นายกฯแจง “กฤษฎา” ไขก๊อก รมช.คลัง เชื่อเข้าใจ ผิดแบ่งงาน ไม่ใช่ความขัดแย้ง “พิชัย” ตอบเรียบๆเข้าใจได้ แต่วิธีทำงานของตนมีเหตุผล “เสี่ยตุ๋ย” ยกหูคุยอดีต รมช.คลังแล้ว รอคัดคนเสียบแทน ด้าน “อนุทิน” ไว้เชิงปมขบเหลี่ยม พท.ดึงกัญชาคืนบัญชียาเสพติด ชี้มารยาทการเมืองต้องคู่กับกฎหมาย “ภูมิธรรม” เดือดฟาดคนด้อยค่าข้าวเก่าเก็บ 10 ปีเข้าข่ายทำลายเศรษฐกิจ ทำลายเครดิตประเทศ ขู่ยังไม่หยุดหน่วยราชการจ่อฟ้อง “ราเมศ” ท้าใช้อำนาจให้เต็มที่รีบฟ้องเลย ครม.ไฟเขียวแนวทางดันขึ้นค่าแรง 400 บาท บอร์ดไตรภาคีถกเครียด “อรรถยุทธ” โวยเอกชนรับไม่ได้ จวกปลัด ก.แรงงานทำน่าเกลียด เร่งรีบสนองรัฐบาล ปรับค่าแรงเร็วขึ้น-หมกเม็ดเปลี่ยนสูตรขึ้นค่าจ้างไร้เพดาน

จากกรณีที่นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ได้ลาออกจากตำแหน่ง รมช.คลัง โควตาพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โดยทิ้งบอมบ์ไว้ในหนังสือลาออกระบุเหตุผล การลาออกมาจากการที่นายพิชัย ชุณหวชิร รมว.คลัง ไม่ให้เกียรติ จนไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ ล่าสุดนาย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ระบุเรื่องดังกล่าวอาจเกิดความเข้าใจผิดเรื่องการแบ่งงาน ไม่ใช่ความขัดแย้ง

...

ครม.สวมเสื้อ “สุวรรณวัชร์” ถกสัญจร

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 14 พ.ค.ที่อาคารสุเมธตันติเวชกุล มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ต.นาวุ้ง อ.เมือง เพชรบุรี จ.เพชรบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ครั้งที่ 3/2567 “ฐานเศรษฐกิจสีเขียวและการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ” และติดตามการตรวจราชการกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 (ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงครามและสมุทรสาคร) โดยนายกฯและ ครม.สวมใส่เสื้อสีเหลือง ผ้าลายสุวรรณวัชร์ อัตลักษณ์ประจำ จ.เพชรบุรี เป็นลายประยุกต์จากลายกรวยเชิงที่ลายเสาในพระอุโบสถวัดใหญ่สุวรรณาราม ก่อนประชุม ครม.นายกฯ เยี่ยมชมบูธนิทรรศการหน่วยงานกระทรวงต่างๆ และผลิตภัณฑ์โอทอป พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.ทรัพยากรฯ มอบกล้าไม้ “ต้นหัวใจเศรษฐี” ให้นายกฯประชาสัมพันธ์วันต้นไม้ประจำปีของชาติ ปี 67 และมอบกล้าไม้มหามงคลให้ ครม. กลุ่มผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทยมอบเนกไทผ้าไหมอิตาลีให้นายกฯ และกลุ่มผ้าบ้านชะอาด อ.ชะอำ มอบผ้าลายเพ็ชรราชวัตรสีแดง ถอดแบบจากผ้าห่อคัมภีร์สมัยต้นรัตนโกสินทร์ จากวัดลาด อ.เมืองเพชรบุรี โดยนายกฯระบุว่า จะนำผ้าผืนนี้ไปใช้เยือนฝรั่งเศส เนื่องจากบาง เหมาะช่วงฤดูใบไม้ผลิ

ดื่มด่ำอาหารไทยเมืองเพชร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่กลุ่มศึกษามอบดอกกุหลาบให้กำลังใจนายกฯ ก่อนนายกฯเยี่ยมชมนิทรรศการชั้น 2 อาคารสุเมธตันติเวชกุล ทดลองดื่มน้ำลามปาล์มโซดา ผสมโซดา น้ำมะนาวและใส่ลูกตาลชิ้นแล้วชมว่าอร่อยมากๆ พร้อมสั่งการผู้ว่าการ ททท.ว่า สินค้าอะไรเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ให้นำไปต่อยอด ไปวางจำหน่าย ที่ห้างสรรพสินค้าที่สนับสนุน นายกฯยังลองทำลวดลายรดน้ำบนจานไม้ เอาน้ำรดลงบนลายวัวลานและดอกไม้ที่ปิดด้วยทองคำเปลวบนพื้นรักปรากฏเป็นลวดลายขึ้น จากนั้นถ่ายภาพร่วมกับ ครม. ผวจ.ภาคกลางตอนล่าง 2 และผู้แทน โดยเมนูอาหารกลางวันที่จัดเลี้ยง ครม.อาทิ แกงคั่วหัวตาลหมูย่าง ยำผักกูด ทอดมันชะคราม น้ำพริกกุ้งสด ข้าวแช่เพชรบุรี ข้าวผัดปลากุเลาสมุนไพร ไอศกรีมน้ำตาลโตนด ลอดช่องน้ำตาลข้น

