คงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมคะแนนนิยมของ “ก้าวไกล” จึงเหนือกว่า “เพื่อไทย” อีกทั้งระหว่างบุคคลในฐานะผู้นำการเมือง

“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ก็นำหน้า “เศรษฐา ทวีสิน”

นั่นเป็นความจริงที่สะท้อนถึงการที่ประชาชนมองเห็นว่าอะไรเป็นอะไร ที่ปรากฏจนเกิดความรู้สึกแยกแยะได้ว่า

ควรจะนิยมชมชอบมากกว่ากัน

“เศรษฐา ทวีสิน” ในฐานะนายกรัฐมนตรีที่ “เพื่อไทย” สนับสนุน นับแต่เข้าดำรงตำแหน่ง 10 เดือนเข้าไปแล้ว

แต่ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง มีแต่เดินทางไปต่างประเทศที่เห็นเป็นงานหลัก แต่งานหลักๆในฐานะผู้นำประเทศ

ก็ไม่มีอะไรนอกจากสั่งโน่นสั่งนี่...เท่านั้น

ยิ่งควบตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีคลัง เมื่อไปต่างประเทศถี่ยิบอย่างนี้ ก็เท่ากับว่าต้องเสียงานด้านเศรษฐกิจไปโดยปริยาย แม้จะอ้างว่าทำคู่ขนานกันก็ตาม

กระทั่งตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1 ตํ่ากว่าทุกประเทศในอาเซียนคือ 1.5% นั่นแหละ คงทำให้รู้สึกตัวได้ว่า การที่เศรษฐกิจเติบโตเพียงแค่นี้เพราะเหตุใด

จึงสั่งให้มีการประชุม “ครม.เศรษฐกิจ” เป็นครั้งแรก

แม้จะอ้างว่าประชุมก็แค่ถกหาไอเดียก็ตาม

แต่สภาพความเป็นจริงในการทำงาน กับปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นนั้น ทุกองคาพยพจะต้องระดมสมองสติปัญญาเพื่อแก้ไข

ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว

นี่เกิดขึ้นหลังจากนายกรัฐมนตรีได้เลิกควบตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง โดยให้ “พิชัย ชุณหวชิร” เข้ามาทำหน้าที่รัฐมนตรีคลังแทน

มันก็เลยดูเป็นเรื่องเป็นราวสักหน่อย

ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีทำตัวไม่ต่างกับผู้วิเศษที่รู้ทุกอย่างหมด จึงได้แต่สั่งให้ทำโน่นทำนี่อย่าง “ดิจิทัลวอลเล็ต” จะเอาเป็นเอาตายให้ได้ จนเกิดปัญหากับผู้ว่าการแบงก์ชาติ ที่คัดค้านเรื่องนี้ และเกิดความขัดแย้งจนทำงานร่วมกันไม่ได้

...

แทนที่นายกรัฐมนตรีในฐานะรัฐมนตรีคลัง กับผู้ว่าการแบงก์ชาติ จะต้องทำงานร่วมกัน แม้แบงก์ชาติจะมีความเป็นอิสระ

แต่ก็ต้องสอดรับกับนโยบายของรัฐบาล

เมื่อเกิดปัญหาและช่องว่างขึ้นมา การแก้ไขเศรษฐกิจก็ไม่เดินหน้า

พอมาอยู่ในสถานการณ์ใหม่ ที่หลายฝ่ายรวมทั้งแบงก์ชาติเห็นร่วมกันว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นเป็นความจำเป็น ไม่ใช่แค่ “ดิจิทัลวอลเล็ต” เท่านั้น

นายกรัฐมนตรีก็เห็นด้วย แต่ก่อนหน้านี้ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เลย

“ครม.เศรษฐกิจ” นั้นถือว่าเป็นหัวใจอย่างหนึ่งในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพราะเห็นการรวบรวมบุคคลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อระดมสมองและแนวทางต่างๆที่หลากหลายไม่ใช่แค่นักการเมืองสั่งข้างเดียว

นั่นทำให้ปัญหาเศรษฐกิจจึงมีแต่ดำดิ่ง หนี้สินครัวเรือนจึงพุ่งขึ้นอย่างน่ากลัว

ในยามที่บ้านเมืองเกิดปัญหาเศรษฐกิจ “ครม.เศรษฐกิจ” จึงเป็นกลไกสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขมีประสิทธิภาพ และตรงปัญหาที่สุด เพราะไม่ต่างไปจาก “วอร์รูม” ซึ่งเป็นศูนย์กลางสำคัญในการสั่งการด้วย

ไม่ใช่ไปทำตัวเป็นเซลส์แมนมั่วไปหมด ไม่ได้แยกแยะภารกิจหลักรอง!

“สายล่อฟ้า”

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม