ระบอบทักษิณเริ่มเข้ามาเต็มตัว เต็มที่ จัดหนัก
ผู้ที่ยืนอยู่ตรงข้ามทางการเมือง อย่าง นายถาวร เสนเนียม อดีตแกนนำ กปปส. (คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข) และผู้ยื่นฟ้องเอาผิดอดีต 3 กกต.ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบในยุคที่นายทักษิณ ชินวัตร เรืองอำนาจ สุดท้ายต้องติดคุก
ได้สะท้อนปรากฏการณ์รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ให้เห็นภาพชัดเจนที่รัฐบาลเริ่มเจอแรงต้านมากขึ้นเรื่อยๆ การบริหารราชการแผ่นดินไม่ราบรื่น ทั้งนโยบายเรือธงดิจิทัลวอลเล็ต ค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ ประมูลขายข้าวโละสต๊อกสุดท้ายตามโครงการจำนำข้าว
ขอย้อนกลับไปปี 48-49 ระบอบทักษิณ สร้างความแตกแยกให้ประเทศในระหว่างประชาชนด้วยกันเกิดเสื้อเหลืองกับเสื้อแดงและตัวเองไปทำผิด ถัดมาปี 52-53 ตั้งข้อสังเกตว่าเขาอยู่เบื้องหลังจนเกิดปะทะกันระหว่างมวลชน สุดท้ายช่วงปี 56-57 ก็สร้างความแตกแยกโดยการทุจริตจนประชาชนไม่ไหว
ครั้งนี้สร้างความแตกแยกขึ้นอีกในรัฐบาลเศรษฐา
โดยเกิดจากการเข้ามาในประเทศไทย โทษจำคุกที่เหลือปีเดียว เดิม 8 ปี ไม่เข้าคุกแม้แต่วันเดียว เป็นอภิสิทธิ์ชน ทำลายกระบวนการยุติธรรมระหว่างพักโทษไปไหนมาไหนเหมือนเยาะเย้ยประชาชนและยังเจรจาสอดแทรกเข้ามาในระบบบริหารราชการแผ่นดินที่เห็นได้ชัดเป็นระยะๆ
...
พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุให้กระบวนการต่างๆ เริ่มออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านระบอบทักษิณมากขึ้นๆ
“ประชาชนเริ่มจับได้ว่าระบอบทักษิณยังคงอยู่ในการดำเนินงานทางการเมือง มีเป้าหมายหลักทำลายระบบรัฐสภาที่ตรวจสอบรัฐบาล
ที่สำคัญคือกำลังสร้างระบบเผด็จการรัฐสภา ไม่ฟังใครทั้งสิ้น ไม่ฟังเสียงข้างน้อย ทำลายองค์กรอิสระ ทำลายกระบวนการยุติธรรม
โดยมุ่งเน้นหาประโยชน์โกงกินทุกรูปแบบ หลังจากนั้นขยายอำนาจให้เข้าไปอยู่ในอำนาจของระบอบนี้”
เกิดอะไรขึ้นเมื่อพรรคเพื่อไทยจับมือฝ่ายอนุรักษ์นิยมแล้ว ทำไมรัฐบาลเดินหน้าบริหารประเทศไม่ราบรื่น นายถาวร บอกว่า ฝ่ายอนุรักษ์ไม่รักประชาชนและประเทศจริง
ดีลที่เกิดขึ้นกลัวพรรคก้าวไกลเข้ามามีอำนาจ และดำเนินการล้มล้างสถาบันหรือแก้มาตรา 112 แต่เมื่อจับมืออยู่กับฝ่ายอนุรักษ์แล้ว
ขาดเจตจำนงการเมืองหรือโพลิทิเคิล วิลล์ ดำรงไว้ซึ่งเจตจำนงแก้ปัญหาให้ประเทศ โดยเฉพาะวิกฤติปัญหาคอร์รัปชัน ปัญหาเหลื่อมล้ำ ความยากจน ปัญหาการผูกขาดให้กลุ่มทุนขูดรีดประชาชน และระบอบทักษิณเริ่มเหิมเกริมเป็นระยะๆ
สังคมคลางแคลงใจฝ่ายอนุรักษ์-ระบอบทักษิณ
