความเห็นของผู้คนทั่วประเทศกว่า 1,600 คน จากผลโพลของสถาบันพระปกฯที่ถามไถ่กลุ่มเป้าหมายในโอกาสครบ 1 ปีการเลือกตั้งว่า ถ้าเลือกตั้งใหม่ พวกเขา จะเลือกพรรคใด และใครควรเป็นนายกรัฐมนตรีที่อยากได้

สรุปสั้นๆได้ว่า พรรคที่ยังครองความนิยมเป็นอันดับ 1 คือ พรรคก้าวไกล และนายกฯที่พวกเขา อยากได้ อันดับ 1 ยังคงเป็น “คุณทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อันดับที่ 2 ยังมีคนติดใจ “ลุงตู่” พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี และอดีตนายกฯอยู่ อันดับที่ 3 คือ “คุณอุ๊งอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร

และอันดับที่ 4 คือ คุณเศรษฐา ทวีสิน นายกฯคนปัจจุบัน ที่ดูเหมือนจะได้คะแนนเพียง 8.7 เท่านั้น ในขณะที่ทำงานหนักที่สุด

ถึงตรงนี้ ใครเป็นคุณเศรษฐาคงจะรู้สึกเจ็บลึกในใจ เหมือนทำดีแล้วไม่ได้ดี ยังไงยังงั้น!

ถ้าจะลำดับผลงานที่เกิดมักเกิดผลกันจริงๆน่ะ มีอยู่มาก สรุปแค่เรื่องสำคัญที่สุดของนายกฯเศรษฐาก็คือ อยากเห็นคนไทยลืมตาอ้าปากได้ ไอ้ที่อัตคัดขัดสนกันมานาน ก็ขอแค่ให้มีรายได้ เพิ่มขึ้นจากค่าแรงงานขั้นต่ำ จากกระเป๋าเงินดิจิทัลที่รัฐบาลเตรียมจะให้ 10,000 บาท และ จากความพยายามแก้หนี้ให้

สิ่งต่างๆเหล่านี้ถ้าสามารถขับเคลื่อนการจับจ่ายใช้สอยในประเทศได้ ก็จะยิ่งทำให้เศรษฐกิจประเทศหมุนไปได้ด้วย

คุณเศรษฐายังมักจะออกไปเดินสายเยี่ยมเยียนประชาชน ดูแลทุกข์สุข และความเป็นอยู่ของพี่น้องคนไทยทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด ในรูปแบบผูกไมตรีอย่ารู้ร้าง สร้างกุศลอย่ารู้โรย เป็นประจำ

ก่อนจะมีกำหนดการออกไปเดินสายต่างประเทศเพื่อเชิญชวนนักธุรกิจชั้นนำเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ตั้งแต่ธุรกิจท่องเที่ยว เช่น โรงแรมหรูระดับ 7 ดาว เจ้าของเรือเดินสมุทร ท่าเทียบ เรือใหญ่ๆของโลก ไปจนถึงเจ้าของสินค้าแบรนด์เนมชื่อดัง เพื่อชักชวนให้ใช้ผ้าทอ และผ้าไหมไทยในงานแฟชั่นบ้าง

...

เรียกน้ำย่อยกันมาพอสมควร มิสไฟน์ หวังว่า คงมองเห็นความพยายามทำงานเพื่อให้เกิดคุณูปการกับบ้านเมืองของนายกฯคนปัจจุบันกันบ้าง

ทีนี้ก็ถึงเวลาต้องกลับมาพูดถึงโพลล่าสุดของ สำนักงานสถิติแห่งชาติ ที่เพิ่งแถลงเมื่อวันอาทิตย์ หลังสำรวจความเห็นประชาชนต่อการทำงานของรัฐบาลในรอบ 6 เดือนกันบ้าง

ภาพรวมที่ได้ มีประชาชนพอใจผลงานรัฐบาลมากที่สุด 44.3% โดยเฉพาะนโยบาย “30 บาทรักษาทุกโรค” ที่ขยายออกมาเป็น “30 บาทรักษาได้ทุกที่” ซึ่งครองใจคนไทยมากถึง 68.4%

ส่วนที่พอใจผลงานรัฐบาลในระดับปานกลางมี 39.6% ด้านนโยบายที่พอใจรองลงมาคือ พักหนี้เกษตรกร 38.9% และ 33.1% พอใจกับมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว

เมื่อถามว่า ยังเชื่อมั่นรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาประเทศหรือไม่ 41.9% ตอบว่า เชื่อมั่นมาก และอีก 39.6% เชื่อมั่นพอสมควร

ผลโพลนี้น่าจะทำให้ความรู้สึกของรัฐบาลและคนไทยสบายใจขึ้น โดยเฉพาะต่างชาติที่คิดจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม นายกฯเศรษฐาและรัฐบาลพึงระลึกเสมอว่า ความดีต้องใช้ความอดทน และเพียรพยายามที่อาจกินเวลานานกว่าจะเห็นผล เพราะไม่มีทางลัดอื่น ที่สำคัญก็คือ สิ่งใด ที่จะเป็นการสร้างความสับสน โดยเฉพาะการสั่งการ ช่วยขจัดให้พ้นไปที.

มิสไฟน์

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่