ย่างเข้าเดือนหกฝนตกพรำๆ ปฏิทินฤดูกาลเมืองไทย เดือนพฤษภาคมเปลี่ยนหน้าร้อนเข้าหน้าฝน ตามกำหนดโบราณราชประเพณีพืชมงคลพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ สัญญาณเข้าสู่ฤดูกาลเพาะปลูก

ปีนี้พระยาแรกนา ตั้งสัตยาธิษฐาน หยิบผ้านุ่งได้ผ้า 5 คืบ การเสี่ยงทายพระโคกินเลี้ยง ประกอบด้วย “กินน้ำ หญ้า” พยากรณ์ว่า น้ำท่าจะบริบูรณ์พอควร พร้อมด้วยธัญญาหาร ผลาหาร ภักษาหารจะอุดมสมบูรณ์ดี “กินเหล้า” การคมนาคมสะดวกยิ่งขึ้น การค้าขายกับต่างประเทศดีขึ้น ทำให้เศรษฐกิจเจริญรุ่งเรือง

ตามคำทำนายทางโหรหลวงช่วยให้พอใจชื้น จากการเผชิญสภาพภูมิอากาศโลกที่เปลี่ยนแปลงไปในห้วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้เมืองไทยเกิดภาวะร้อนแบบสุดขั้ว สลับพายุฤดูร้อนมาแบบวูบๆวาบๆ

เอลนีโญ ยังไม่ไป ลานีญา มาจ่ออยู่ไกลๆ ตามข้อมูลดาวเทียม สัญญาณเรดาร์สำรวจอากาศ ประเมินภาวะฝนทิ้งช่วงยาว ประเทศไทยส่อเค้าแล้งหนักอีกพักใหญ่

หนีไม่พ้นเดือดร้อนน้ำอุปโภค กระทบน้ำบริโภค

สภาพเขื่อนหลักปริมาณน้ำต่ำกว่าระดับกักเก็บ ห้วย หนอง คลอง บึง แห้งขอด ไม่ต้องพูดถึงน้ำทำการเกษตร เรือก สวน ไร่ นา ปรากฏการณ์แบบที่ทุเรียนยืนต้นตาย ผลผลิตเสียหายหนัก

ภัยพิบัติธรรมชาติกระเทือนภาคเกษตร กระแทกชิ่งเศรษฐกิจในภาพรวม

เพิ่มโจทย์หนักหนาสาหัสให้กับรัฐบาลผสมพรรคเพื่อไทย ในจังหวะที่เรือธงของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ยังตั้งหลักไม่ติด ตั้งลำไม่ได้ ภายหลังการปรับคณะรัฐมนตรี ยกเครื่องเชิงบริหารกันขนานใหญ่

ต้องเผชิญอาฟเตอร์ช็อกต่อเนื่อง หลังแผ่นดินไหว

แรงกระเพื่อมหัวสั่นหัวคลอน สดๆร้อนๆก็เป็นรายของนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง โควตาค่ายรวมไทยสร้างชาติ ตัดสินใจไขก๊อกจากเก้าอี้

...

ถอนสมอ เพราะไม่พอใจโดนลดชั้น ประชดการแบ่งงาน

แสดงอาการน้อยใจ แกมหมั่นไส้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯและ รมว.คลัง ที่แย่ง “ชิ้นปลามัน” ยึดหน่วยงานสำคัญไว้ในกำกับของพรรคเพื่อไทย กดดัน เหมือนตั้งใจไล่อัปเปหิกันในที

ตามสภาพของนายกฤษฎาเป็นแค่ “ข้าวนอกนา” มาในโควตาของ “สปอนเซอร์” พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่กำลังเกิดปัญหารัฐประหารภายในทีมห้อยโหน “ลุงตู่” อยู่ในภาวะไม่มีพลังต่อรอง

