“ประชาธิปัตย์” วางพวงมาลา ถวายราชสักการะ ร.7 น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ “เฉลิมชัย” ชี้ ประชาธิปัตย์ก็เลือกจับมือ อย่าคิดว่าอยากเป็นรัฐบาลอย่างเดียว ฝากนักวิเคราะห์เลิกคิดว่าเป็นพรรคสำรองได้แล้ว เตรียมลงพื้นที่ภาคใต้ กลาง อีสาน เหนือ

วันที่ 30 พฤษภาคม 2567 ที่อาคารรัฐสภา นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายนริศ ขำนุรักษ์ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ น.ต.สุธรรม ระหงษ์ รองหัวหน้าพรรค นางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท นายธีระชาติ ปางวิรุฬห์รักษ์ นายกุลเดช พัวพัฒนกุล อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และนางสาวอาภรณ์ รองเงิน รองผู้อำนวยการพรรค ร่วมพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

นายเฉลิมชัย ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่อาคารรัฐสภา กรณีที่มีการประกาศหักปากกาโพล เพื่อนำพรรคกลับมาอยู่ในความนิยมของประชาชน ว่า จากการที่ตนลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นการทำกิจกรรมล่วงหน้า โดยมีการเข้าพบปะพูดคุยกับพี่น้องมวลชน ตลอดจนผู้นำศาสนาหลายกลุ่ม ทำให้ยืนยันและมั่นใจว่าพรรคจะได้ สส. มากกว่าโพลล่าสุดที่ออกมา ขณะนี้ก็ได้วางแผนที่จะลงพื้นที่ต่อไปอีกหลายจุดทั่วประเทศ โดยเริ่มต้นที่แรกจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กับจังหวัดสงขลา สำหรับพื้นที่ภาคใต้ได้มีการวางแผนว่าจะไปยังนครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง ชุมพร สุราษฎร์ธานี ตลอดจน ภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคเหนือ โดยยืนยันว่าจะไปทุกที่ และการจะไปพื้นที่ไหนก็ต้องมั่นใจว่าประชาธิปัตย์สู้ได้ 

ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงความเห็นต่อกรณีที่ นายกรัฐมนตรีถูกร้องให้วินิจฉัยเรื่องความเป็นรัฐมนตรี จะส่งผลต่อสถานการณ์การเมืองอย่างไร จะทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพต่อไปได้นานหรือไม่ ดร.เฉลิมชัย กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญว่าจะพิจารณาเรื่องนี้อย่างไร คงจะไปคาดเดาล่วงหน้าไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าเป็นไปในทางร้ายก็คงต้องมีการมาพูดคุยกันใหม่มีรัฐบาลใหม่ แต่ถ้าเป็นไปในทางที่ดีก็จะอยู่ที่ผู้บริหารจะตัดสินใจอย่างไร ส่วนกรณีนายทักษิณ ก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่มีอะไรแปลกหรอก

...

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า กรณีที่อัยการสั่งฟ้อง นายทักษิณ ผิดมาตรา 112 จะทำให้กลายเป็นบรรทัดฐานต่อผู้มีความผิดคดี ม.112 ต่อไปหรือไม่นั้น นายเฉลิมชัย กล่าวว่า เรื่องนี้นายทักษิณถูกสั่งฟ้องก่อนที่จะมีการเดินทางเข้าประเทศ ซึ่งตนก็ได้คาดการณ์ไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า อัยการสูงสุดจะฟ้อง เพราะอัยการท่านนี้คงไม่ไปพลิกคำวินิจฉัยของอัยการสูงสุดท่านก่อนๆ ที่ได้มีไปแล้ว ซึ่งเป็นไปตามหลักกฎหมาย แต่ผลจะเป็นอย่างไรนั้นก็อยู่ที่ศาลจะพิจารณาต่อไป 

ส่วนที่ถามว่า ทางพรรคได้มีการประเมินสถานการณ์ทางการเมืองหรือไม่ หากเกิดการเปลี่ยนรัฐบาล ซึ่งจะต้องมีการเปลี่ยนขั้ว หรือจับขั้วกันใหม่ แล้วพรรคประชาธิปัตย์พร้อมจับมือร่วมรัฐบาลกับทุกพรรคหรือไม่อย่างไร นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ประชาธิปัตย์เราก็เลือกเหมือนกัน อย่าคิดว่าเราอยากจะเป็นรัฐบาลอย่างเดียว ไม่ใช่หรอก 

“ช่วยบอกไปถึงพี่น้องประชาชน และนักวิเคราะห์ข่าวทั้งหลายว่า เลิกคิดว่าประชาธิปัตย์เป็นพรรคสำรองได้แล้ว แต่การที่เราเป็นพรรคการเมือง จะต้องพร้อมทั้งเป็นรัฐบาลและเป็นฝ่ายค้าน ไม่มีพรรคไหนประกาศเป็นรัฐบาลอย่างเดียวแล้วจะได้เป็น หรือไม่มีพรรคไหนที่บอกว่าตั้งมาเพื่อเป็นฝ่ายค้านอย่างเดียว ไม่เฉพาะแต่ในประเทศไทย ในโลกก็ไม่มี” นายเฉลิมชัย กล่าว 

ส่วนที่ผู้สื่อข่าวถามถึงการทำงานร่วมกับพรรคก้าวไกลว่ายังผูกกันแน่นอยู่หรือไม่นั้น นายเฉลิมชัย กล่าวว่า วันนี้เราทำหน้าที่ฝ่ายค้านด้วยกัน แต่เรื่องการทำงานอย่างอื่นนั้น อยู่ที่หลักการและอุดมการณ์ ถ้าส่วนไหนที่เราไปกันได้ก็ทำงานได้ ซึ่งรวมถึงการทำงานกับพรรคอื่นๆ ด้วย ส่วนไหนไปกันไม่ได้ เราก็ทำงานกันไม่ได้

นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังได้สอบถามถึงเรื่องวัน เวลาในการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณ ว่าได้มีการพูดคุยกับประชาธิปัตย์อย่างไรบ้างนั้น นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกันแล้ว และตนได้ย้ำว่าคนที่จะเป็นกรรมาธิการงบประมาณจะต้องเข้าประชุมตลอด และต้องไม่มีภารกิจอื่น ในส่วนของอนุกรรมการต่างๆ ก็ต้องให้บุคคลที่มีความรู้และให้เวลาในการทำงานจริงจัง