นายกฯเชื่อ “กฤษฎา” เข้าใจผิดแบ่งงาน

นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ถึงการลาออกของนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อดีต รมช.คลัง หลังยื่นหนังสือลาออกพร้อมชี้แจงเหตุผล ตรงนี้ได้พูดคุยและหารือกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค รทสช.หรือยัง และได้พูดคุยถึงการเสนอชื่อคนใหม่เข้ามาแล้วหรือยังว่า “ยังไม่มีครับ” เมื่อถามว่าได้เห็นรายละเอียดของจดหมายลาออกของนายกฤษฎา ที่ระบุว่า นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง ไม่ให้เกียรติกัน ในการปฏิบัติงานอย่างเหมาะสม นายกฯกล่าวว่า “ครับ เห็นแล้วครับ” เมื่อถามว่า จะได้มีโอกาส ในการพูดคุยหรือทำความเข้าใจกับนายกฤษฎาหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า “ผมเชื่อว่าผมรู้จักท่านมานานแล้ว คงมีโอกาสได้เจอกัน และเราไม่มีความขัดแย้งอะไรกัน ผมเชื่อว่าเป็นการเข้าใจผิดในเรื่องของการแบ่งงานมากกว่า และมันยังมีเรื่องอีกเยอะแยะที่ยังสามารถให้ท่านช่วยเหลือได้ แต่เมื่อท่านตัดสินใจไปแล้วก็ตามนั้นครับ”

เผย ครม.สัญจรนัดหน้าโคราช

นายเศรษฐากล่าวอีกว่า เป็นหน้าที่ ครม.ต้องไม่นั่งอยู่แค่สำนักงานอย่างเดียว ต้องลงพื้นที่พบปะประชาชน ได้เห็นแววตา เห็นถึงปัญหาจริงๆจะทำให้ เราได้เข้าใจถึงปัญหาถ่องแท้ขึ้น ได้พูดคุยกันได้อย่างดีขึ้นและเชื่อว่าหากมีเวลา และยังไงก็ถือเป็นเรื่อง ที่เราต้องปฏิบัติอย่างต่อเนื่องต่อไป ส่วนการประชุม ครม.สัญจรครั้งต่อไป คิดว่าคงเป็นที่ จ.นครราชสีมา น่าจะประมาณปลายเดือน มิ.ย. หรือต้นเดือน ก.ค. ส่วนความคืบหน้าการจัดรายการนายกฯพบประชาชนว่าเห็นทีมงานกำลังเช็กอยู่ พอดีต้องเดินทางไปต่างประเทศคืนวันที่ 15 พ.ค.กลับมาประมาณปลายเดือน แต่อยู่อีก 3-4 วัน ต้องไปเขตเศรษฐกิจพิเศษฮ่องกงอีก ต้นเดือนหน้าจะได้ แต่อาจพยายามให้ได้ประมาณปลายเดือน พ.ค. สักหน เพราะเดินทางกลับจากต่างประเทศพอดี น่าจะมีเรื่องมาเล่าได้

“พิชัย” ลั่นเป็นคนทำงานมีเหตุมีผล

นายพิชัย ชุณหวชิร รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์กรณีนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อดีต รมช.คลัง ยื่นหนังสือลาออก โดยระบุว่า มีสาเหตุจากการที่ รมว.คลัง ไม่ให้เกียรติกันไม่สามารถทำงานร่วมกันว่า ไม่เป็นไร เรื่องนี้ไม่สามารถตอบแทนนายกฤษฎาได้ถ้าจะตอบต้องมีเวลานิดนึง “เข้าใจได้ แต่วิธีการทำงานของผมมีเหตุมีผล” เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ได้พูดคุยกับนายกฤษฎาหรือไม่ แล้วมีความเห็นอย่างไรบ้าง นายพิชัยกล่าวย้ำว่า เรื่องนี้ไม่สามารถตอบแทนได้

พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค

“ตุ๋ย” คุย “กฤษฎา” แล้วหาคนแทนต่อไป

ด้านนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและ รมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทย สร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ลาออกจาก รมช.คลัง และสมาชิกพรรค รทสช. ว่า ได้โทรศัพท์ไปคุยกับนายกฤษฎาแล้ว เจ้าตัวยืนยันว่า ลาออก เหตุผลที่นายกฤษฎาพูดถึงในหนังสือลาออก จากตำแหน่ง รมช.คลัง เป็นปัจจัยทำให้ตัดสินใจลาออกนั้นไม่ทราบ เป็นเรื่องส่วนตัวจะไปวิเคราะห์วิจารณ์คนอื่นคงไม่ได้ คงไม่มีปัญหา คงหาคนแทน ส่วนนายกฤษฎาลาออกจากพรรค รทสช.ด้วย ยังไม่เห็น หนังสือและไม่ทราบเพราะอยู่ จ.เพชรบุรี แต่ก่อนหน้า นายกฤษฎาเคยบอกว่าเมื่อไม่ได้ทำงานการเมืองแล้ว อยากไปทำงานอย่างอื่นถือเป็นเรื่องส่วนตัว

“อนุทิน” ชี้มารยาทการเมืองต้องคู่ ก.ม.

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์กรณีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ระบุในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) มีหลายหน่วยงานไม่เห็นด้วยกับการปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติด แต่ไม่กล้าคัดค้านว่า ต้องดูมติที่ประชุมถ้าออกมาเป็นเอกฉันท์ตนต้องยึดตามนั้น ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขไปศึกษาตามที่นายสมศักดิ์ให้สัมภาษณ์ถูกแล้ว เพราะทุกอย่างดีที่สุดคือมีข้อมูลมายืนยันและรับฟังประชาชนทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายใช้กัญชาและไม่ใช้กัญชา ทั้งหมดต้องมีขั้นตอนกระบวนการ ไม่อยากให้เป็นนโยบายประจำบุคคล แต่เป็นข้อมูลทางวิชาการที่ทุกฝ่ายเชื่อถือได้ เมื่อถามว่า นายสมศักดิ์ระบุว่าเป็นมารยาททางการเมืองในขณะนั้น จึงไม่คัดค้าน นายอนุทินกล่าวว่า การร่วมรัฐบาลทุกคนต้องรักษามารยาท แต่สุดท้ายต้องรักษากฎหมายและประโยชน์ของประชาชน สิ่งที่ท่านพูดก็ถูกที่ต้องรักษาทุกๆอย่างเอาไว้ การออกกฎระเบียบอะไรแล้วแต่ ต้องเป็นมติ ของที่ประชุม พอเป็นมติเลยเรื่องมารยาทไปแล้ว หากจะแก้ไขต้องให้ที่ประชุมแก้ไข ในที่ประชุม ครม.นายกฯไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลย นายกฯสั่งการแล้วให้กระทรวงสาธารณสุขไปศึกษาข้อมูล ผลการใช้ผลการปฏิบัติ มีอะไรแตกต่างไปจาก 2 ปีที่แล้ว ถ้าไม่มีอะไรแตกต่างก็ไม่มีเหตุผลที่จะเลิก แต่ถ้ามีอะไรแตกต่างที่เป็นโทษ ไม่ดีต่อพี่น้องประชาชน ก็ต้องเลิก มีแค่นี้เอง

“อ้วน” ฉะคนด้อยค่าข้าวทำลาย ศก.

อีกเรื่อง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมช.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการตรวจสอบคุณภาพข้าวว่า เรื่องนี้พิสูจน์แล้วในขั้นต้นก่อนนำข้าวมาประมูล แต่เมื่อวันที่ 12 พ.ค. นพ.วรงค์ เดชวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี ระบุข้าวไม่มีตรารับรอง ขอให้ไปดูภาพที่สื่อมวลชนถ่ายไว้ เราไม่มีอะไรต้องปิดบัง อยากให้คนวิจารณ์อยู่บนข้อเท็จจริง ไม่ใช่นั่งคิดเองเหมือนนิยายแล้วนำมาพูด ข้าวถือเป็นสินทรัพย์ประเทศไทย จู่ๆมาด้อยค่าโดยไม่รู้ข้อเท็จจริงเท่ากับทำลายเศรษฐกิจและความน่าเชื่อถือประเทศไทย ยืนยันกระบวนการตรวจสอบโปร่งใสที่สุด สื่อมวลชนเป็นพยานได้ ไม่ได้ไปย้อมแมวขาย แล้วพูดกันไป เรื่อยเปื่อย เอาจินตนาการที่คิดไปเช่นนั้นเช่นนี้ไม่ว่าตั้งใจหรือไม่ มันเป็นการทำลายข้าวไทย ทำลายประเทศ ท่านสะใจหรือครับ นพ.วรงค์และอีกหลายคน อยากทำแบบนี้หรือ มาจูงมือตนแล้วไปพิสูจน์ หากไม่ใช่แบบที่พวกคุณกล่าว พวกคุณต้องรับผิดชอบมากกว่านี้ อยากให้เรื่องนี้ยุติได้แล้ว เพราะกระบวนการประมูลหลังจากนี้ไม่เกี่ยวกับตน

