“อนุทิน” ร่วมประชุมหารือแก้ปัญหายาเสพติด ย้ำ จับยาบ้าต้องดูพฤติกรรม ตรวจสอบได้เป็นผู้ค้าหรือผู้เสพ ไม่ใช่ไม่เกิน 5 เม็ดส่งบำบัดหมด “นายกฯ เศรษฐา” กำชับ สธ. เขียนข้อบังคับให้ชัดเจน จะได้เลิกตีความผิดๆ

วันที่ 8 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางมาพบกับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพื่อประชุมหารือการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดย นายอนุทิน ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ต้องทำความเข้าใจว่าการครอบครองยาบ้า ไม่ว่าจะปริมาณมากน้อยแค่ไหนคือผิดกฎหมาย และแม้มีอยู่ไม่เกิน 5 เม็ด แต่ถ้ามีพฤติกรรมเป็นผู้ค้า ก็ต้องถูกจัดหมวดเป็นผู้ค้า เราจะดูจากว่าเคยถูกจับกุมมาก่อนหรือไม่ มิใช่ว่าเห็นไม่เกิน 5 เม็ด แล้วส่งบำบัดหมด แบบนั้นผิด ของแบบนี้ตรวจสอบดูได้ ใครผู้ค้า ใครผู้เสพ ผู้ค้าทำผิดมากกว่าอยู่แล้ว ส่วนที่เป็นห่วงว่าสถานที่บำบัดไม่เพียงพอ ก็อาจจะต้องไปรักษากันในค่ายทหาร ทุกอย่างมีทางออก

“ท่านนายกฯ กำชับให้ทางกระทรวงสาธารณสุข ไปเขียนมาให้ชัดเจน ข้อบังคับทั้งหลาย จะได้เลิกตีความกันผิดๆ และขอให้หน่วยงานต่างๆ ช่วยกัน ซึ่งเราทำมาโดยตลอด เรื่อง 5 เม็ด เราดูได้แบบไหนผู้ค้า แบบไหนผู้เสพ ผู้ค้าโทษหนักกว่า การบำบัดก็มองไปถึงเรื่องของค่ายทหาร ฝ่ายปกครอง ก็มองหาสถานที่ไว้แล้ว เราเคยตั้งโรงพยาบาลสนามกันมาแล้วในช่วงโควิด-19 เรื่องนี้แก้ไม่ยาก เรื่องการปราบปราม จับกุม คุมขัง ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง เราร่วมมือกันก็จับได้เยอะ แต่ก็ต้องช่วยกันระวัง”

...

เมื่อถามต่อว่า การปราบปรามยาเสพติดในรัฐบาลนี้จะประสบความสำเร็จเหมือนยุครัฐบาลไทยรักไทยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เอาอะไรเป็นตัววัด ความตั้งใจ ความชัดเจนที่ประกาศเป็นศัตรูกับยาเสพติด และผู้ค้ายาเสพติด มีความชัดเจน ไม่ได้แตกต่างจากในอดีต แต่การดำเนินการต้องยึดกฎหมายเป็นหลัก ทำตามใจชอบ ตามมิตรรักแฟนเพลงมากก็ไม่ได้ ทั้งที่อยากจะทำตามใจจะขาด แต่ว่ามันมีกฎหมาย และการตรวจสอบ เราทำเท่าที่กฎหมายอนุญาตให้เราทำ และตอนนี้ กระทรวงมหาดไทย หากพบว่าการขอไฟฟ้า น้ำประปาข้ามแดนไป แล้วพบว่าไปสนับสนุนการผลิต หรือการขนส่งยาเสพติด เราจะตัดไฟตัดน้ำทันที ฝั่งนู้นใครจะเดือดร้อนก็เป็นเรื่องของเขา ให้ไปจัดการกันเอง เราถือว่าเราไม่สนับสนุนในทุกกรณี

พร้อมกันนี้ นายอนุทิน ยังเปิดเผยด้วยว่า ได้รับทราบรายงานกรณีกำนัน ผู้ใหญ่บ้านจังหวัดปัตตานี ถูกยิงเสียชีวิตแล้ว เป็นเรื่องของการสร้างความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เราก็ต้องไปแก้ไข แต่ช่วงนี้จะมีการขอกำลังฝ่ายทหารมาช่วยฝึกอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) ซึ่งได้แจ้งไปยังสมาชิก อส.ทุกคน เพื่อให้เพิ่มความระมัดระวัง เนื่องจากถือว่าเป็นช่วงวิกฤติ ถูกลอบทำร้าย จึงต้องให้เพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