“ดิเรกฤทธิ์” ไขก๊อกพ้นรองประธาน กมธ.การพัฒนาการเมืองฯ โวยบั่นทอนจิตใจน้อยใจเพื่อน สว.ถล่มเดินเกมป่วนล้มรัฐบาล รวมชื่อ 40 สว.ยื่นสอย “เศรษฐา” ตั้ง “พิชิต” นั่ง รมต.ขัดรัฐธรรมนูญ โต้ไร้ใบสั่งรับงานโค่นนายกฯ “สรวงศ์” ยัน พท.ไม่ได้กดดัน รมต.ลาออก รอนายกฯเคาะคนเสียบแทน “ธีระชัย” หวั่นแก๊งหน้าเดิมหาเหตุโยงฟันนายกฯ “ก้าวไกล” กระตุ้นเตือน 10 ปีรัฐประหาร ประเทศไทยไม่ได้เปลี่ยนจริงได้แค่ พท.พลิกขั้วผสมพันธุ์ตั้งรัฐบาล ชวนรัฐบาลลบล้างผลพวงรัฐประหาร ร่วมรื้อรัฐธรรมนูญ-ปฏิรูปกองทัพ-ทลายทุนผูกขาด “เจ๊หน่อย” ซัดพวกยึดอำนาจเข้ามาโกงกิน ดันแก้ รธน.กบฏต้องรับโทษสูงสุด “เศรษฐา” ฟุ้งผลงานเยือนฝรั่งเศส-อิตาลี ดีเกินคาด บินต่อถึงญี่ปุ่นร่วมเวที “นิเคอิ ฟอรั่ม ฟิวเจอร์ ออฟ เอเชีย”นัดถก ครม.เศรษฐกิจแก้จีดีพีโตแค่ร้อยละ 1.5 ต่ำสุดในอาเซียน

หลังจากมี สว.บางคนออกมาตำหนิกลุ่ม 40 สว. ที่เข้าชื่อยื่นคำร้องผ่านประธานวุฒิสภา ส่งไปยัง ศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้พิจารณาวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ นายพิชิต ชื่นบาน รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 ประกอบ มาตรา 160 (4) (5) หรือไม่ ล่าสุดนายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สว. ได้ทำหนังสือขอลาออกจากตำแหน่ง รองประธานกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองของประชาชน วุฒิสภา

ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม
ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม

...

“ดิเรกฤทธิ์” ไขก๊อก กมธ.การเมือง

เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า เมื่อวันที่ 21 พ.ค. นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สว. ได้ทำหนังสือถึงนายเสรี สุวรรณภานนท์ สว.ในฐานะ ประธานกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมี ส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา เพื่อขอลาออกจากตำแหน่งรองประธานกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองฯ โดยระบุเหตุผลว่า เนื่องจากไม่สะดวกใจในการปฏิบัติ หน้าที่ในคณะกรรมธิการบางประเด็น จึงขอลาออกจากคณะกรรมาธิการตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป อนึ่ง เนื่องจากฝ่ายเลขาธิการและคณะเจ้าหน้าที่ได้ช่วยปฏิบัติงาน และให้ความร่วมมือด้วยดีมาตลอดระยะเวลาประมาณ 5 ปีที่ผ่านมา จึงขอขอบคุณอย่างสูงมา ณ ที่นี้ด้วย

น้อยใจเพื่อน สว.ถล่มยื่นสอยนายกฯ

ด้านนายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สว. ให้ สัมภาษณ์ถึงเหตุผลการลาออกจากรองประธาน กมธ.พัฒนาการเมืองฯ ว่า ยอมรับน้อยใจในการทำงาน กรณี 40 สว.เข้าชื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ตรวจสอบ คุณสมบัตินายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายพิชิต ชื่นบาน อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เป็นความตั้งใจดีในการทำงานเพื่อประเทศ แต่กลับถูก เพื่อน สว.บางคนตำหนิผ่านสื่อในทำนองว่าไม่สมควรทำ เพราะ สว.จะหมดวาระไปแล้ว ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน เหมือนกับเป็นการสร้างปัญหาให้ประเทศ ต้องการล้มรัฐบาล จินตนาการไปไกล การให้ความเห็นเช่นนี้ ต่อสาธารณะเหมือนต้องการให้ความน่าเชื่อถือตนลดลง ไม่ให้เกียรติ ไม่เคารพกัน ทั้งที่ต่างคนต่างทำหน้าที่