ขู่ยังไม่หยุดหน่วยงานอาจยื่นฟ้อง

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ทั้งเจ้าของโรงสี ผู้ส่งออก มูลค่าธุรกิจเป็นหมื่นล้าน จะมานั่งโกหกให้ธุรกิจพังหรือ แล้วคนอกมาพูดไม่มีความรู้ เท่ากับการให้ข้อมูลเท็จในระบบคอมพิวเตอร์ ผิดกฎหมายคอมพิวเตอร์ แต่หากยังไม่หยุดทำเช่นนี้ คิดว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คงต้องไปจัดการให้เหมาะสม ได้ไปตรวจข้าวตามสภาพ ไม่คิดว่าต้องเป็นรัฐมนตรีฟอกข้าวเน่าข้าวเสีย หากข้าวดีก็ขายราคาดี แต่หากข้าวเน่าจริงต้องขายกันตามสภาพ ไม่มีอะไรต้องปิดบัง ทดลองทานเบื้องต้น ผู้ส่งออกและเจ้าของโรงสีบอกว่านำมาขัดสีและทานได้ สารอลูมิเนียมฟอสไฟด์ที่มีไว้รมข้าว ไม่ใช่ไปสารที่คนวิจารณ์นำมาพูดกันเลอะเทอะ ไม่ได้มีผลกระทบต่อชีวิตและร่างกายมนุษย์ และจะหลุดออกไประหว่างกระบวนการการสีข้าว กระบวนการ ตรวจสอบข้าวจะเกิดขึ้นหลังประมูล แต่หากมีปัญหามากจนถึงขั้นต้องไปตรวจสอบ ไม่ขัดข้องนำไปยื่นตรวจสอบได้ พาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบข้าวได้ทุกที่เลย พร้อมทั้งหมด ขอให้นำมาพูดกันตรงๆ อย่านำไปพูดเรื่อยเปื่อยพร่ำเพรื่อ จนตอนนี้ศักดิ์ศรีข้าวไทยจะไม่เหลืออยู่แล้ว สะใจหรือ อยากให้ยุติเรื่องนี้ เพราะมีเรื่องต้องไปจัดการอีกมาก เพียงต้องการจะปิดตำนานเรื่องนี้ และให้ดำเนินไปในสิ่งที่ควรจะเป็น

กรมวิทย์เผยรับตรวจข้าว 10 ปีแล้ว

นพ.บัลลังก์ อุปพงษ์ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีการส่งตัวอย่างข้าวค้างสต๊อก 10 ปี เข้ามาที่สำนักคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อตรวจคุณภาพแล้ว โดยจะตรวจตามมาตรฐาน SOP เช่น โลหะหนัก สารอินทรีย์ ทั้งที่เป็นพิษ ไม่เป็นพิษ สารยาฆ่าแมลงทุกพารามิเตอร์ อย่างน้อย 200 กว่าสาร ต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจ เบื้องต้นจะดูคุณภาพอาหารทุกชนิด คือ โลหะหนัก เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย ยาฆ่าแมลง หรือวัตถุเจือปน พวกพลาสติก เราจะดูพวกนี้ตามมาตรฐานก่อน ตัวอย่างที่ส่งมามีการส่งมาหลายกระสอบ และจากหลายสถานที่เก็บ จะวางข้าวปูเรียงตามโต๊ะ เลือกเป็นกลุ่มๆ ตามวิชาการว่า จะตรวจสารอะไรอย่างไรบ้าง จำนวนเท่าไร เมื่อถามถึงข้าวที่ส่งมาตรวจเป็นหน่วยงานใด ส่งมา นพ.บัลลังก์ตอบว่า ยังไม่เห็นหนังสือว่าเป็นหน่วยงานใดส่งมา เห็นเพียงว่ามีตัวอย่างส่งมาตรวจ พอผลออกมาจะรายงานผู้บังคับบัญชาและแจ้งกลับไปยังผู้ส่งตรวจ คาดว่าน่าจะใช้เวลา 1 สัปดาห์ ตามที่ รมว.สาธารณสุข ระบุ

“ราเมศ” ท้าเหยงรีบไปฟ้องเลย

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า ในฐานะคนออกมาพูดเรื่องนี้คนแรกๆ ขอบอกเพียงสั้นๆว่า ถ้าคิดว่าการตรวจสอบท้วงติงเรื่องข้าวค้างโกดัง 10 ปี ด้วยความห่วงใยสุขภาพของประชาชน และเรียกร้องให้ตรวจสอบคุณภาพข้าวด้วยวิธีการมาตรฐาน แล้วเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ให้ฟ้องได้เลย ไม่ได้กังวล แต่อย่าไปฟ้องประชาชนที่ได้ติท้วงติงแล้วกัน ส่วนตัวไม่ต้องเสียค่าทนายความและพร้อมว่าความให้ผู้ออกมาตรวจสอบด้วยความสุจริตเพื่อบ้านเมือง ที่บอกว่าคนที่พูดทำลายประเทศไม่พอหรืออย่างไร ต้องบอกกลับไปว่าคนไม่รับฟังเสียงประชาชน ทุจริตโครงการรับจำนำข้าวต่างหากที่จะทำลายประเทศไม่พอหรืออย่างไร ในฐานะฝ่ายค้าน จะตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไปด้วยหน้าที่ต้องรับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชน จะเป็นปากเป็นเสียงให้ประชาชน รัฐบาลพอชี้แจงไม่ได้ก็พูดเป็นอยู่ไม่กี่คำ เช่น การท้วงติงตรวจสอบเป็นวาทกรรม จินตนาการเอาเอง และหนักสุดคือไปถึงขั้นฟ้องร้องเอาผิด ขอให้ใช้อำนาจให้เต็มที่

เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ
เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ

ร้อง ป.ป.ช.สอบ รมต.ลักข้าวหลวง

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ได้ส่งหนังสือถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผ่านไปรษณีย์อีเอ็มเอส เมื่อเช้าวันที่ 14 พ.ค.ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงการนำข้าวสารในโครงการจำนำข้าวที่อยู่ในการจัดเก็บขององค์การคลังสินค้า (อคส.) ออกมาหุง พร้อมถ่ายคลิปโชว์ให้เห็นว่ายังเป็นข้าวคุณภาพดี เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ลักษณะ 12 ในความผิดเกี่ยวกับทรัพย์หรือไม่ เพราะข้าวสารของ อคส.เป็นของหลวงรอการประมูลขายอยู่ในงบการเงินของ อคส. การนำออกมาหุงเป็นข้าวสาร อาจทำให้สินค้าขาดไปจากบัญชีทั้งปริมาณและมูลค่าทางบัญชี อาศัยอำนาจใดนำข้าวของ อคส.มาหุงกิน แบ่งตักใส่ถุงพลาสติกให้พิธีกรรายการต่างๆนำไปหุงกินโชว์ในรายการ ป.ป.ช.ต้องตรวจสอบมีรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่รัฐรายใดเกี่ยวข้อง รวมทั้งนายกฯมีส่วนร่วมสนับสนุนนำของหลวงออกจากคลังโดยมิชอบหรือไม่

ผู้ตรวจการตีตกคำร้องเงินดิจิทัลขัด ก.ม.

วันเดียวกัน พ.ต.ท.กีรป กฤตธีรานนท์ เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า ผู้ตรวจการมีมติ ไม่ส่งเรื่องพร้อมความเห็นให้ศาล ปกครอง หรือศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีมีผู้ยื่นเรื่องให้วินิจฉัยกรณีรัฐบาลและ ครม.กำหนดนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต และตรา พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้าน เพื่อที่จะดำเนินโครงการว่า ขัดต่อรัฐธรรมนูญและ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ 2561 หรือไม่ เนื่องจากเห็นว่า การกำหนดนโยบายและการแถลงนโยบายรัฐบาล เป็นการใช้อำนาจบริหารของ ครม.ในฐานะองค์กรของรัฐฝ่ายบริหาร จึงไม่ใช่การกระทำที่เป็นการใช้อำนาจทางปกครอง และการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเป็นการใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ รวมถึงไม่ใช่การร้องว่า บทบัญญัติแห่งกฎหมายมีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ หรือร้องเรียนว่า เป็น การใช้อำนาจทางปกครองของหน่วยงานรัฐมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ จึงเป็นเรื่องที่ไม่อยู่ในหน้าที่และอำนาจ และหลักการของโครงการฯไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า รัฐบาลจะดำเนินการโดยการออก พ.ร.ก.เงินกู้แต่อย่างใด ดังนั้นผู้ตรวจการไม่อาจยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาได้

ส่งไม้ต่อ กกต.ยื่นตีคุณสมบัติ “พิชิต”

พ.ต.ท.กีรปกล่าวอีกว่า ส่วนผลวินิจฉัยคำร้องที่ขอให้พิจารณาเสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญกรณีนายพิชิต ชื่นบาน รมต.ประจำสำนักนายกฯขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ วินิจฉัยแล้วเห็นว่ารัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 กำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการให้ สส.หรือ สว.จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภามีสิทธิเข้าชื่อร้องต่อประธานแห่งสภานั้นส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยได้ และยังกำหนดให้ กกต.มีอำนาจส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้อีกด้วย เป็นเรื่องที่ไม่อยู่ในหน้าที่ และอำนาจของผู้ตรวจการตามมาตรา 37 (3) และเป็นเรื่องที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจขององค์กรอิสระอื่น หรือที่องค์กรอิสระอื่นรับไว้ดำเนินการแล้วตามมาตรา 37 (4) พ.ร.ป.ว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน กำหนดเป็นเรื่องที่ห้ามมิให้ผู้ตรวจการรับไว้พิจารณา ไม่อาจเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงส่งเรื่องต่อ กกต.ดำเนินการตามหน้าที่ต่อไป

ครม.ทุ่ม 514 ล้านยกระดับ ศก.

เมื่อเวลา 11.20 น. ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี จ.เพชรบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ แถลงว่า ครม.เห็นชอบตามที่สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เสนอการสรุปผลการปฏิบัติราชการของ ครม.ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง จ.เพชรบุรี ราชบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร ทั้งในด้านพัฒนาเศรษฐกิจแบบครบวงจร การท่องเที่ยว การเกษตร การส่งเสริมความมั่นคงสงบเรียบร้อย การบริหารทรัพยากรธรรมชาติอย่างสมดุลและยั่งยืน และการพัฒนาแบบที่มีส่วนร่วมเมืองสร้างสรรค์ระดับสากล ครม.รับทราบและเห็นชอบหลักการโครงการของกลุ่มจังหวัดและจังหวัด 10 โครงการ กรอบวงเงิน 246 ล้านบาท โดยให้กลุ่มจังหวัดและจังหวัดขอรับการจัดสรรของบประมาณปี 67 และงบกลาง และเห็นชอบในหลักการโครงการที่เป็นข้อเสนอของภาคเอกชน จำนวน 8 โครงการ กรอบวงเงิน 268 ล้านบาท โดยให้ส่วนราชการที่เป็นเจ้าของโครงการขอรับการจัดสรรงบประมาณปี 67 และงบกลาง

เศรษฐา ทวีสิน
เศรษฐา ทวีสิน

ไฟเขียวแนวทางดันค่าแรง 400 บาท

นายกฯกล่าวว่า ครม.เห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอความคืบหน้าในการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทต่อวันเท่ากันทั่วประเทศ จะมีผลบังคับในเดือน ก.ย.-ต.ค.2567 ขณะที่นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน กล่าวว่า จะปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเท่ากันทั่วประเทศวันละ 400 บาทตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2567 เป็นต้นไป และจะติดตามผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเพื่อหาวิธีเยียวยาผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ตนเปิดรับพร้อมพบปะกับผู้ประกอบการอยู่ตลอดเวลา พร้อมรับฟังทุกเรื่อง ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงดูแลผลกระทบต่อราคาสินค้า กรมการค้าภายในจับตาดูอยู่ตลอดเวลา ต้องดูต้นทุนของสินค้าเป็นรายตัว บางสินค้าอาจมีสัดส่วนของค่าแรงอยู่นิดเดียว จะนำเรื่องค่าแรงมาอ้างขึ้นราคาไม่ได้

ไตรภาคีถกเครียดนายจ้างโวยรัฐเร่งรีบ

ที่กระทรวงแรงงาน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานคณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ด) ชุดที่ 22 เป็นประธานการประชุมบอร์ด พิจารณากรอบอัตราราคาค่าจ้างขั้นต่ำปี 2567 ขั้นต่ำ 400 บาททั้งประเทศ และการกำหนดอัตราค่าจ้างรายอุตสาหกรรม ก่อนเริ่มการประชุมมีตัวแทนสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย หรืออีคอนไทย ร่วมกับ 15 สภาองค์การนายจ้าง มายื่นหนังสือคัดค้านการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาททั้งประเทศ ที่ประชุมใช้เวลาหารือเครียดนานกว่า 3 ชั่วโมง จากนั้นนายอรรถยุทธ ลียะวณิช บอร์ดค่าจ้างฝ่ายนายจ้าง เดินออกจากห้องประชุมอย่างหัวเสีย พร้อมกล่าวว่า ปลัดฯทำน่าเกลียด เร่งรีบให้ปรับเร็วขึ้น โดยให้อนุกรรมการจังหวัดส่งตัวเลขกลับมาในเดือน ก.ค. และยังเสนอให้โหวตยกเลิกสูตรที่ใช้คำนวณค่าจ้างขั้นต่ำแต่ละจังหวัดตามมติที่ประชุมเมื่อเดือน ก.พ. โดยเปลี่ยนไปใช้สูตรใหม่ที่จะขึ้นค่าจ้างอย่างไรก็ได้ ไม่มีเพดาน นายจ้างรับไม่ได้ เพราะควรจะขึ้นตามที่มาตรา 87 กำหนดไว้