อารมณ์แบบที่ “เสี่ยตุ๋ย” นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและ รมว.พลังงาน หัวหน้าค่ายรวมไทยสร้างชาติ พยายามกลบเกลื่อนด้วยการเบิ้ลบลัฟกลับสื่อเสี้ยมให้ตายก็ไม่มีวันพรรคแตก

แต่หักมุมกับอาการธาตุไฟเข้าแทรก อยู่ๆนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ อดีตรองนายกฯและ รมว.พลังงาน สายตรงสปอนเซอร์ ก็ร่อนใบลาออกจากสมาชิกพรรค รทสช. โดดหนีขบวนห้อยโหน “ลุงตู่”

ดูจากทรงค่ายรวมไทยสร้างชาติสั่นไหวหนัก หักเหลี่ยมกันแรงๆ

มีลุ้นเสียว อาจถึงขั้นหลุดขั้วรัฐบาล

เรื่องของเรื่อง ว่ากันด้วยภาพลักษณ์ หากมองในมุม “โปรไฟล์” ของนายกฤษฎาคืออดีตปลัดกระทรวงการคลัง ที่ตรงกับเนื้องานตามภารกิจ

มันคือการที่รัฐบาลเพื่อไทยต้องสูญเสีย “มือบริหารอาชีพ” เซ่นให้เกมการเมือง ซ้ำซ้อนกับกรณีของ “ดร.ตั๊ก” นายปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีต รมว.ต่างประเทศ ที่ไขก๊อกแบบไม่ทันจบกระบวนการแต่งตั้งใหม่ เพราะรับไม่ได้กับการถูกลดชั้น ยึดตำแหน่งควบรองนายกฯไปแบบไม่บอกกล่าวเหตุผล

ย้อนแย้งกันเลยกับการที่ผู้นำอ้างปรับ ครม.เพื่อจัดคนให้ถูกกับงาน

ในสถานการณ์ที่ตอกย้ำด้วยภาคปฏิบัติชัดกว่าคำพูดสวยหรู ผู้นำอย่างนายเศรษฐา ต้องตกอยู่ภายใต้ไฟต์บังคับ สภาพของ “นายกฯในตำแหน่ง” ที่ต้องเด้งรับการเดินเกมจาก “นายกฯในตำนาน”

บนพื้นฐานของเกมอำนาจและผลประโยชน์ทางการเมืองมาก่อนอื่นใด

เงื่อนไขทุกอย่างถูกผูกติดอยู่กับเรื่องของธุรกิจ “กงสี” หนีไม่พ้นโดนโยงกับพันธกิจส่วนตัวของ “เถ้าแก่ใหญ่” และคนในตระกูลชิน

ตัวจริงเสียงจริงชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” กดปุ่มรีโมตอยู่เบื้องหลัง

ไม่ต่างจากบริษัททั่วไป นายเศรษฐาก็เปรียบเหมือนซีอีโอที่เข้ามาคุมเกมบริหาร เป็นแค่ “หนังหน้าไฟ” ด่านหน้ารับแรงปะทะ คอยรับผิดชอบผลในทางกฎหมาย

ต้องแบกรับ “ความเสี่ยง” แทนเจ้าของกิจการ

โดยเฉพาะ “เถ้าแก่ใหญ่” ที่ฮึกเหิมเกินร้อย มั่นใจในความยิ่งใหญ่ไร้เทียมทานของ “นายกฯในตำนาน” ผู้เย้ยฟ้าท้าดิน ฆ่ายังไงก็ไม่ตาย

ณ จุดที่โบอิ้ง 747 ลำยักษ์ฉุดยังไงก็เอาคนชื่อ “ทักษิณ” ไม่อยู่

อารมณ์บู๊ดุดันไม่เกรงใจใคร “นายใหญ่” คนเดิมยังไงก็ยังงั้น นับตั้งแต่วันแรกที่เช็กเอาต์จากชั้น 14 รพ. ตำรวจ พฤติการณ์สวนกระแสวิพากษ์วิจารณ์นักโทษวีไอพี ผ่าน 2–3 เดือนไม่มีแผ่ว แนวโน้มมีแต่แรงขึ้น