ยันไม่มีใบสั่งรับงานโค่นล้มนายกฯ

“เมื่อพิจารณาดูเวลาทำงานที่เหลือช่วงปลายสมัยจึงขอลาออกจาก กมธ.พัฒนาการเมืองฯ ส่วนตำแหน่ง กมธ.อื่นๆยังคงทำงานต่อไป เมื่อถามว่าได้ปรับความ เข้าใจกับ สว.ที่ให้สัมภาษณ์เชิงตำหนิแล้วหรือยัง นายดิเรกฤทธิ์ตอบว่า คงไม่ต้องเคลียร์ใจอะไร เป็นสไตล์การทำงานของบางคนที่เอาแต่ตำหนิคนอื่น ทำให้ประชาชนเข้าใจ สว.คลาดเคลื่อน ทั้งที่ตั้งใจ ทำงาน แต่ถูกบั่นทอนกำลังใจ ยืนยันว่าการยื่นตรวจสอบ นายกฯ และนายพิชิตเป็นการทำหน้าที่อย่างถูกต้อง ไม่มีใบสั่งจากใครทั้งสิ้น” นายดิเรกฤทธิ์กล่าว

นายเสรี สุวรรณภานนท์ สว. ในฐานะประธานกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวว่า เป็นสิทธิของนายดิเรกฤทธิ์ ที่จะลาออก แต่นายดิเรกฤทธิ์บอกว่าน้อยใจที่ถูกสว.ด้วยกันต่อว่า แต่ตนบอกว่าการเมือง อย่าไปยึดติดอะไรมาก

โยนนายกฯ ตัดสินใจเลือก รมต.ใหม่

นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายพิชิต ชื่นบาน ลาออกจากตำแหน่ง รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า เป็นดุลพินิจของนายพิชิตที่อยากให้ทุกอย่างราบรื่น เคารพการตัดสินใจนายพิชิต หลังจากนี้ต้องรอดูศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาเรื่องที่ สว. 40 คน ยื่นตรวจสอบคุณสมบัตินายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายพิชิตอย่างไร ส่วนกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยกดดันให้นายพิชิตลาออกนั้น ยืนยันไม่มี เป็นดุลพินิจ นายพิชิต พรรคไม่ได้กดดันแต่ นายพิชิตคงอยากให้ การบริหารงานของนายกฯราบรื่น จึงตัดสินใจแบบนี้ ส่วนการเสนอชื่อรัฐมนตรีใหม่แทนนายพิชิตเป็นดุลพินิจนายกฯ ไม่ได้ยึดติดจะต้องรีบเสนอชื่อเข้าไป อยู่ที่นายกฯจะเห็นสมควรเสนอชื่อผู้ใด เมื่อใด อย่างไร เป็นอำนาจของนายกฯตัดสินใจ เพราะนายกฯเป็นคนเลือกรัฐมนตรีที่จะไปร่วมทำงาน ถ้านายกฯถามมาพรรคก็จะพิจารณารายชื่อที่เหมาะสมเสนอไป แต่ขณะนี้กรรมการบริหารพรรคยังไม่ได้หารือกันถึงเรื่องดังกล่าวเพราะนายพิชิตเพิ่งลาออกไปเมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา

ธีระชัย แสนแก้ว
ธีระชัย แสนแก้ว

หวั่นหาเหตุโยงผิดนายกฯต่อ

นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทยกล่าวว่า เชื่อว่าการลาออกจากตำแหน่ง รมต.ประจำสำนักนายกฯของนายพิชิต ชื่นบาน เพราะไม่ต้องการสร้างความหนักใจให้ทุกฝ่าย จึงเสียสละลาออกตัดปัญหาความวุ่นวาย ทั้งที่ไม่ได้ผิดอะไร เป็นการมอง คนละมุมในแง่กฎหมาย แต่ประชาชนจะมองอย่างไรไม่ทราบได้ แต่การดำเนินการของ 40 สว.ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบคุณสมบัตินายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และนายพิชิตเป็นพวกหน้าเดิมๆ ของพวกได้รับการแต่งตั้งจากกากเดนเผด็จการคนกลุ่มนี้ต่อต้านพรรค พท.และขบวนการประชาธิปไตยหลังจากนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลรัฐธรรมนูญจะรับหรือไม่รับเรื่องไว้วินิจฉัย ไม่อาจทราบได้ แต่ความตั้งใจของนายพิชิตอยากตัดไฟแต่ต้นลม ถ้าจบได้ก็ดี แต่ไม่รู้จะจบหรือไม่ หมดนายพิชิตไม่รู้จะหาเหตุคนอื่นต่อหรือไม่ ส่วนตัวยังตอบไม่ได้ว่าจะมีการโยงไปถึงนายกฯ ต่อหรือไม่ แต่เกรงเหมือนกันจะหาเหตุไปถึงนายกฯ

เชื่อไม่ลามถึงขั้นโหวตนายกฯใหม่

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม 1 ใน 40 สว.ที่ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบคุณสมบัตินายกฯ ระบุว่า การลาออกของนายพิชิตไม่ช่วยตัดตอนความผิดให้นายกฯ ที่เป็นผู้ตั้งนายพิชิตเป็นรัฐมนตรี นายธีระชัยตอบว่า กลุ่ม 40 สว.เป็นพวกหาเหตุคือ จะถูกหรือผิดหาเหตุทั้งปีทั้งชาติ ถูกก็ว่าผิด หรือผิดก็ให้เป็นถูก ต้องการชักจูงมือที่มองไม่เห็นเข้ามามีอำนาจต่อ ปลายทางคือต้องการกวักมือเอาเผด็จการกลับเข้ามาใหม่ แต่ยังไม่รู้ว่าด้วย วิธีการใด แต่ดูแล้วคิดว่าสถานการณ์คงไม่ไปถึงขั้นโหวตนายกฯใหม่แน่

รทสช.รอชัดเรื่องกระทรวง

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าโควตารัฐมนตรีของพรรค แทนนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ที่ลาออกจาก รมช.คลัง ว่า วันนี้เรายืนยัน 1 เก้าอี้ที่ว่างยังเป็นของพรรครทสช.ที่พรรคต้องสรรหาบุคคลที่เหมาะสม แต่จะเป็นตรงไหนจะต้องมีการพูดคุยกับแกนนำรัฐบาลก่อนว่าตกลงแล้วจะให้เราอยู่ที่ตำแหน่ง รมช.คลังเหมือนเดิมหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่หัวหน้าพรรคต้องพูดคุยเจรจากับนายกฯ และเชื่อหลังนายกฯ กลับมาจากต่างประเทศแล้วจะมีการพูดคุยกัน จะได้สรรหาบุคคลที่เหมาะสม ทั้งนี้ พรรค รทสช.ไม่ได้ล็อกไว้ว่าเป็นโควตาภาคนั้น ภาคนี้ หรือส่วนไหน ทุกคนมีความเสมอภาค เราจะพิจารณาคนที่เหมาะสมตามตำแหน่งแต่เราต้องรู้ก่อนว่าเราจะได้ตำแหน่งอะไร

นายกฯบินต่อถึงแดนปลาดิบ

สำหรับภารกิจต่างประเทศของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เมื่อเวลา 11.50 น. วันที่ 22 พ.ค. (เวลาที่กรุงโตเกียวเร็วกว่าเวลาที่กรุงโรม 7 ชั่วโมง และเร็วกว่าเวลาที่กรุงเทพฯ 2 ชั่วโมง) นายเศรษฐาเดินทางถึงท่าอากาศยานฮาเนดะ (Haneda Airport) กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจที่กรุงโรม สาธารณรัฐอิตาลี โดยมีนายโคมูระ มาซาฮิโระ (Mr. KOMURA Masahiro) ผู้ช่วย รมว.กต. ญี่ปุ่น และนางสาวคูกะ ยูริโกะ (Ms.KUGA Yuriko) ผอ.กองเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ให้การต้อนรับ จากนั้นนายกฯเดินทางออกจากท่าอากาศยานฮาเนดะ ไปยังโรงแรมที่พัก The Peninsula Tokyo ก่อนปฏิบัติภารกิจเข้าร่วมการประชุม Nikkei Forum Future of Asia ครั้งที่ 29 ระหว่างวันที่ 23-24 พ.ค. ที่กรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น

สวมเสื้อผ้าขาวม้าอวดคนญี่ปุ่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.09 น. (ตามเวลาประเทศไทย) นายเศรษฐาได้โพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ถึงโตเกียวแล้วครับ หลังเตรียมงานวันพรุ่งนี้ที่จะพบภาคเอกชนหลายรายทั้ง Mitsui & Co, Ajinomoto, Nidec Corporation, Sony และ MUFG & SoftBank เรียบร้อยแล้ว เลยเดินออกกำลังกายรอบโรงแรมที่พัก และไม่ลืมใส่เสื้อเชิ้ตผ้าขาวม้าสีสันสดใสจากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ มาอวดชาวญี่ปุ่นด้วยครับ

ปลื้มผลเยือนฝรั่งเศส-อิตาลีดีเกินดี

นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมสรุปผลจากภารกิจการเยือนสาธารณรัฐอิตาลีอย่างเป็นทางการและกิจกรรมคู่ขนานว่า การเยือนประเทศอิตาลีครั้งนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จเหนือความคาดหมาย เพราะมีการกำหนดขั้นตอนชัดเจนว่าอนาคตจะมีขั้นตอนอย่างไร จะทำอะไรบ้าง ซึ่งตนพอใจมากในภาพรวม และเชื่อว่าความเป็นกลางทางด้านการเมืองของไทยทำให้ไทยมีเสน่ห์ อีกทั้งเราไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร เพราะเรื่องของธุรกิจที่จะตัดสินใจย้ายฐานการผลิตเข้ามา อิตาลีต้องมั่นใจว่าไทยจะสามารถส่งสินค้าได้โดยที่ไม่เป็นคู่ขัดแย้งกับประเทศไหน แน่นอนว่าชีวิตความเป็นอยู่ในประเทศไทยทำให้มีคนอยากเดินทางมาอยู่ที่นี่

นายกฯอิตาลีสัญญาช่วยดันเอฟทีเอ

นายกฯกล่าวอีกว่า ขณะที่การหารือทวิภาคีกับนางจอร์จา เมโลนี นายกฯสาธารณรัฐอิตาลี เป็นประธานกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก (G7) ด้วย จึงถือเป็นโอกาสดี ตำแหน่งนี้โน้มน้าวประเทศสมาชิกได้หลายเรื่อง อย่างการยกเว้นการตรวจลงตราเข้าเขตเชงเก้น นอกจากช่วยอำนวยความสะดวกประชาชนไปมาหาสู่ ยังช่วยอำนวยความสะดวกหากมีการค้าขายระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป (อียู) นายกฯอิตาลีให้คำมั่นสัญญาจะผลักดันเต็มที่ รวมถึงสนับสนุนการเจรจาการค้าเสรี (FTA) ส่วนอุตสาหกรรมการออกแบบแฟชั่นและดีไซน์ได้พูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้กัน เพราะประเทศอิตาลีไปไกลเรื่องนี้มาก ส่วนพลังงานอิตาลีสนใจการจัดทำพลังงานสะอาด และการค้นหาแหล่งก๊าซธรรมชาติ จะลิงก์กับปัญหาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา (OCA)

เผยแรงงานเกษตรไทยเนื้อหอม

นายกฯกล่าวว่านอกจากนี้อิตาลีต้องการให้ไทยส่งแรงงานเฉพาะฤดูเกี่ยวกับการเกษตรเข้ามาทำงานที่อิตาลี สอดคล้องกับความต้องการแรงงานไทย จะทำให้มีรายได้สูงมาก เป็นอีกทางเลือกให้เกษตรกรไทยนอกเหนือจากอิสราเอล กระทรวงการต่างประเทศจะรับไปดูต่อ รวมถึงพูดคุยโครงการแลนด์บริดจ์ ส่วนการขยายสนามบินทางอิตาลีมีเทคโนโลยีหลายอย่างอาจเข้ามาเสนอตัวมีส่วนร่วม และนายกฯอิตาลีได้เสนอว่าทั้ง 2 ประเทศควรมีกลุ่มเป้าหมายเฉพาะที่ชัดเจน และมีการเซ็น MOU ระหว่างเอกชนกับเอกชน และเอกชนกับรัฐบาล ตนได้เชิญให้นายกฯอิตาลีมาเยือนไทยเป็นทางการช่วงเดือน ก.ย.แต่ช่วงนั้นติดการประชุม G7 อาจมาช่วงเดือน ก.พ.68 พร้อมไปเที่ยว จ.ภูเก็ต รวมถึงมีข่าวดีจะเปิดเที่ยวบินกรุงเทพฯ-มิลาน วันที่ 1 ก.ค.และช่วงฤดูหนาวจะเปิดเที่ยวบินกรุงเทพฯ-โรมคาดว่าสายการบินแห่งชาติของอิตาลีสนใจ

สองผู้นำมั่นใจการเมืองไทย

เมื่อถามว่าทั้งฝรั่งเศสและอิตาลีกังวลสถานการณ์การเมืองไทยหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ส่วนตัวรู้สึกแปลกใจที่ผู้นำทั้ง 2 ประเทศไม่พูดถึงการเมืองไทย พูดแต่ธุรกิจ เขามั่นใจในประเทศไทยสูงมาก เชื่อว่าการได้มาซึ่งรัฐบาลตามระบอบประชาธิปไตยที่มีความชอบธรรม ตรงนี้มันจบแล้ว หลายๆประเทศ การไปปรากฏตัวในหลายเวทีโลก ทุกคนเห็นว่าประเทศไทยเปิดแล้วสำหรับทำธุรกิจ เป็นจังหวะดีที่สุดแล้ว

จ่อเยือนอินเดีย-แอฟริกา-ตุรกี

เมื่อถามว่าหลังจากจบการเดินทางครั้งนี้แล้ว มีแผนที่จะเดินทางไปประเทศไหนอีก นายกฯกล่าวว่า น่าจะไปประเทศอินเดีย ซึ่งจะมีการเลือกตั้ง เนื่องจากนายกฯคนปัจจุบันอยู่มา 4 เทอมแล้ว มีความเชี่ยวชาญในหลายด้านและชื่นชอบประเทศไทย และคิดว่าจะเดินทางเยือนแอฟริกาเพื่อเปิดตลาดค้าขายเรื่องอาหารและสินค้าการเกษตร รวมถึงประเทศที่เป็นประตูสู่ทวีปยุโรป คือตุรกี ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 3 ขึ้นไตรมาส 4 แต่จากนี้เป็นต้นไปเป็นช่วงวันมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตนจะยังไม่เดินทางไปไหน แต่จะลงพื้นที่โครงการพระราชดำริ

เรียกถก ครม.ศก.เร่งดันจีดีพี

นายเศรษฐากล่าวอีกว่า วันที่ 27 พ.ค. เวลา 16.00 น. จะมีการประชุม ครม.เศรษฐกิจจะเรียกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพูดคุยหามาตรการหรือไอเดียต่างๆที่ต้องทำ ตั้งแต่นโยบายและการผันเงินผ่านกรมบัญชีกลาง กฎหมายระหว่างประเทศ มานั่งแก้ไขปัญหากัน เพราะจีดีพีโตแค่เพียง 1.5% ต่ำที่สุดในอาเซียน เมื่อถามว่าอะไรคือสิ่งที่รัฐบาลตั้งใจทำในไตรมาส 4 หลังโครงการดิจิทัลวอลเล็ตถึงมือประชาชน และคาดว่าจีดีพีจะโตขึ้นใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า คงมีส่วน แต่จะคอยไกลขนาดนั้นไม่ได้ ต้องเริ่มทำงานก่อน อย่างที่บอกว่าจีดีพีโตแค่ 1.5% ถ้าไม่มีภาคบริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยว เราจะตกอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย น่าเป็นห่วง ยังมีทั้งเรื่องบัตรเครดิต หนี้เสีย และหนี้ครัวเรือน เมื่อถามว่าจะมีโครงการระยะสั้นมากระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ นายกฯตอบว่า เป็นที่มาของการเรียกประชุม ครม.เศรษฐกิจ ใครมีข้อมูลอะไรมานั่งเปิดใจกว้างคุยกัน พร้อมไอเดีย ไม่ได้ให้มาเพื่อจะสั่งว่าต้องทำอะไร แต่คงยังไม่มีโครงการอะไรออกมาเซอร์ไพรส์ ต่อไปจะประชุมทุกสัปดาห์ และประชุมวงเล็ก อยากฟังความคิดเห็นทุกคน จะมีทั้งภาคการค้าระหว่างประเทศ ภาคเกษตร ภาคกฎหมาย ภาคนโยบาย ต้องฟังทุกคนและมีข้อสรุปออกมา

ฟิตกลับมาลงพื้นที่กรุง-อยุธยา

เมื่อถามว่าเหนื่อยหรือไม่ที่ต้องแบกความหวังคนไทยทั้งประเทศ นายกฯกล่าวว่า “ไม่เหนื่อยครับ เต็มที่ครับ” หลังเดินทางกลับจากต่างประเทศครั้งนี้ ในวันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม และวันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม ตนจะลงพื้นที่ติดตามโครงการต่างๆ ทั้งในกรุงเทพมหานคร และ จ.พระนครศรีอยุธยา ยอมรับว่าการทำงานหนักไม่ได้พักผ่อนก็เป็นห่วงสุขภาพตัวเองเหมือนกัน พยายามดูแลตัวเอง และออกกำลังกาย เหนื่อยแต่ไม่เป็นไรเพราะเป็นการทำเพื่ออนาคตของลูกหลานรุ่นต่อๆไป

