เทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช ปชป.โพสต์ฯถาม นายกฯ เพิ่งรู้หรือว่าของ "แพงทั้งแผ่นดิน" แล้ว ขายปาล์ม 1 โล ซื้อไข่ไม่ได้ 1 ฟอง ซัด อย่ามัวแต่โม้ จะเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน 3 เท่า ในเวลา 4 ปี
วันที่ 13 พ.ค. 2567 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช ปชป.โพสต์ฯ ถาม นายกฯ เพิ่งรู้หรือว่าของ "แพงทั้งแผ่นดิน" แล้ว ขายปาล์ม 1 โล ซื้อไข่ไม่ได้ 1 ฟอง ซัด อย่ามัวแต่โม้ จะเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน 3 เท่า ในเวลา 4 ปี
ถาม "เศรษฐา" เพิ่งรู้หรือว่าของ "แพงทั้งแผ่นดิน" แล้ว ขายปาล์ม 1 โล ซื้อไข่ไม่ได้ 1 ฟอง
ผมได้ติดตามข่าวทัวร์นกขมิ้นวันที่ 3 ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตอนเดินตลาดที่ จ.ราชบุรี บอกว่า ตกใจที่ราคาพริก กิโลกรัมละ 500 บาท ซึ่งผมไม่แน่ใจว่า คุณเศรษฐาได้เดินครบทั่วทั้งตลาดหรือไม่
ผมเห็นว่า เป็นเรื่องที่ถูกต้องที่นายกรัฐมนตรีลงไปรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนด้วยตัวเอง ไม่ใช่เอาแต่แนะนำให้ผู้ว่าฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย ไปถามภาวะเศรษฐกิจจากประชาชน รัฐบาลซึ่งมีหน้าที่โดยตรงกลับไม่สนใจสอบถามความเดือดร้อนของประชาชน
ตอนนี้สินค้าและข้าวของ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตประจำวัน ราคาสูงขึ้นเกือบทุกชนิด แม้แต่ไข่ไก่ ซึ่งเป็นอาหารหลักของทุกครอบครัว ก็ปรับตัวสูงขึ้นหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีมาตรการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้ประชาชนต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ในขณะที่รายได้ยังเท่าเดิม หรือลดลงไปด้วยซ้ำ จนในขณะนี้ข้าวของแพงทุกอย่าง มีการเกิดเสียงโอดครวญว่า ของแพงทั้งแผ่นดิน แล้ว
อยากให้รัฐบาลได้สนใจปัญหาปากท้องของประชาชน โดยเฉพาะการที่คุณเศรษฐา คุยโม้โอ้อวดว่า จะเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน 3 เท่า ภายในเวลา 4 ปี ตอนนี้ล่วงเลยมาแล้วเกือบ 1 ปี ยังไม่มีมาตรการใด ที่พอจะเป็นความหวังในการเพิ่มรายได้ของประชาชนเลย เกษตรกรก็ยังมีรายได้เท่าเดิม จะมีก็เฉพาะเกษตรกรชาวสวนยางเท่านั้น ที่รัฐบาลชุดนี้ประโคมข่าวคุยกันว่า ยางพาราปรับตัวสูงขึ้นราคากิโลกรัมละ 90 บาท ซึ่งเป็นราคาในช่วงยางผลัดใบ หรือชาวสวนยางปิดกรีดกันเท่านั้น
...
อยากให้รัฐบาลกลับไปดูราคาปาล์มน้ำมัน ซึ่งตกต่ำกว่ายุครัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ที่มีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 10-12 บาท แต่ตอนนี้ราคาเหลือ 4.20 บาท ขายปาล์มน้ำมัน 1กิโล ยังซื้อไข่ไม่ได้สักฟอง จึงอยากให้รัฐบาลกลับไปดูแลช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนปาล์มด้วย ไม่ใช่เลือกโม้เฉพาะสินค้าบางตัวบางชนิดที่ราคาดี แต่ราคาผลผลิตการเกษตรที่ราคาตกต่ำ กลับเพิกเฉยไม่เหลียวแล
จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลชุดนี้ ได้แก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนอย่างเป็นระบบ ให้สมกับราคาที่คุยว่า พรรคเพื่อไทยมีความเชี่ยวชาญในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ อย่าเอาแต่โปรยยาหอมไปวันๆ ว่า จะเพิ่มรายได้ 3 เท่าภายใน 4 ปี ซึ่งเป็นความหวังลมๆ แล้งๆ ในขณะนี้เวลาได้ล่วงเลยมาเกือบจะครบ 1 ปีแล้ว ยังไม่มีวี่แววว่า จะเพิ่มขึ้นเลยแม้แต่บาทเดียว