ปลัดแรงงานยืนกรานยึดมติข้างมาก

ด้านนายไพโรจน์กล่าวว่า ที่ประชุมถามว่าเราเร่งรีบเกินไป เหมือนจะสนองการเมืองที่เข้ามาแทรกแซงหรือไม่ ได้ชี้แจงว่าเราทำตามเหตุผล ภาครัฐต้องเป็นกลาง เมื่อเห็นไม่ตรงกันต้องใช้มติเสียงส่วนใหญ่ด้วยการโหวตให้ทำเร็วขึ้น รวมทั้งกำหนดสูตรคำนวณค่าจ้างใหม่ ให้อนุจังหวัดเป็นอิสระ เสนอตัวเลขว่าควรจะขึ้นเท่าไร เพราะถ้าใช้สูตรเดิมจะทำให้ค่าจ้างไปไม่ถึง 400 บาท จึงเสนอเป็นสูตรลอยตัว เสนออัตราค่าจ้างรายจังหวัด เมื่อเสนอตัวเลขมาจะต้องนำมาเข้าสูตรการคำนวณค่าจ้างของบอร์ดชุดใหญ่อีกครั้ง โดยจะพิจารณาให้เหมาะสม ถูกต้องครบถ้วนตรงความต้องการของทุกฝ่าย

“อุ๊งอิ๊งค์” ปลื้ม ก.ม.สมรสเท่าเทียม

เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ดิสคัฟเวอรี่พลาซ่า สยามดิสคัฟเวอรี่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงข่าวการจัดงาน“The Celebration : Right to Love” ว่า ในนามของพรรค พท.ยินดีอย่างยิ่งที่ปีนี้ประเทศไทยจะจัดงาน Pride Month ในหลายพื้นที่สะท้อนว่า ประเทศไทยของเรายอมรับความหลากหลายทางเพศอย่างแท้จริง Pride Month ถือเป็นหนึ่งในอีเวนต์สำคัญระดับโลก ถือเป็นอีกหนึ่งเศรษฐกิจเทศกาล แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ การต่อสู้ให้เกิดความเท่าเทียมทางเพศไม่ใช่เรื่องง่าย พรรค พท.ยืนหยัดมาตั้งแต่รัฐบาลไทยรักไทยโดยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และสมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ใช้เวลาอย่างน้อย 23 ปี พ.ร.บ.มาผ่านในสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน จากพรรคพท.คาดว่าในปีนี้ พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมจะบังคับใช้ ถือเป็นผลงานของพวกเราทุกคน งาน “The Celebration : Right to Love” ถือเป็นสัญลักษณ์ว่า ไทยเป็นประเทศของความหลากหลายทางเพศ แสดงถึงศักยภาพของประเทศไทยว่า เราพร้อมจะเป็นเจ้าภาพการจัดงาน World Pride ในปี 2030 ด้วย

แพทองธาร ชินวัตร
แพทองธาร ชินวัตร

ปัดไม่เคยหนีปมวิจารณ์ “แบงก์ชาติ”

น.ส.แพทองธารยังกล่าวถึงกรณีปาฐกถาวิพากษ์วิจารณ์ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในงาน 10 เดือนที่ไม่รอ ไปต่อให้เต็ม 10 ที่พรรคเพื่อไทย ที่กระทบต่อผู้ว่าการ ธปท.ว่า จริงๆรัฐบาลและ ธปท.มีวัตถุประสงค์เป้าหมายร่วมกันคือประชาชน เพราะถ้ามีเป้าหมายร่วมกันจะสามารถทำงานจนทะลุเป้าหมายได้ ความเดือดร้อนของประชาชน รวมถึงความเป็นอยู่ต้องเป็นเป้าหมายร่วมกัน รัฐบาลพรรคพท.โดยตนเป็นส่วนหนึ่งของพรรค ต้องการให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน การปาฐกถา ในเวทีใหญ่ ที่พูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ เช่น เรื่องสังคม เหตุการณ์ปัจจุบัน มีการเตรียมการก่อนอยู่แล้ว ต้องเตรียมคำตอบให้กับสื่อมวลชนเมื่อถูกถาม ฉะนั้นการพูดครั้งนั้น เป็นการพูดเพื่อสนับสนุนการผลักดันนโยบายรัฐบาล หากจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งรัฐบาล ธปท.ถูกวิพากษ์ วิจารณ์ได้มาตลอด เกิดขึ้นได้ เป็นเรื่องปกติ ภายหลังสัมภาษณ์เสร็จน.ส.แพทองธารได้แซวผู้สื่อข่าวว่าวันนี้จะเดินช้าๆ เพื่อไม่ให้เข้าใจผิดว่าวิ่งหนีนักข่าว วันนั้นนักข่าวรู้ว่าตนมีงานต่อต้องรีบเดิน ไม่เคยหนีนักข่าวเลย หนีได้เหรอ

กกต.ยันห้ามสื่อหาเสียงให้ สว.

