มีเรื่องสะกิดใจทางการเมืองที่ทำให้คิดเลยเถิดไปว่า อาจเกิดความยุ่งยากขึ้นถึงขั้นที่ดึงประเทศไทยกลับไปสู่วงจรอุบาทว์ของการปฏิวัติรัฐประหารอีกครั้ง

ชนวนเหตุแรกมาจาก อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ซึ่งได้รับพระราชทานอภัยโทษ และยังมีกำหนดต้องพักโทษในที่พักอาศัย 1 ปีโดยไม่ให้ออกไปไหน

แต่ในทางปฏิบัติ คุณทักษิณกลับออกไปเดินโลดแล่นอยู่นอกบ้านอันเป็นสถานที่กำหนดให้พักโทษ

หนำซ้ำยังมีการออกไปช็อปปิ้ง ไหว้บรรพบุรุษ ไปงานสวดอภิธรรมศพ ไปร่วมงานเลี้ยงพรรคเพื่อไทย ไปตอกเสาเข็มบ้านหลังใหม่ และที่สำคัญพยายามไปนำเสนอการเป็นคนกลางเข้าสงบศึกรัฐบาลทหารของพม่าที่กำลังสู้รบกับกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ

ทั้งหมดที่คุณทักษิณทำ ผิดกฎกติกาทุกข้อที่ให้ไว้กับกรมราชทัณฑ์!

ไม่เท่านั้น แทนที่รัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ มี คุณเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี จะได้คะแนนความนิยมเพิ่มขึ้น

เขากลับถูกโจมตีมากขึ้น ที่แย่ก็คือมีผลให้สิ่งที่เขาตั้งใจทำเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อพ่อแม่พี่น้องคนไทย กลับกลายเป็นเรื่องที่ถูกนำไปตีความ และถกแถลงเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นไปในทางลบ กลบผลการทำงานของเขาไปเสียหมด

ตัวอย่างเรื่องการเอาข้าวในโครงการรับจำนำเมื่อ 10 ปีก่อนออกมาโชว์ให้เห็นว่า ยังมีคุณภาพพอจะนำมารับประทาน และนำออกไปประมูลขายให้เสร็จสิ้นไป ก็กลับเป็นการเรียกทัวร์มาลงยกใหญ่ เพียงเพื่อจะช่วยกันยืนยันว่า ข้าวไทยมี Toxic รับประทานแล้วจะเป็นมะเร็ง

เป็นการลดทอนคุณค่าของข้าวไทย และกดราคาที่ควรจะขายได้ให้ฝ่ายผู้ซื้อไปซะงั้น!!

จริงๆก่อนหน้าที่จะมีเรื่องข้าว 10 ปี ก็มีการโจมตี “คุณอุ๊งอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย รุนแรงในข้อหาที่ไปอ่านสปีชโจมตีผู้ว่าการแบงก์ชาติว่า วัยวุฒิไม่พอจะขยับฐานะไปเล่นงานผู้ว่าการแบงก์ชาติ โดยเฉพาะเรื่องที่เขาไม่ยอมปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงตามคำขอของรัฐบาลจนเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ เป็นต้น

...

มิสไฟน์ ว่า ฐานะของคนซึ่งมีตำแหน่งแห่งที่ในการรับผิดชอบประเทศชาติ และประชาชนเท่ากัน จะอายุน้อยกว่า หรือร่ำเรียนมาน้อยกว่า ความรับผิดชอบต่างกันไหม ยิ่งถ้าผลของการกระทำ หรือไม่กระทำ กระทบต่อสังคมโดยรวม จะไปว่าคุณอุ๊งอิ๊งค์ทำไม?!

สุดท้ายก็คือเรื่องที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ไปซื้อบ้าน นายปรีดี พนมยงค์ ที่ฝรั่งเศส ปลุกผีความเศร้าสลดของคนไทยเมื่อ 92 ปี ขึ้นมาอีกด้วยการจะใช้บ้านหลังนั้นให้เป็นสถานที่จารึกการต่อสู้ อันนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์สู่ระบอบประชาธิปไตย

นายธนาธรประกาศอย่างแข็งกร้าว และออกจะบ้าบิ่นว่า ภารกิจ 2475 ยังไม่จบ การปฏิรูปสถาบันฯ ภารกิจสถาปนาประชาธิปไตย และความเท่าเทียมในสังคม ยังไม่เป็นจริง นั่นแปลว่าเขาจะทำมันต่อ

จะทำในรูปแบบที่ชูระบอบคอมมิวนิสต์เหมือนโครงร่างเศรษฐกิจที่ นายปรีดีทำขึ้นทูลเกล้าฯถวาย ร.7 หรือเป็นระบอบสังคมนิยมที่ทลายทุนผูกขาด ตั้งประธานาธิบดีขึ้นปกครองประเทศ...ก็คงได้รบกันเลือดทาแผ่นดิน

ประวัติศาสตร์ บอกชัดว่า ประเทศใดหมกมุ่นอยู่กับลัทธิทางการเมืองจนขี้ขึ้นสมอง ประเทศนั้นยากจะหาความเจริญทางเศรษฐกิจได้!!

มิสไฟน์

คลิกอ่าน "กระจก 8 หน้า" เพิ่มเติม