วันนี้ นายกฯเศรษฐา ทวีสิน เรียกประชุม “ครม.เศรษฐกิจ” เป็น “ครั้งแรก” หลังจากที่เป็นรัฐบาลมากว่า 10 เดือน ตอนแรกก็เข้าใจว่า นายกฯเศรษฐาเรียกประชุม ครม.เศรษฐกิจด้วยตัวเองระหว่างเดินสายทัวร์ต่างประเทศ แต่เมื่อผู้สื่อข่าวนำเรื่องจีดีพีที่ต่ำเตี้ยไปถาม คุณทักษิณ ชินวัตร ผู้นำจิตวิญญาณพรรคเพื่อไทยที่โคราชเมื่อวันเสาร์ คุณทักษิณ ตอบว่า จีดีพีโต 1.5% นายกรัฐมนตรีก็ได้มีการเรียกประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจในวันจันทร์นี้ เราต้องรีบหาทางแก้ไข อะไรที่ต้องโด๊ปต้องยกขึ้นมาสูงๆ เพราะวันนี้กำลังซื้อของประชาชนไม่มีเลย ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็เป็นห่วง ก็เลยได้คุยกับนายกฯระหว่างที่อยู่ต่างประเทศว่าให้เรียกประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ

เลยถึงบางอ้อว่า นายกฯเศรษฐา แถลงที่ต่างประเทศว่าจะเรียกประชุม ครม.เศรษฐกิจ ในวันจันทร์นี้ เป็นคำแนะนำของคุณทักษิณ นี่เอง

ความจริงเศรษฐกิจไทยร่อแร่มาตั้งแต่ก่อนตั้งรัฐบาลแล้ว รัฐบาลเพื่อไทยก็ประกาศจะแจกเงินดิจิทัล 5 แสนล้านบาทกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังหาเงินมาแจกไม่ได้ ต้องเลื่อนออกไปเป็นปี คาดว่าอาจจะได้แจกในปลายปีนี้ ช่วงปลายปีที่แล้วต่อเนื่องมาถึงไตรมาสแรกปีนี้ เป็นช่วงไฮซีซันการท่องเที่ยว ภาคการท่องเที่ยวจึงเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย แต่วันนี้เข้าสู่ช่วงโลว์ซีซัน นักท่องเที่ยวไม่มาแล้ว กำลังซื้อจึงตกฮวบลงทันที แต่รัฐบาลไม่ได้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอะไรรองรับเลย

นายกฯเศรษฐา เองก็ไม่ค่อยสนใจเสียงร้องของเอกชนสักเท่าไหร่ เอาแต่เดินสายทัวร์ต่างประเทศ แต่งตั้งตัวเองเป็น “เซลส์แมนไทยแลนด์” ออกไปขายประเทศไทย หวังดึงนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน แต่ 10 เดือนผ่านไป ยังไม่เห็นได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือมีเม็ดเงินลงทุนเข้ามาเหมือนประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์

...

การไปทัวร์ต่างประเทศรอบล่าสุด 3 ประเทศ 10 วัน นายกฯเศรษฐา แถลงความสำเร็จว่า ที่ฝรั่งเศส ได้กล่าวปาฐกถาในที่ประชุม Thailand-France Business Forum มีภาคธุรกิจไทยและฝรั่งเศสเกือบ 100 บริษัท มาร่วมประชุม มีผลการเจรจาที่ประสบความสำเร็จ มีการลงนามระหว่างกันหลายด้าน ที่อิตาลี ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ ได้เจอภาคธุรกิจสำคัญด้านแฟชั่น การเกษตร อาหาร การธนาคาร การเงิน และพลังงาน รวมทั้งสิ้น 13 บริษัท และได้ไปชมการแข่งขันฟอร์มูล่า วัน ที่ญี่ปุ่น ได้ร่วมประชุมและปาฐกถาในงาน Nikkei Forum of Asia เน้นย้ำความสำคัญของความร่วมมือเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น

แต่ทัวร์แบบนี้น่าจะเสียเวลาเปล่า ยังไม่เห็นมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้ามาประเทศไทย มีแต่เงินทุนไหลออก ไปเล่นหุ้นสหรัฐฯ ไปลงทุนกินส่วนต่างดอกเบี้ยที่สูงถึง 5%

การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ หรือ FDI ในรอบปี 2566 ที่ผ่านมา ก็ไหลเข้ามาเมืองไทยน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น อินโดนีเซีย มีเงินทุนต่างชาติไหลเข้าไปลงทุน (FDI) 21,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ราว 780,000 กว่าล้านบาท มาเลเซีย มีเงินไหลเข้า 18,500 ล้านดอลลาร์ ราว 666,000 ล้านบาท เวียดนาม มีเงินลงทุนไหลเข้า 8,255 ล้านบาท ราว 297,000 ล้านบาท และ ไทยแลนด์ ที่นายกฯออกทัวร์มาแล้วไม่รู้กี่ประเทศ มีเงินลงทุนไหลเข้าในปี 2566 เพียง 2,969 ล้านดอลลาร์ ราว 106,800 ล้านบาท เท่านั้นเอง

ยิ่งตอนนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีมติรับคำร้องของ 40 สว.ให้วินิจฉัยสถานะตำแหน่งนายกฯของคุณเศรษฐา ทวีสิน กรณีตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีสำนักนายกฯ แม้ศาลจะไม่ได้สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ก็ถือเป็นความเสี่ยงทางการเมือง กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ซึ่ง คุณเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมฯ บอกว่า เกิดความช็อก และ ความอึมครึม สำหรับนักลงทุนไทยและต่างชาติ เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ นายกฯเศรษฐา จะต้องปลดล็อกให้ได้ เพื่อไม่ให้ประเทศเสียหาย

ก็หวังว่า การประชุม ครม.เศรษฐกิจครั้งแรก ในวันนี้ จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีน้ำหนักออกมาโดยเร็ว ไม่อย่างงั้นจะยิ่งเพิ่มความไม่มั่นใจต่อรัฐบาลมากขึ้น.

“ลม เปลี่ยนทิศ”

คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม