ได้เวลาที่นายกรัฐมนตรี “เซลส์แมน” เศรษฐา ทวีสิน ต้องบินไปต่างประเทศและออกบินไปแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันพุธ คราวนี้มีเป้าหมายสำคัญ 3 ประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส อิตาลี และญี่ปุ่น เป้าหมายใหญ่ คือการเจรจาความตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป ในปี 2568 ถ้าทำได้ต้องถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่
สหภาพยุโรปหรืออียู ประกาศยุติการเจรจาการค้ากับไทยทันที หลังเกิดรัฐประหาร คสช. เมื่อปี 2557 เพราะอียูเป็นกลุ่มประเทศประชาธิปไตยที่รังเกียจรัฐบาลรัฐประหาร เมื่อต้องเปลี่ยนรัฐบาลใหม่มาเป็นรัฐบาลที่มาจากเลือกตั้ง นายก รัฐมนตรีจะเป็นเซลส์แมน แต่ดูเหมือนจะทำสัญญาการค้าเสรีได้แค่ 3 ประเทศ
นั่นก็คือศรีลังกา บังกลาเทศ และล่าสุดได้แก่ภูฏาน ล้วนแต่เป็นประเทศเล็กๆ ในเอเชีย ยังไม่สามารถเจาะทะลวงอียูได้ ในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศมีปัญหา แต่มีนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลังคนใหม่ ออกมาปลอบใจคนไทยว่าในช่วงหลังของปี 2567 จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาหลายระลอก
รวมทั้งงบประมาณรายจ่ายปี 2567 3.48 ล้านล้านบาท จะทำให้เศรษฐกิจโตถึง 2.4% ยังไม่นับรวมกับโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตอีกกว่า 5 แสนล้านบาท แต่หน่วยงานเศรษฐกิจของรัฐบางแห่งรวมทั้งนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังบางคนประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะโตไม่ถึง 2% ด้วยซ้ำ จะทำอย่างไรดี
ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์บางฝ่าย เสนอรัฐบาลให้เร่งรัดการก่อสร้างบ่อนกาสิโน หรือสถานบันเทิงขนาดใหญ่ ไม่ใช่เปิดแค่แห่งเดียว แต่เปิดในหลาย จังหวัดท่องเที่ยว นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีแรงงาน กล่าวว่า โครงการนี้ เท่ากับการสร้างเมืองจะสร้างเงินสร้างงานได้ถึง 5 หมื่นตำแหน่ง
มีรายงานข่าวว่าโครงการกาสิโน ได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลแล้ว นายกรัฐมนตรีสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นของประชาชน 30 วัน จากนั้นเสนอร่าง พ.ร.บ. ต่อรัฐสภา เชื่อว่าจะก่อสร้างเสร็จและเปิดบริการได้ภายใน 3 ปี ตรงกับช่วงที่รัฐบาลครบวาระ
...
จึงสามารถใช้โครงการกาสิโนหาเสียงได้พอดี แต่มีผู้เสนอเพิ่มเติมว่าไหนๆก็ไหนๆแทนที่จะรับฟังความคิดเห็นอย่างเดียว แต่ให้ลงประชามติไปเลย เพราะแม้แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็อาจลงประชามติถึง 3 ครั้ง ไม่รู้จะได้อะไรตอบแทนหรือไม่ แต่การลงมติเรื่องกาสิโน จะได้ทั้งเงินทั้งงานและประชาธิปไตย.
คลิกอ่านคอลัมน์ "บทบรรณาธิการ" เพิ่มเติม