ก.ก.ชี้ 10 ปี รปห.ประเทศไม่เปลี่ยนจริง

วันเดียวกัน เพจเฟซบุ๊กพรรคก้าวไกล (ก.ก.) โพสต์ข้อความหัวข้อ “10 ปี รัฐประหาร 2557 ประยุทธ์ออกแล้ว ระบอบประยุทธ์ยังอยู่” มีใจความตอนหนึ่งว่า ผ่านมาแล้ว 10 ปี หลังรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 ผ่านเลือกตั้ง 2 ครั้ง แต่ประชาชนไม่รู้สึกว่าประเทศไทยเปลี่ยนไปจริงๆ การตั้งรัฐบาลข้ามขั้วที่นำโดยพรรค พท.แม้ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ หายหน้าไปจากการเมือง แต่ระบอบประยุทธ์เครือข่ายผลประโยชน์ นายทุน ขุนศึกศักดินาไม่ได้หายไปไหน ผลพวงรัฐประหารจะยังคงอยู่ ตราบที่เราไม่เดินหน้ารื้อมรดก คสช. ซึ่งประกอบด้วยอย่างน้อย 3 วาระที่พรรค ก.ก. พยายามผลักดันมาตลอด 1 ปี วาระ 1 จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดย ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน 100% เพื่อพาสังคมไทยออกจากรัฐธรรมนูญ 60 สร้างประชาธิปไตยเต็มใบ ปิดช่องไม่ให้ศาลรับรองการทำรัฐประหาร ไม่ให้นิรโทษกรรมผู้ก่อรัฐประหาร

ลบผลพวง คสช.ยุติ รปห.ครั้งสุดท้าย

เพจเฟซบุ๊กพรรค ก.ก.โพสต์อีกว่า วาระ 2ปฏิรูปกองทัพให้อยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน รื้อสภากลาโหม-ศาลทหาร ปฏิรูปกองทัพให้อยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน เพื่อเอาทหารออกจากการเมือง ทำให้เป็นกองทัพยุคใหม่ วาระ 3 ทลายทุนผูกขาด ปรับปรุงกฎหมายแข่งขันทางการค้า ทั้งหมดนี้ คือสิ่งที่พรรคก.ก. ไม่เพียงปรารถนาที่จะเห็น แต่เราได้ใช้ทุกกลไก และวิถีทางที่มีอยู่ แม้ในฐานะฝ่ายค้านปัจจุบัน ในการผลักดันลบล้างผลพวงรัฐประหาร 22 พ.ค.57 ออกจากสังคมไทย การต่อต้านและลบล้างผลพวงรัฐประหาร ย่อมไม่อาจเป็นจริงได้ผ่านเพียงคำพูด แต่ต้องพิสูจน์ผ่านการกระทำ เราหวังว่ารัฐบาลจะร่วมกันผลักดันทุกวาระข้างต้นร่วมกับพรรค ก.ก. เพื่อสร้างประชาธิปไตยเต็มใบให้เกิดขึ้นและตั้งมั่นในสังคมไทย ทำให้รัฐประหาร 2557 เป็นรัฐประหารครั้งสุดท้าย

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

“พิธา” ร่วมถกเวทีผู้นำที่กรุงโซล

เมื่อเวลา 16.20 น. ประชาสัมพันธ์พรรค ก.ก.เผยเเพร่ข้อความพร้อมภาพนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ก.ก.เดินทางเข้าร่วมการประชุม “Asian Leadership Con ference” ร่วมกับผู้นำและอดีตผู้นำระดับโลกในสาขาต่างๆที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เพื่อหารือในหัวข้อนวัตกรรมของการเป็นผู้นำในสถานการณ์โลกปัจจุบัน และอนาคตที่มีความไม่แน่นอนสูง โดยประชาสัมพันธ์พรรค ก.ก.อ้างว่านายพิธาได้ร่วมแลกเปลี่ยนสถานการณ์โลก รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทย เนื่องด้วยวันนี้ตรงกับวันครบรอบ 10 ปีรัฐประหารปี 2557 ผู้ร่วมประชุมจากประเทศต่างๆได้สอบถามถึงระบบยุติธรรมต่อผู้เห็นต่างทางการเมืองโดยเฉพาะกับเยาวชน ที่มีการประท้วงอดอาหาร รวมถึงสิทธิในการได้รับประกันตัว และช่วงบ่ายนายพิธาได้หารือกลุ่มย่อยกับนักการเมืองรุ่นใหม่ของเกาหลีใต้ และผู้นำรุ่นใหม่ของทวีปเอเชียในสาขาต่างๆอีกด้วย

