นายกฯเศรษฐา ทวีสิน เอ้อระเหยลอยชายเดินสายทัวร์ยุโรป ฝรั่งเศส อิตาลี ไปเดินโชว์แฟชั่นลายผ้าขาวม้ากลางกรุงปารีส ไปชมโรงงานทอผ้าแบรนด์หรูสุดแพงอย่าง Loro Piana ไปเยี่ยมร้านเครื่องประดับหรู Bulgari ไปชมโรงงานผลิตชีส ฯลฯ ท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจในประเทศมากมายที่รอการแก้ไขจากรัฐบาล เมื่อวันจันทร์ คุณดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒน์ แถลงตัวเลขจีดีพีประเทศไทยไตรมาสแรกปี 2567 ซึ่งเป็นผลงานรัฐบาลเศรษฐาล้วนๆ มีการขยายตัวเพียง 1.5% ต่ำกว่าไตรมาส 4/2566 ที่ขยายตัว 1.7% เมื่อปรับผลของฤดูกาลออกไปแล้ว จีดีพีไตรมาส 1 เติบโต 1.1% เท่านั้น ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน

ก็ไม่รู้ นายกฯเศรษฐายังมีอารมณ์ไปทัวร์เมืองนอกชิวๆได้อย่างไร โดยไม่มีประเด็นสำคัญทางเศรษฐกิจการเมืองระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลฝรั่งเศสและอิตาลี

ยิ่งน่าเป็นห่วง เมื่อ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติโชว์ตัวเลขจีดีพีไทยไตรมาสแรกปี 2567 เทียบกับอีก 5 ชาติอาเซียนที่เป็นคู่แข่งทางการค้าและการลงทุนของไทย พบว่า จีดีพีไทยเติบโตต่ำที่สุดในกลุ่ม ดังนี้ เวียดนาม เติบโต 5.7% ฟิลิปปินส์ เติบโต 5.7% อินโดนีเซีย เติบโต 5.1% มาเลเซีย เติบโต 4.2% สิงคโปร์ เติบโต 2.7% และ ไทยแลนด์ เติบโต 1.5% และยังมองไม่เห็นอนาคตว่าจะฟื้นตัวได้อย่างไร ถ้ารัฐบาลเพื่อไทยยังบริหารประเทศแบบนี้ ส่งผลให้คนไทยจนกันทั้งประเทศ แล้วรัฐบาลก็ไปกู้เงินมาแจกหาเสียง

ยิ่งเจาะลึกลงไปใน ตัวเลขเศรษฐกิจที่ดึงจีดีพีไทยให้ตกต่ำ กลับพบว่า “รัฐบาล” คือ ตัวถ่วงประเทศ ตัวถ่วงประชาชน ทำให้จีดีพีเติบโตสู้ประเทศเพื่อนบ้านไม่ได้

...

คุณดนุชา เลขาธิการสภาพัฒน์ บอกว่า ตัวเลขจีดีพีไตรมาสแรกที่เติบโตต่ำ ส่งผลให้ต้องปรับลดจีดีพีปี 2567 ลงมาเหลือ 2.5% โดยมีช่วงการเติบโตระหว่าง 2–3% ลดลงจากคาดการณ์เดิมว่าจะเติบโตที่ 2.7% ทั้งที่งบประมาณปี 2567 ก็ออกมาแล้ว มีเงินลงทุนเหลือเฟือ ไตรมาส 4 จะมีงบปี 2568 ออกมาอีก แต่จีดีพีไทยก็ยังไม่อาจฟื้นตัว
เติบโตเกินกว่า 3% ได้ สภาพัฒน์คาดว่าจะเติบโตได้มากที่สุดแค่ 2.5% ทั้งที่รัฐบาลเพื่อไทยบริหารประเทศมาเกือบปีแล้ว และพรรคเพื่อไทยก็หาเสียงไว้กับประชาชนว่า ถ้าเลือกพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะทำให้จีดีพีประเทศไทยเติบโตเฉลี่ยปีละ 5% ใน 4 ปี

ตัวเลขจีดีพี 2.5% ในปีนี้ ยังไม่ได้รวมเม็ดเงินจากดิจิทัลวอลเล็ตอีก 5 แสนล้านบาท

คุณดนุชา เลขาธิการสภาพัฒน์ เปิดเผยว่า หากนโยบายเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet วงเงิน 500,000 ล้านบาท สามารถทำได้ตามเป้าหมายในไตรมาส 4 ของปี 2567 เชื่อว่าจะสามารถผลักดันให้จีดีพีของประเทศขยายตัวเพิ่มขึ้นได้เพียง 0.25% เท่านั้น จากเม็ดเงินที่คาดว่าจะลงไปในระบบเศรษฐกิจได้ประมาณ 200,000 ล้านบาท จากวงเงินที่กำหนดไว้ 500,000 ล้านบาท เป็นการฟันธงล่วงหน้าว่า จีดีพี ปี 2567 รวมเงิน Digital Wallet แล้ว ขยายตัวได้สูงสุดที่ 2.75% ไม่ถึง 3% ด้วยซ้ำ จีดีพี 5% ที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ เป็นแค่ตัวเลขในความฝันเท่านั้น แล้วรัฐบาลเพื่อไทยจะรับผิดชอบอย่างไร

เศรษฐกิจประเทศไทยวันนี้ ขับเคลื่อนด้วยศักยภาพของภาคเอกชนล้วนๆ โดย มีรัฐบาลเป็นตัวถ่วงหลัก คณะรัฐมนตรีไร้ประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ

คุณดนุชา เลขาธิการสภาพัฒน์ ระบุด้วยว่า การขยายตัวของจีดีพีไตรมาสแรก 1.5% มาจากการอุปโภคบริโภคของภาคเอกชนที่มีการขยายตัว 6.9% ต่อเนื่องจาก 7.4% ในไตรมาสก่อนหน้า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 18 ไตรมาส โดยการใช้จ่ายในหมวดบริการขยายตัวสูงถึง 13.7% ตามการขยายตัวของการใช้จ่ายกลุ่มโรงแรมและภัตตาคาร 42.7% และกลุ่มบริการทางการเงิน 8.0% ขณะที่ การใช้จ่ายของรัฐบาลลดลง 2.1% ต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนที่ลดลง 3.0% การลงทุนภาครัฐลดลง 27.7% ลดต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 4 สรุปจากข้อมูลสภาพัฒน์ ตัวฉุดประเทศไทยวันนี้ก็คือรัฐบาล.

“ลม เปลี่ยนทิศ”

คลิกอ่านคอลัมน์ "หมายเหตุประเทศไทย" เพิ่มเติม