ยังอยู่ต่างประเทศแต่ก็คงระทึกไม่น้อยเมื่อ 40 สว.ได้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยกรณีการแต่งตั้งรัฐมนตรีชอบด้วยกฎหมายหรือไม่?

ผู้ถูกร้องมีอยู่ 2 คน

1.“เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี

2.“พิชิต ชื่นบาน” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพิ่งได้รับการแต่งตั้งหมาดๆ

ประเด็นก็คือ เรื่องคุณสมบัติของ “พิชิต” ที่สืบเนื่องมาจาก “ถุงขนมมหาภัย” เมื่อครั้งทำหน้าที่ทนายความให้กับ “ทักษิณ ชินวัตร”

ปรากฏว่า “พิชิต” ได้ยื่นถุงขนมให้กับเจ้าหน้าที่ศาลปัญหาก็คือไม่ใช่ถุงขนมธรรมดา แต่ได้บรรจุเงินในถุงนั้น

เพื่อจ่ายเป็น “สินบน” ให้กับใคร ไม่ได้มีการระบุนาม

เป็นเหตุให้นายพิชิตมีพฤติกรรมทุจริตติดสินบนต่อกระบวนการยุติธรรม และมีการนำเรื่องให้สภาทนายความให้ลบชื่อจากการเป็นทนายความ

ดังนั้น จึงเป็นที่ประจักษ์ และยังมีพฤติการณ์ฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง

เรื่องนี้ได้มีการท้วงติงแล้วก่อนคำสั่งแต่งตั้ง!

แต่นายกรัฐมนตรีได้ส่งเรื่องกฤษฎีกาพิจารณาแล้วยืนยันว่าไม่มีปัญหา จึงได้ลงนามตั้ง “พิชิต” ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี

นั่นทำให้นายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบ

ความจริงเรื่องนี้แม้ความเห็นของกฤษฎีกาจะชี้ว่าคุณสมบัติไม่มีปัญหา แต่พฤติกรรมที่ปรากฏชวนให้สังคมเกิดความสงสัย และเห็นว่าน่าจะมีความผิดเพราะข้อเท็จจริงไปปรากฏชัดแจ้ง

แต่นายกรัฐมนตรียังแต่งตั้งด้วยมั่นใจการพิจารณาของกฤษฎีกาว่าไม่ขาดคุณสมบัติ ทำให้ สว.ที่แม้จะครบวาระไปแล้ว แต่ยังรักษาการแทนและมีอำนาจครบถ้วนทุกประการจึงยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

...

ถือเป็นการ “ทิ้งทวน” ก็ว่าได้

จากนี้ไปขึ้นอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญประชุมและพิจารณาว่าจะรับคำร้องไปพิจารณาหรือไม่หากมีมติรับพิจารณา

นายกรัฐมนตรีและนายพิชิตก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยออกมาทางใดทางหนึ่ง

ว่าไปแล้วนี่ก็วาระของผู้มีบารมีเหนือนายกรัฐมนตรีอีกนั่นแหละ...

เพราะ “พิชิต” นั้นถือว่าเป็นคนสนิทที่ยิ่งกว่าสนิทเพราะทำหน้าที่แก้ต่างคดีความต่างๆให้ อีกทั้งยังกล้าเอาตัวเองเสี่ยงต่อการกระทำความผิดเรื่อง “ถุงขนม”

ถ้าไม่แสดงไมตรีตอบแทนด้วยตำแหน่งรัฐมนตรีก็ใจดำเกินไป

ประเด็นก็คือ มีความมั่นใจและเชื่อมั่นจะไม่เกิดปัญหาตามมาจึงให้นายกรัฐมนตรีลงนามแต่งตั้งทั้งที่ความจริงแล้วสามารถหาคนที่เชี่ยวชาญมาทำหน้าที่ดูแลเรื่องกฎหมายก็ได้

แต่จะเอาอย่างนี้ใครจะทำไม?

ยังคาดเดาไม่ได้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยออกมาอย่างไร ถ้าเป็นไปในทางบวกก็รอดตัวไปแต่ถ้าออกมาด้านลบ

“เศรษฐา” ก็ต้องตกเก้าอี้ไปตามระเบียบ ไม่ได้อยู่ครบเทอม 4 ปีอย่างที่ต้องการ

แต่ในทางการเมืองแล้วคงจะไม่ราบรื่นอย่างที่ต้องการแน่!

“สายล่อฟ้า”

คลิกอ่านคอลัมน์ "กล้าได้กล้าเสีย" เพิ่มเติม