“สุดารัตน์” ซัดยึดอำนาจเข้ามาโกงกิน

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) โพสต์เฟซบุ๊กในวันครบ 10 ปี รัฐประหาร 2557 ในหัวข้อ “รัฐประหาร ครั้งสุดท้าย?” มีใจความว่า วันนี้เป็นวันครบรอบ 10 ปีรัฐประหารปี 2557 ประเทศไทยมีการทำรัฐประหารมากติด Top โลก คือมีการก่อรัฐประหารถึง 24 ครั้ง ทำสำเร็จ 13 ครั้ง ทำไม่สำเร็จคือ การกบฏ 11 ครั้ง ทุกครั้งที่รัฐประหารทำประเทศตกต่ำ ถดถอยทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำ ระบบนิติธรรม ความสามารถในการแข่งขัน และศักดิ์ศรีความเป็นคนไทย ข้ออ้างของการรัฐประหารคือ นักการเมืองชั่วทุจริตฉ้อโกง ซึ่งก็เป็นความจริง แต่วิธีแก้ควรเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ให้กระบวนการยุติธรรมและ ประชาชนเป็นผู้ลงโทษ ไม่ใช่ให้คน “ถือปืน” ที่อ้างตัวเป็น “คนดี” เข้ามาทำการรัฐประหาร แต่แล้วก็เข้ามาโกงกิน ไม่ผิดกับนักการเมืองที่คนดีทั้งหลายอ้างเป็นเหตุผลในการรัฐประหาร

ดันแก้ รธน.กบฏต้องรับโทษสูงสุด

“ไทยสร้างไทยเชื่อว่าคนไทยไม่ต้องการรัฐประหารอีกต่อไป จึงเสนอแก้รัฐธรรมนูญให้ “ผู้ที่ทำรัฐประหารคือผู้ก่อกบฏต้องได้รับโทษสูงสุด” เรารู้ดีว่าคนทำรัฐประหารมีอำนาจฉีกรัฐธรรมนูญได้ แต่เราต้องการสร้างให้เกิด Norm หรือบรรทัดฐานใหม่ ที่คนไทยทั้งประเทศจะไม่ยอมรับการรัฐประหารอีกต่อไป และนักการเมืองชั่วที่โกงกิน ต้องถูกลงโทษอย่างเด็ดขาดตามกฎหมาย ในระบอบประชาธิปไตย และถูกลงโทษจากประชาชน ด้วยการไม่เลือกให้กลับเข้ามาเป็นรัฐบาลอีก”หัวหน้าพรรค ทสท. ระบุ

“ปู” รอความหวัง รธน.ใหม่กลับสู่ ปชต.

วันเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทวิีตข้อความส่วนตัวเนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปี การรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า “นับเป็นเวลา 10 ปีแล้วจากวันที่เกิดการรัฐประหาร เมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 จนมาถึงวันนี้เป็นเวลาที่ยาวนาน แต่ดิฉันเริ่มมีความหวังค่ะ ก็คือการที่เห็นประเทศกลับคืนสู่หนทางแห่งประชาธิปไตย โดยจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เขียนโดยประชาชน เพื่อประชาชน จะเป็นการเปิดโอกาสให้ประเทศได้พัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ พร้อมยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของทุกคนไปพร้อมๆกัน รอความหวังที่จะเห็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่นำพาประเทศไปสู่ประชาธิปไตยอย่างแท้จริงค่ะ”

ภาค ปชช.รำลึก 10 ปีแห่งอยุติธรรม

เมื่อเวลา 18.00 น. ที่ลานกิจกรรม อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว สมัชชาคนจนร่วมกับกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตยและคณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน หรือ ครช.จัดกิจกรรมรำลึก 10 ปี รัฐประหาร คสช.มีการแสดงดนตรีและมีการปราศรัย โดย น.ส.พูนสุข พูนสุขเจริญ จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน นายไพทูรย์ สร้อยสด แกนนำสมัชชาคนจน นางศรีไพร นนทรีย์ แกนนำเครือข่ายแรงงานและนายธนพัฒน์ กาเพ็ง หรือ ปูนทะลุฟ้า ในหัวข้อ“10 ปีแห่งความอยุติธรรม ความชอกช้ำ ความระกำ ความระยำ” ขณะที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่ง กทม.มีการจัดนิทรรศการวิสามัญยุติธรรมครบรอบ 10 ปีรัฐประหาร ไฮไลต์มีนายรังสิมันต์ โรม สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และ น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว สส.ปทุมธานี พรรค ก.ก. อดีตแกนนำนักศึกษาที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านการรัฐประหารในยุคนั้น พาผู้สนใจเดินทัวร์สถานที่หน้าหอศิลป์ พร้อมเล่าเหตุการณ์เคลื่อนไหวต่อต้าน คสช.ครั้งแรกจนมีผู้ถูกจับกุมตัวไปหลายสิบคน