เมื่อเวลา 13.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต.ได้นัดพบปะพูดคุยสื่อมวลชนในหัวข้อ “สื่อกับการปฏิบัติในห้วงมีพระราชกฤษฎีกาการเลือกสว.ปี 67”เพื่อให้การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ประกาศที่เกี่ยวข้องในการเลือก สว.โดยนายแสวงกล่าวตอนหนึ่งว่า การแนะนำตัวผู้สมัคร สว.และการปฏิบัติของสื่อในเรื่องการแนะนำตัวผู้สมัคร สว.ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ แพลตฟอร์มต่างๆ จริงๆแล้วทำได้ แต่ให้เป็นไปตามกฎหมาย ห้ามพูดลักษณะแสดงจุดยืน หรือพูดสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น ลักษณะการขอคะแนน หรือแสดงวิสัยทัศน์ สื่อยังทำงานได้ปกติ อะไรที่เป็นข้อเท็จจริงรายงานได้เลย การห้ามคือห้ามแนะนำเขาไปพูดในลักษณะหาเสียง สื่อนำเสนอข่าว หรือจัดรายการวิเคราะห์ หรือเชิญนักวิชาการมาวิเคราะห์เกี่ยวกับการเลือก สว.ได้ ไม่มีระเบียบใดๆที่บังคับใช้กับสื่อ แต่ต้องระวังไม่ให้นำเสนอข่าวในลักษณะเป็นการสนับสนุนการหาเสียงของผู้สมัคร สว.รายใดรายหนึ่ง หากมีการร้องเรียนผู้สมัครรายนั้นจะมีโทษ

การันตีไม่มีเหตุต้องเลื่อนไทม์ไลน์

เลขาธิการ กกต. กล่าวอีกว่า คาดว่าวันนี้จะมีผู้ขอรับใบสมัคร สว.เกิน 10,000 คน ยอดเมื่อวันที่ 13 พ.ค. มีผู้ขอรับใบสมัครรวม 9,833 คน ยืนยันการเลือก สว.ครั้งนี้เป็นไปตามไทม์ไลน์ที่ประกาศออกไปแล้ว โดยไม่มีเหตุผลทำให้ไทม์ไลน์เลื่อน หรือประวิงเวลาออกไป ยืนยันว่ากระบวนการสิ้นสุด และได้ สว.ทั้งหมด 200 คน ตัวสำรอง 100 คน ส่วนประเด็นการร้องเรียนคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร สว.ที่จะทำให้กระบวนการเลือก สว.ล่าช้านั้น หากกรณี กกต.ไม่รับสมัครบุคคลใดสามารถร้องต่อศาลฎีกาได้ภายใน 3 วัน ก่อนวันเลือก สว.และศาลฎีกาจะต้องตัดสินให้แล้วเสร็จ 1 วัน ก่อนวันเลือก สว.หากไม่แล้วเสร็จ กระบวนการเลือก สว.ต้องดำเนินการต่อไป เท่าที่มีผู้สมัครอยู่ หากสุดท้ายศาลคืนสิทธิให้ผู้สมัครไม่กระทบกระบวนการที่ผ่านมาแล้ว

แบะท่า“ไอลอว์-ก้าวหน้า”รณรงค์ได้

เมื่อถามว่า กรณีคณะก้าวหน้าและไอลอว์ เดินหน้ารณรงค์การเลือก สว.ครั้งนี้ รวมถึงเปิดเว็บไซต์ให้ผู้สมัคร สว.แนะนำตัว สามารถทำได้หรือไม่ นายแสวงตอบว่า สามารถทำได้เป็นไปตามระเบียบของกกต. ยอมรับทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ไม่มีใครใหญ่ไปกว่ากฎหมาย ถ้าผู้สมัครรู้เห็นเป็นใจ เพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์จะต้องรับโทษ ขอให้ผู้สมัคร สว.ระมัดระวังตัวเองด้วย หากมีการแจ้งเบาะแสที่อาจส่งผลให้การเลือก สว.ไม่เป็นไปโดยสุจริต หรือเที่ยงธรรม กกต.จะสั่งให้ผู้สมัคร สว.หยุดการกระทำ หรือหากผู้สมัครมิได้ทำเอง ต้องไปเตือนผู้ที่กระทำให้หยุดการกระทำ รวมถึงถามผู้สมัครว่า รู้เห็นเป็นใจในกรณีดังกล่าวด้วยหรือไม่

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่