"สมศักดิ์" เปิดกระทรวง สธ.วันหยุด รับฟังความเห็นปมกัญชา "กลุ่มแพทย์-เด็ก" หนุนกลับเป็นยาเสพติด หลังพบเด็กเข้าถึงง่าย-ไอคิวลด-อุบัติเหตุเพิ่ม ชี้หลังปลดล็อกทำต้นทุนค่ารักษาพุ่ง จาก 3 พันล้าน เป็น 2 หมื่นล้านบาท เล็งเปิดเวทีฟังรอบด้าน แย้มรัฐบาลตัดสินใจง่ายขึ้น

เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 67 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมรับฟังความคิดเห็นนักวิชาการ สมาคม ราชวิทยาลัย และเครือข่ายภาคประชาสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหากัญชาในสังคมไทย โดยมีนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายกิตติกร โล่ห์สุนทร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ศ.นพ.มานิต ศรีสุรภานนท์ ราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ศ.เกียรติคุณ นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย และสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย พญ.ศิโรรัตน์ สุวรรณโชติ ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยและสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ผศ.(พิเศษ) นพ.ปราการ ถมยางกูร สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย อ.เกรียงไกร พึ่งเชื้อ มูลนิธิศูนย์วิชาการสารเสพติด และนายอาทิตย์ เสถียรวารี YNAC (Youth Network Against Cannabis) เข้าร่วม ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข

...

โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า การรับฟังความคิดเห็นในวันนี้ เนื่องจากรัฐบาลมีแนวทางนำกัญชากลับเข้าไปเป็นยาเสพติด แต่การจะประกาศยาเสพติดประเภทที่ 5 เพิ่มเติมจากสิ่งที่มีอยู่ ก็ต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ตนจึงขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่เดินทางมาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ซึ่งในสมาคมที่เดินทางมาวันนี้ ก็มีสมาชิกไม่น้อยกว่า 30,000 คน จึงถือได้ว่าเป็นพื้นที่รับฟังความคิดเห็น โดยข้อเสนอที่ให้เปิดเวทีให้ความรู้เรื่องกัญชา ตนก็ได้หารือกับปลัดกระทรวงสาธารณสุข ก็มีความเห็นด้วย เพื่อได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสุขภาพและความปลอดภัยด้านสาธารณสุข

"ผมได้รับฟังข้อมูลเรื่องกัญชา ต้องยอมรับว่าน่ากลัวมากสำหรับเด็กและเยาวชน เพราะจากข้อมูลของอเมริกา พบว่าไอคิวของเด็กที่ใช้กัญชาลดลงไป 8-9 หน่วย รวมถึงหลังปลดล็อกกัญชา ก็ทำให้ต้นทุนการรักษาด้วยกัญชาเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาประชาชน อย่างโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ โดยรัฐบาลพยายามควบคุมค่าใช้จ่าย แต่ก็ต้องมารักษาโรคเกี่ยวกับกัญชาที่สูงมากขึ้น จากเดิมต้นทุน 3,000 ล้านบาทต่อปี เป็น 20,000 ล้านบาทต่อปี จึงถือเป็นเรื่องที่น่าห่วง ซึ่งสิ่งที่แนะนำมาทั้งหมด จะทำให้รัฐบาลตัดสินใจง่ายขึ้น" รมว.สาธารณสุข กล่าว

ขณะที่ผู้แทนกลุ่ม YNAC กล่าวว่า ที่ผ่านมา ประชาชนยังมีความรู้เรื่องกัญชาน้อย จึงเกิดปัญหาสังคม โดยกลุ่ม YNAC จึงมองว่า ควรให้ความรู้ที่ถูกต้องกับกลุ่มเด็กและเยาวชน เพราะต้องยอมรับว่ามีบางส่วนที่เข้าใจผิดว่า กัญชาถูกกฎหมายแล้วจะทำอะไรก็ได้ ทำให้เยาวชนเข้าใจว่าเป็นสิ่งถูกกฎหมายและสามารถใช้ได้ รวมถึงจากการสำรวจชุมชนสามารถปลูกได้ ทำให้เข้าใจว่าสามารถกินได้ ผู้ปกครองจึงผสมใส่อาหารให้เด็กไปกินที่โรงเรียน ซึ่งทางกลุ่ม YNAC ยังได้รับการขอความช่วยเหลือจากผู้ปกครอง ในเรื่องการบำบัดกัญชาด้วย จึงอยากให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด เพราะกว่า พ.ร.บ.ควบคุมจะออกมาใช้เวลาเป็นปี กลุ่ม YNAC จึงเห็นว่ารัฐบาลแก้ไขเร่งด่วนดีที่สุดแล้ว เนื่องจากมองอนาคตของชาติสำคัญสุด หลังมีการใช้ผิดวัตถุประสงค์ทางการแพทย์

ขณะที่ ศ.นพ.มานิต กล่าวว่า มีงานวิจัยรองรับที่อเมริกา พบว่ากัญชาใช้แล้วติด ซึ่งเมื่อติดแล้วก็จะมีปัญหาทางจิตเวชตามมา ทำให้ในโรงพยาบาลมีสัดส่วนผู้ป่วยทางจิตจากกัญชาเพิ่มขึ้นจำนวนมาก โดยต้องใช้ทรัพยากรของประเทศจำนวนมากในการรักษา ส่วนในระยะยาวจะทำให้คนไทยมีคุณภาพแย่ลง โดยเฉพาะไอคิวลดลง รวมถึงเป็นโรคจิตด้วย ซึ่งจะใช้ชีวิตลำบาก โดยช่วง 2-3 ปี เรามองเห็นปัญหา เพราะปล่อยให้ใช้โดยควบคุมน้อยมาก จึงขอเสนอให้กัญชากลับเป็นยาเสพติด ซึ่งเราไม่ต้องการลงโทษคนใช้ แต่เราสามารถยับยั้งผู้ค้าได้

ผศ.(พิเศษ) นพ.ปราการ กล่าวว่า จากข้อมูลพบว่าผู้ใช้กัญชามีความพยายามฆ่าตัวตายเพิ่ม รวมถึงมีอุบัติเหตุทางถนนมากขึ้น นอกจากนี้ยังพบว่าแม่ที่ใช้กัญชา เวลาให้นมลูก จะมีส่วนของกัญชาไหลออกมาให้เด็กด้วย ขณะเดียวกันยังมีข้อมูลที่น่าสนใจว่า หลังปลดล็อกกัญชาทำให้ต้นทุนการรักษาด้วยกัญชาทางการแพทย์สูงขึ้น โดยช่วงปี 2562-2564 มีต้นทุนการรักษา 3,200-3,800 ล้านบาท แต่ปี 2565-2566 เพิ่มเป็น 15,000-21,000 ล้านบาท จึงถือเป็นสิ่งที่น่ากังวล

อ.เกรียงไกร กล่าวว่า หลังปลดล็อกกัญชา พบว่ามีการจำหน่ายกัญชากว่า 7,700 จุด ทำให้นำไปสู่ปัจจัยเสี่ยงที่จะไปใช้ยาเสพติดชนิดอื่นต่อ เพราะจากการสำรวจในภาคตะวันตก พบว่าผู้ที่ใช้เฮโรอีน ร้อยละ 40 เริ่มมาจากการใช้กัญชามาก่อน จึงควรให้ความสำคัญ เพราะจะมีผู้ป่วยจิตเวชเพิ่มมากขึ้น จนปัจจุบันมี 1 ตำบล 1 ผู้ป่วยจิตเวช

ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมแสดงความคิดเห็น ยังได้ร่วมสะท้อนว่า ต้องมีการให้ข้อมูลของกัญชาที่แท้จริง รวมถึงต้องระวังกัญชาในขนมด้วย เพราะเป็นสิ่งที่อันตรายมาก เนื่องจากที่ผ่านมามีเด็กกินบราวนี่ 2 ชิ้น ถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาล จึงเสนอให้จัดเวทีให้ข้อมูล

นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเพิ่มเติมถึงกรณีการนำกัญชากลับเป็นยาเสพติด เพราะมีภาระค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นด้วยใช่หรือไม่ ว่า ตนได้หารือปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่ทำงานอย่างหนัก ไม่เคยบ่นเรื่องงบประมาณ ดังนั้นถ้าวันนี้ไม่ยอมให้กัญชาเป็นยาเสพติด ก็ต้องเพิ่มเงินค่ารักษามาให้เราด้วย พร้อมยืนยันว่า กลุ่มไม่เห็นด้วยกับการนำกัญชากลับเป็นยาเสพติด ก็สามารถเข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้เช่นกัน

เมื่อถามว่า ขั้นตอนจากนี้จะดำเนินการอย่างไรต่อ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองด้วย โดยที่ได้สนับสนุนในอดีต เพราะอาจมีข้อมูลที่แตกต่างกัน ดังนั้นต้องให้เวลาการตกผลึกด้วย โดยคงไม่ช้า เพราะยาบ้าในสัปดาห์หน้า ก็จะรับฟังความคิดเห็นจบในวันที่ 4 มิ.ย.นี้ จากนั้นก็จะดำเนินการเรื่องกัญชาต่อ

เมื่อถามถึงแนวทางการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการนำกัญชาเป็นยาเสพติด นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องการเยียวยาในที่ประชุมก็ได้พูดถึงด้วย แต่จะสามารถมองได้แค่ไหน ก็ต้องพิจารณาในรายละเอียดต่อไป เพราะเราไม่มีเงินมากมายที่จะไปใช้ที่ไม่ใช่ทางตรง ซึ่งตนทราบว่ากระทรวงสาธารณสุขยังเป็นหนี้บุคลากรทางการแพทย์ในช่วงโควิดอยู่ ดังนั้นจะให้เป็นหนี้อีกก็ตัดสินใจไม่ได้ แต่ตนขอยืนยันว่าจะให้เวลาการปรับตัว พร้อมขอย้ำว่า ไม่ห้ามทางการแพทย์