ขอเตือนฝ่ายอนุรักษ์จับมือกับใครก็ได้ แต่ต้องจับมือเพื่อประชาชน รักประชาชน ทำเพื่อประชาชนให้พึงพอใจจริงๆ แต่เมื่อทำในทิศทางตรงกันข้าม ถึงเกิดแรงต้านในเรื่องต่างๆ เป็นระยะๆ
“ที่สำคัญเมื่อเกิดความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับรัฐบาลเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ฝ่ายความมั่นคงก็จะทำไอโอ เปิดเผยความจริงให้เกิดขึ้นเป็นระยะๆ
มีบทเรียนหลายครั้งที่ผ่านมา สุดท้ายนำไปสู่การทำรัฐประหาร แม้ประชาชนระบุว่าต้องการประชาธิปไตย แต่พอถูกรัฐประหารกลับมีดอกกุหลาบเต็มรถถัง
เหมือน 19 ก.ย.49 ทำไอโอเปิดเผยความจริง จนกระทั่งประชาชนจับมือกับฝ่ายทำรัฐประหารขับไล่ระบอบทักษิณ และ 22 พ.ค.57 ที่ กปปส.ชุมนุมขับไล่รัฐบาล แล้วฝ่ายความมั่นคงเข้ามา หวังปฏิรูปประเทศ”
แต่ คสช.ขาดเจตจำนงทางการเมือง ทุจริตมีมากขึ้นมากขึ้น โดยเฉพาะในปีสุดท้ายก่อนมีการเลือกตั้งใหญ่ จริงอยู่ตอนทำรัฐประหารใหม่ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างดี พออยู่ในอำนาจนาน 2 ปี เริ่มเล่นพวก ทุจริต ไม่เดินตามเจตจำนงทางการเมือง
ถ้าจริงใจ จริงจัง เหมือนประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง 10 ปีผ่านไปแก้ปัญหาทุจริต และความยากจนไปได้ไกลมากต่างกับไทยที่ คสช.อยู่ครบ 10 ปี ทุกด้านถอยหลังหมด
ขอย้ำปรากฏการณ์ต่อต้านระบอบทักษิณเริ่มแล้ว เมื่อเกิดขึ้นการดำเนินการต้องต่อเนื่อง ย่อมเกิดการต่อต้าน ถ้าการต่อต้านยังไม่เข้มข้น ก็เกิดปฏิบัติการไอโอ ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเข้มข้น
นำไปสู่เหตุอ้างลงมือทำรัฐประหาร
หากถามประชาชนว่าให้เปรียบเทียบระหว่างระบอบทักษิณกับรัฐประหาร ระบอบไหนดีกว่ากัน ปรากฏว่าประ ชาชนเห็นด้วยกับการทำรัฐ ประหาร กังวลใจอย่างมากไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เพราะอยากเห็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
แต่ถ้าประชาธิปไตยอยู่ในมือโจร อยู่ในมือพวกทุจริต อยู่ในมือของผู้ที่ทำการขูดรีดอยู่ในมือของทุนผูกขาด ประชาชนก็ทนไม่ได้เหมือนกัน
กำลังส่งสัญญาณให้เห็นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กำลังนำไปสู่วิกฤติการเมืองระลอกใหม่อีกครั้งของประเทศไทย นายถาวรบอกว่า ถูกต้อง ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นมันเป็นลางบอกเหตุเป็นระยะๆ เหมือนปี 34-35 ปี 48-49 ปี 56-57 เหตุการณ์ใกล้เคียงกันมาก
“ประสิทธิภาพระบอบทักษิณไม่ได้ใช้เต็มที่มาหลายปี เมื่อกลับเข้าครอบงำประเทศไทยอีกครั้ง เขาเร่งเครื่อง เร่งสปีด โดยไม่ฟังเสียงใคร
นายกฯ ถูกตั้งข้อสังเกตเป็นหุ่นเชิด ฝ่ายอนุรักษ์ต่างพรรค รัฐมนตรีฝ่ายอนุรักษ์บางคนไปจับมือเข้าระบอบนี้ โดยไม่ฟังเสียงประชาชน และเชื่อมั่นสื่อโซเชียลมีเดียช่วยได้
แต่ฝ่ายที่ไม่ชอบระบอบทักษิณ ก็มีสื่อโซเชียลมีเดียในมือเหมือนกัน และฝ่ายที่เคยต่อต้านรู้ดีว่าระบอบนี้เป็นอันตรายต่อประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
พอสะสมข้อมูลข่าวสาร นำไปสู่สถานการณ์สุกงอม ประชาชนแซ่ซ้อง สุดท้ายมันเกิดวิกฤติระลอกใหม่ รัฐประหารก็เกิดขึ้นได้อีก”
ฉะนั้นระบอบทักษิณควรถอยห่างออกมาและรัฐบาลเดินหน้าจริงจัง จริงใจแก้ปัญหาผูกขาด ลดความเหลื่อมล้ำ แก้ทุจริตคอร์รัปชันที่เป็นวิกฤติของประเทศ เหมือนประธานา ธิบดี สี จิ้นผิง และลี กวนยู อดีตนายกฯสิงคโปร์ รับรองรัฐประหารไม่เกิดแน่นอน และจะไม่มีพวกต่อต้านรัฐบาล
ทีมการเมือง ถามว่ารัฐประหารไม่ใช่ทางออกประเทศ แต่กงล้อประวัติศาสตร์กำลังเดินซ้ำรอย ทั้งที่พรรคเพื่อไทยเพิ่งตั้งรัฐบาล นายทักษิณกลับประเทศไทย พรรคก้าวไกลจะเป็นรัฐบาลฝ่ายอนุรักษ์ก็ไม่เอา ทหารรัฐประหารก็ปฏิรูปประเทศไม่ได้อีก ประเทศเผชิญเดินวนบนวัฏจักรแบบนี้ต่อไป
นายถาวร บอกว่า คนไทยต้องอดทนจนกว่ามายเซ็ตของคนไทยเปลี่ยน โดยไม่ยกมือไหว้คนชั่ว คนทุจริต
และอีก 3 ปีข้างหน้า ถ้าพรรคก้าวไกลได้เสียงข้างมากต้องให้จัดตั้งรัฐบาล โดยยึดหลักนิติธรรม นิติรัฐฟังเสียงข้างน้อย หากไม่ฟัง เสียงข้างน้อยก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน กลายเป็นปัญหาความขัดแย้งอีก
แม้ขณะรัฐบาลกำลังแก้ไขอยู่ตามนโยบายสร้างความสมานฉันท์ที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา วันนี้เดินไปครึ่งทางแล้วแต่ขณะเดียวกันก็สร้างความขัดแย้งขึ้นมาใหม่ วันนี้กังวลภาวนาอย่าให้เกิดขึ้น สังคมทักท้วงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตรัฐบาลก็อย่าดันทุรัง อย่าไปบูลลี่ผู้ว่าการแบงก์ชาติ (ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย) ปมข้าวในโกดังก็อย่าเล่นละครตบตาประชาชน
องค์กรอิสระต้องทำตามอำนาจหน้าที่ และรัฐบาลควรถอดบทเรียนรัฐประหารที่มีมูลเหตุจากทุจริต เกิดจากการไม่ปฏิรูปประเทศ ไม่เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง บริหารประเทศยึดหลักนิติรัฐ นิติธรรม ฟังเสียงข้างน้อย
นายกฯ ปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ
ระบอบทักษิณอย่าก้าวก่ายรัฐบาล
สิ่งสำคัญอย่าเติมเชื้อเพลิงเข้ากองไฟ
ใครทุจริตสั่งประหารชีวิตทางการเมือง
ไม่ทำตามนี้ระวังประวัติศาสตร์ซ้ำรอย.
ทีมการเมือง
คลิกอ่านคอลัมน์ "วิเคราะห์การเมือง" เพิ่มเติม