ทั้งเล่นเอง ปล่อยลูกสาวโชว์ออฟ หรือกระแทกบ๋อยผ่านลูกน้องคนสนิท

ถือสิทธิ “ผู้นำในตำนาน” ข้ามหน้า “ผู้นำในตำแหน่ง”

เดินเกมแรงๆ แบบที่ “อุ๊งอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีอีเวนต์แถลงผลงานพรรค

ร่ายสคริปต์ถล่ม “แบงก์ชาติ” อัดธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นอุปสรรคในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

ฟอร์มตั้งท่ารื้อกฎหมาย ลดความเป็นอิสระของ “วังบางขุนพรหม”

อารมณ์ “เถ้าแก่ใหญ่” ส่งสัญญาณผ่านลูกสาว ลุยเขย่าแบงก์ชาติ บังอาจขวางลำคิวเทกระจาดดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท

และก็ตามคาด เจอเสียงด่าขรม อารมณ์สื่อใหญ่ดาหน้าหวด เครดิตแค่ลูกสาว “ทักษิณ” เทียบอะไรกับผู้เชี่ยวชาญธปท. นักวิชาการ นักเศรษฐศาสตร์ ออกแถลงการณ์ สนับสนุนความเป็นอิสระของแบงก์ชาติ

กระแสตีกลับหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เสียหายยับเยิน

แต่นั่นไม่เท่ากับความเสียหายต่อภาพรวม ในมุมสื่อระดับโลกอย่างรอยเตอร์ยังพาดหัวข่าวใหญ่ ลูกสาวได้อิทธิพลจากพ่ออดีตผู้นำขาใหญ่ ส่งสัญญาณล้วงลูกธนาคารกลางของประเทศไทย

เขย่าขวัญนักลงทุน สะเทือนความมั่นใจเครดิตนโยบายการเงิน

สถานการณ์เลยเถิดเกินคาด จนนายเศรษฐาต้องปฏิเสธรัวๆ ไม่มีความคิดปลดนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท. อยู่ในหัวและไม่มีนโยบายรื้อกฎหมาย ลดความเป็นอิสระของแบงก์ชาติแต่อย่างใด

แต่ด้วยคำพูดที่ไม่อาจกลบพฤติการณ์ชัดๆ สัญญาณความร้อนที่วังบางขุนพรหมยังขึ้นขีดแดง ตามความหวาด ระแวงขบวนการ “ลองของ” ปู่โสมเฝ้าขุมทรัพย์แผ่นดิน

“ทักษิณ” ให้ท้ายลูกสาวเล่นไฟ “เศรษฐา” ต้องไล่กลบอุตลุด

อีกจุดควันโขมง ก็คือคิวกระแทกชิ่งผ่านบ๋อย ตามฟอร์มของ “เสี่ยอ้วน” นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ สายตรงคนสนิท “เถ้าแก่ใหญ่” เปิดโกดัง เลหลังขายข้าวค้างสต๊อกในโครงการรับจำนำ

จัดอีเวนต์โชว์เปิบข้าวเก่า 10 ปี ซาว 15 น้ำ ลงทุนการันตีกินได้

ท่ามกลางเสียงทักท้วงอื้ออึง โดยเฉพาะเสียงจากนักโภชนาการเตือนให้ระวังความเสี่ยง ทั้งคุณค่าทางอาหารที่หายไป ทั้งความปลอดภัยของข้าวที่ผ่านการรมยาป้องกันมอดแมลงมานับครั้งไม่ถ้วน และเชื้อรา

สอดรับกับข้อมูลของหัวขบวนต่อต้านอย่าง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี ไล่แฉข้าวค้างโกดังนับ 10 ปีลอตนี้ ผ่านประมูลมาแล้ว 2–3 รอบ แต่ผู้ประมูลได้เบี้ยวแล้วเบี้ยวอีก แสดงถึงข้าวไม่มีคุณภาพ