พิทักษ์เดช เดชเดโช
พิทักษ์เดช เดชเดโช

เด็ก ปชป.จี้รัฐบาลเร่งแก้กุ้งตกต่ำ

นายพิทักษ์เดช เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราชและรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึง ปัญหาราคากุ้งเลี้ยงตกต่ำ ว่า ตั้งแต่ต้นปี 2567 กุ้งเลี้ยงราคาตกต่ำรุนแรง โดยเฉพาะกุ้งขนาด 60-100 ตัว/กก. ส่วนใหญ่เป็นผลผลิตของเกษตรกรรายย่อย ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักในรอบหลายปี ราคาขายต่ำกว่าต้นทุนการผลิต 30-50 บาท/กก. และตั้งแต่ปลายเดือน มี.ค.67 ถึงปัจจุบัน วันนี้ราคากุ้งตกต่ำลงทุกขนาด เช่น ขนาด 50 ตัว/กก. อยู่ที่ 130 บาท 40 ตัว/กก. อยู่ที่ 155 บาท ทำให้เกษตรกรที่มีผลผลิตช่วงนี้ ได้รับผลกระทบและเดือดร้อนเป็นอย่างมากและยังไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้น ทำให้เกษตรกรไม่กล้าปล่อยลูกกุ้งต่อ เพราะไม่มั่นใจเรื่องราคา และไม่มีเงินทุนที่จะเลี้ยงต่อไป รัฐบาลโดยการนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ไม่เคยพูดถึงราคากุ้งเลย เหมือนกับว่ากุ้งไม่ใช่สัตว์น้ำของเกษตรกรไทย ส่วนกระทรวงพาณิชย์ ที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ ไม่เคยดูแลปัญหาราคากุ้งตกต่ำเลยเช่นกัน

ซัดปัญหาเกิดต้นปี ปล่อยบานปลาย

“นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ ต้องเร่งแก้ไขปัญหาราคากุ้งตกต่ำอย่างเร่งด่วน เพื่อทำให้กุ้งไทยกลับมาเป็นสินค้าที่ทำรายได้หลักให้ประเทศได้อีกครั้ง เพราะปัญหานี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2567 แต่ดูเหมือนถูกปล่อยปละละเลย ต้องเร่งทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งกลับมามั่นใจเรื่องราคา และมีเงินทุนที่จะเลี้ยงกุ้งต่อไป แต่หากรัฐบาลไม่เร่งแก้ปัญหานี้เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง จะได้รับผลกระทบและเดือดร้อนไปอีกนาน” รองโฆษกพรรค ปชป. กล่าว

บริหารยังไงปาล์มดิ่งเหลือ กก. 3 บาท

นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส. พรรค ปชป.เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากชาวสวนปาล์ม จ.สุราษฎร์ธานี เดือดร้อนกันหนัก ราคาปาล์มยุคนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ และนายภูมิธรรม เวชยชัย รมว.พาณิชย์ เหลือเพียง กก.ละ 3.60 บาท เทียบกับสมัยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีต รมว.พาณิชย์ ปาล์มขึ้นไปถึง กก. 12 บาท ผู้ปกครอง นักเรียนโอดครวญน้ำตาตกต้องขายปาล์ม 100 กก.ถึงจะซื้อกระโปรงนักเรียนให้ลูกได้ 1 ตัว นายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ต้องรีบเร่งแก้ไขปัญหาราคาปาล์มเร่งด่วนที่สุด บริหารบ้านเมืองอย่างไร ตกต่ำเดือดร้อนเช่นนี้ มีรายงานข่าววันนี้ว่าในเขต อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ราคาปาล์มวันนี้ตกลงเหลือเพียง กก.ละ 3 บาทเท่านั้น ทั้งที่เป็นจังหวัดที่มี รมว.อุตสาหกรรม

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่