แว่วมาว่าประเทศไทยอาจสมัครเป็นสมาชิกในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ หลังเคยแพ้มาแล้ว เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา สาเหตุสำคัญอาจเป็นเพราะว่า แม้จะมีการเลือกตั้ง แต่ไทยยังไม่เป็นประชาธิปไตยแท้ พรรคที่ชนะเลือกตั้งมาเป็นที่ 1 ถูกกีดกันไม่ให้เป็นแกนนำรัฐบาล
แต่พรรคที่ชนะเลือกตั้ง กลับถูกทั้งอำนาจมืดและอำนาจสว่างผลักไสให้เป็นผู้นำฝ่ายค้าน ผลการจัดอันดับความเป็นประชาธิปไตย ไทยเคยได้อันดับ 55 ของโลก จากทั้งหมด 167 ประเทศ ได้ 6.67 คะแนน นอร์เวย์ได้ 9.81 คะแนน องค์กรผู้สำรวจแบ่งนานาประเทศเป็น 3 กลุ่ม
กลุ่มแรกเป็นประชาธิปไตยแท้ แต่กลุ่มที่ 2 เรียกว่ากลุ่มประชาธิปไตยบกพร่อง ประเทศไทยของเราอยู่ในกลุ่มนี้ ส่วนกลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มเผด็จการอำนาจนิยม ทำอย่างไรประเทศไทยจึงจะสามารถขยับสถานะจากประชาธิปไตยบกพร่อง เป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์ พยายามมาเกือบ 92 ปีแล้ว
แต่ยังเป็นประชาธิปไตยครึ่งใบอยู่ ซ้ำร้ายยิ่งกว่านั้น การเมืองไทยเคยตกอยู่ในยุคมืด เป็นเผด็จการเต็มใบ มาแล้วหลายยุคหลายสมัย ส่วนการจัดดัชนีความโปร่งใส วัดความโปร่งใส ความซื่อสัตย์สุจริต ไทยเคยติดอันดับ 10 ของโลก จากที่สำรวจทั้งหมด 180 ประเทศ
ความซื่อสัตย์สุจริต มักจะมาด้วยกันและไปด้วยกันกับประชาธิปไตย จึงเชื่อได้ว่าประเทศประชาธิปไตยมักจะมีความซื่อสัตย์สุจริตสูง เพราะระบอบประชาธิปไตย มีเสาหลักที่สำคัญ คือความยินยอมของประชาชน อันได้แก่การเลือกตั้ง รวมทั้งหลักประกันสิทธิเสรีภาพ และหลักนิติธรรม
ประชาธิปไตยคือการปกครองโดยกฎหมาย ยึดหลักทุกคนเสมอหน้ากันในกฎหมาย ทุกคนได้รับความคุ้มครองโดยกฎหมาย โดยเสมอหน้ากัน ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ทำความผิดแล้วไม่ต้องรับโทษตามกฎหมาย กลายเป็นเทวาธิปไตย เป็นการปกครองโดยยึดหลักนิติธรรม ไม่ได้ยึดตัวบุคคลเป็นใหญ่
...
ปัญหาข้าว 10 ปี หรือ “ข้าวแห่งทศวรรษ” ที่สังคมไทยถกเถียงกันอยู่ กำลังพิสูจน์ความซื่อสัตย์สุจริต และประชาธิปไตยไทย ฝ่ายเห็นต่างเตือนรัฐบาล อย่าใช้ประเด็นนี้ฟอกขาวให้โครงการรับจำนำข้าวและล้างบาปให้ใครบางคน ส่วนรัฐบาลสร้างปาฏิหาริย์ ข้าวเก่านับทศวรรษกินได้ ลบล้างความผิดได้.
คลิกอ่านคอลัมน์ "บทบรรณาธิการ" เพิ่มเติม