ตั้งแง่วาระแฝง กระทรวงพาณิชย์เอามาตีปี๊บขายเอิกเกริกทำไม ทั้งๆที่ปล่อยให้ดำเนินการเงียบๆตามวาระปกติ ก็ไม่มีเรื่อง ไม่มีใครด่า

เหตุผลเดียวที่ฟื้นฝอยหาตะเข็บ “เสี่ยอ้วน” ลงทุนเอากระดูกแขวนคอ ก็เพราะ “ผลทางจิตวิทยา” เหลี่ยมเกมการตลาด โน้มน้าวให้สังคมเข้าใจว่า “ข้าวของกลาง” เป็นของดีแท้ๆแต่ต้องกลายเป็นของเน่าเสีย

เพื่อให้เกิดผลในทางคดี เอาผิดโครงการรับจำนำข้าว

อย่างน้อยก็ได้ผ่อนหนักเป็นเบา อานิสงส์ถึงนางเอกตามท้องเรื่องคือ “น้องปู” อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่โดนศาลพิพากษาจำคุกในฐานความผิด กระทำการโดยประมาท ปล่อยให้มีการทุจริตทำรัฐเสียหาย

ในจังหวะที่พี่ชายประกาศจะอุ้มน้องสาวกลับบ้านในเดือนตุลาคมปีนี้

ผลบวกอ้อมๆ กับ “เถ้าแก่ใหญ่” และครอบครัว แต่ผลลบโดยตรงกับวงการข้าวของประเทศไทย ข้าวของกลางค้างสต๊อก 10 ปีต้องหาคนซื้อให้ได้ ถ้าขายให้ต่างประเทศก็เสี่ยงต่อชื่อเสียง มาตรฐานข้าวไทยในระยะยาว

ตามรูปการณ์ ส่อเค้ากรรมตกอยู่กับ “ไอ้เณร” ทหารเกณฑ์และนักโทษในเรือนจำ ต้องกินข้าวเก่าซาว 15 น้ำ เพื่อรองรับอีเวนต์เล่นใหญ่ของกระทรวงพาณิชย์

ลูกติดพันที่นายเศรษฐา ทำได้แค่รอกินข้าวซาว 15 น้ำ ที่ “เสี่ยอ้วน” จะนำมาให้ลองชิมกันใน ครม.

แต่ที่ส่อเป็นเรื่องใหญ่ระดับโลก นานาชาติหันมามองเป็นสายตาเดียวกัน ตามช็อตที่เบอร์ใหญ่เล่นเอง ตามข่าวหลุดออกมาจากสื่อเมียนมา แฉข่าวลับวงเจรจาระหว่างอดีตผู้นำประเทศไทยกับผู้นำกลุ่มชาติพันธุ์

เคลียร์ปัญหาการสู้รบ สงครามภายในประเทศเพื่อนบ้าน

ในเครื่องหมายคำถาม ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ “เถ้าแก่ใหญ่” ดำเนินการในสถานะอะไร มีผลผูกพันกับรัฐบาลไทยหรือไม่ เป้าหมายเพื่อผลในการสร้างสันติภาพ หรือแฝงผลประโยชน์ธุรกิจข้ามชาติ

ที่แน่ๆรัฐบาลทหารเมียนมาออกมาตำหนิดังๆ ส่งทูตเตือนผ่านฝ่ายความมั่นคงของไทย โดนอดีตผู้นำขาใหญ่ แทรกแซงกิจการภายใน ขณะที่ผู้นำกลุ่มชาติพันธุ์ก็แสดงท่าทีไม่ยอมรับ การทูตลับๆล่อๆ

ผลจาก “นายกฯในตำนาน” โชว์แสนยานุภาพ กระชับอำนาจทางการเมือง

ขยันสร้างเรื่อง เดินสายเรียกแขก โหลดเชิงบริหาร

ทำให้ “นายกฯในตำแหน่ง” มีหน้าที่ต้องวิ่งตามล้าง ตามเช็ด ไม่หยุดหย่อน.


“ทีมการเมือง”

คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม