"พัชรวาท" ให้นโยบาย 3 ข้อ รับมือฤดูฝน กำชับเครื่องมือ-บุคลากรต้องพร้อม ระบบแจ้งเตือนทันท่วงที พร้อมติดตามฟีดแบ็กศูนย์แก้ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง ย้ำเร่งช่วยประชาชนจนกว่าสถานการณ์คลี่คลาย

เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 67 ที่กรมทรัพยากรน้ำ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เดินทางไปตรวจติดตามการดำเนินงาน ศูนย์อำนวยการติดตามและแก้ไขปัญหาภาวะน้ำแล้งและภาวะน้ำท่วม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกรมทรัพยากรน้ำ และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล หลังจากที่มอบหมายให้ตั้งศูนย์ฯ ดังกล่าวขึ้น และให้เปิดสายด่วน Green Call เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมี นายภาดล ถาวรกฤชรัตน์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ, นางอรนุช หล่อเพ็ญศรี อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาล ให้การต้อนรับ

เมื่อมาถึงได้รับฟังรายงานสรุปการดำเนินงานช่วงที่ผ่านมา จากทั้ง 2 หน่วยงาน มีประชาชนแจ้งเรื่องภัยแล้งมาทั้งสิ้น 71 ราย โดยทั้งหมดได้รับการแก้ไขปัญหาเสร็จสิ้น พร้อมกันนี้กรมทรัพยากรน้ำได้รายงานถึงการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยแล้งใน 34 จังหวัด โดยได้แจกจ่ายน้ำเพื่ออุปโภค บริโภค สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ 393,012 คน พื้นได้รับประโยชน์ 460,457 ไร่ รวมทั้งสูบน้ำเพื่อช่วยเหลือชาวเกษตรกรผู้ปลูกพืชเศรษฐกิจ อาทิ ทุเรียน เงาะ มังคุด ในพื้นที่ จ.ระยอง จ.จันทรบุรี จ.ตราด รวมช่วยเหลือประมาณ 27,127 ไร่

...

ด้านกรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้รายงานว่า สามารถบรรเทาความเดือดร้อนด้านน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและการเกษตร ทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์ 83,640 คน รวมพื้นที่ 43,000 ไร่ แจกจ่ายน้ำให้แก่ประชาชนไม่น้อยกว่า 4.7 ล้านลิตร ประชาชนได้รับประโยชน์ 553,835 คน พร้อมดำเนินการเป่าล้างบ่อน้ำบาดาล ซ่อมแซมระบบประปาบาดาล ซ่อมแซมติดตั้งเครื่องสูบน้ำ อีกทั้งได้แก้ไขปัญหาพื้นที่เกาะยาว จ.พังงา ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคทุกปี จึงเข้าไปสำรวจและเจาะพัฒนาบ่อน้ำบาดาล ทำให้ประชาชนได้รับประโยชนไม่น้อยกว่า 14,400 ราย

จากนั้น พล.ต.อ.พัชรวาท ได้ให้นโยบายว่า ตนมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ภัยแล้งที่กําลังเกิดขึ้น ซึ่งยังมีหลายพื้นที่ยังคงประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำทั้งด้านอุปโภคบริโภค และด้านเกษตรกรรม ดังนั้นจึงขอให้กรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรน้ำบาดาลดําเนินการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากสถานการณ์ภัยแล้งตามแผนและมาตรการที่กําหนดไว้จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ

นอกจากนี้ประเทศไทยกําลังจะเข้าสู่ฤดูฝนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เพื่อเป็นการเตรียมการป้องกันและบรรเทาน้ำท่วมที่จะเกิดขึ้น ขอให้ทั้ง 2 หน่วยงานดําเนินการดังนี้ 1.ให้เตรียมความพร้อมด้านเครื่องมือ เครื่องจักร และบุคลากรให้พร้อมปฏิบัติงาน รวมถึงระบบโทรมาตร และระบบแจ้งเตือนให้สามารถตรวจวัดและแจ้งเตือนภัยให้กับประชาชนได้ทราบข้อมูล 2.ให้กรมทรัพยากรน้ำเร่งพัฒนาแหล่งเก็บกักน้ำทุกประเภทและแก้มลิงสำหรับรองรับน้ำ กักเก็บน้ำไว้ใช้ในปีถัดไป 3.ให้กรมทรัพยากรน้ำตรวจสอบความมั่นคงและความปลอดภัยของอาคารบังคับน้ำ คันกั้นน้ำ และเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ

"ขอให้ปรับมาตรการดังกล่าวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง และขอความร่วมมือทุกท่านร่วมกันปฏิบัติงานตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย โดยคํานึงถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนและประเทศชาติเป็นสําคัญ และขอเป็นกําลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่าน ขอให้ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ช่วยกันเร่งรัดแก้ไขปัญหาเพื่อให้พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น" พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าว.