ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้การเมืองมันไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะมันเป็นเรื่องของ “คน” และมี “ประโยชน์” เป็นเดิมพัน

ไม่ใช่เรื่องของบ้านเมืองอย่างที่คิดฝันกัน

รัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี แม้จะมีเสียงสนับสนุน 314 เสียง เรียกว่ามีเสถียรภาพกว่ารัฐบาลหลายชุดที่ผ่านมา

แต่การจะไปให้ถึงเป้าหมายหรือความต้องการหาใช่เรื่องง่ายไม่

การปรับ ครม.ที่ผ่านมา ยังยุ่งจนถึงวันนี้ แม้กระทั่ง “เพื่อไทย” แกนนำรัฐบาล ก็มิวายเกิดปัญหาลาออกไป 1 คน

ไล่เลี่ยกัน รัฐมนตรีจากพรรครวมไทยสร้างชาติก็ออกไปอีก 1 คน

ผลจากเหตุเหล่านี้ทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลเสียหายไปมากพอสมควร

ก็เลยมีคำถามว่า การที่ผู้มีอิทธิพลเหนือนายกรัฐมนตรีเข้ามามีบทบาทต่อรัฐบาลนั้น ทำให้ทุกอย่างราบรื่นหรือเกิดปัญหาขึ้นมา

ถามคน “เพื่อไทย” คงให้คำตอบไม่ต่างกันคือดีอย่างแน่นอน เพราะเป็นขวัญและกำลังใจ อีกทั้งยังทำให้เกิดความเป็น เอกภาพ ได้รับการยอมรับของนานาประเทศ

นั่นเป็นความเห็นของฝ่ายเดียวกัน

แต่ถ้าไปถามซีกตรงข้าม คำตอบคงไปอีกอย่างหนึ่ง

ตัวอย่างที่ชัดเจนคือเรื่องของเมียนมา ที่มีข่าวว่า “ทักษิณ” ได้เจรจากับกลุ่มชาติ พันธุ์ที่สู้รบกับรัฐบาลอยู่ในขณะนี้ เพื่อให้เป็นตัวกลางในการพูดคุยกับรัฐบาลทหาร

ปรากฏว่าล่าสุดรัฐบาลพม่าไม่ยอมรับในเรื่องนี้

เป็นอันว่า “ดีล” นี้ไปไม่รอด!

ที่จะโชว์ผลงานระดับอินเตอร์ล่มปากอ่าวตั้งแต่เริ่มต้น

ก็มีคำถามอีกหนึ่งคำถาม ทำไม “ทักษิณ” จึงต้องการทำเรื่องนี้ คำตอบหลักน่าจะอยู่ที่ว่าต้องการสร้างผลงานให้รัฐบาล

...

เพราะหากประสบความสำเร็จ ถือว่า เป็นโบแดง ทำให้มีความโดดเด่นกว่าพรรคการเมืองอื่นๆ โดยเฉพาะ “ก้าวไกล” คู่แข่งสำคัญ

วันนี้รัฐบาลกำลังสร้างผลงานชิ้นสำคัญอยู่ 2 เรื่องที่คิดว่าจะทำให้ประชาชนพอใจ เรียกคะแนนนิยมอย่างเป็นกอบเป็นกำได้

1. เรื่องเศรษฐกิจที่กำลังเดินหน้านโยบาย “ดิจิทัลวอลเล็ต” พ่วงด้วยการขึ้นเงินข้าราชการ แต่ที่ยังคาบลูกคาบดอกอยู่คือการขึ้นค่าแรงทั่วประเทศ วันละ 400 บาท ที่ได้กำหนดวันแล้วว่าจะประกาศใช้ได้ทัน

แต่ปรากฏว่าเกิดเสียงคัดค้านจากบรรดาเจ้าของกิจการต่างๆ รวมถึงหอ การค้าไทยด้วย เพราะจะทำให้เกิดปัญหา

2. ยาเสพติดเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ได้มีการวางแผนและเดินหน้าไปบ้างแล้ว โดยกำหนดพื้นที่และเวลาที่ชัดเจนว่ายาเสพติดต้องหมดไป

เป็นนโยบายที่ดีและทำให้ผู้คนพอใจได้ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

เพราะถ้ายังไม่สามารถปิดประตูตายไม่ให้ยาเสพติดผ่านเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านได้ ก็เป็นเรื่องที่ยากไม่น้อย

การที่ “ทักษิณ” พยายามเป็นตัวกลาง เพื่อให้ 2 ฝ่ายในเมียนมาเจรจากันเพื่อสร้างความสงบสุข ก็เป็นช่องทางหนึ่ง

แต่เมื่อรัฐบาลพม่าไม่เอาด้วย ก็คงไปต่อยาก

ทำให้ความหวังที่จะยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว ต้องจบไปโดยปริยาย

เหล่านี้เป็นภารกิจของ “ทักษิณ” ที่พยายามทำทุกทางเพื่อเรียกคะแนนให้รัฐบาลอย่างที่มีคำถาม

“ทักษิณ” จะเอาชนะ “ก้าวไกล” ต้องทำอย่างไร?

รูปธรรมชัดเจนก็อย่างที่ว่ามาแล้วทั้งหมด แต่เมื่อสะดุดตอ ก็ต้องหาทางอื่นต่อไป

“การเมือง” วันนี้กับเมื่อวานนี้มัน ต่างกันมาก

มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ!


“ลิขิต จงสกุล”

คลิกอ่านคอลัมน์ “สับรางวันอาทิตย์” เพิ่มเติม