“สว.สมชาย” ตั้งข้อสังเกตปมข้าว 10 ปีจากโครงการจำนำข้าว หลังเตรียมเปิดประมูล อ้างเป็นข้าวดี กินได้ ชี้ เสี่ยงอันตรายและต้องเร่งตรวจสอบ แนะจับตาอาจมีการสร้างพยานหลักฐานใหม่หวังฟื้นคดี ทั้งที่มีคำพิพากษาเด็ดขาดไปแล้วถึง 2 ชั้นศาลฎีกา

วันที่ 8 พฤษภาคม 2567 นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก อ้างอิงข้อมูลส่วนหนึ่งจาก รศ.พันทิพา พงษ์เพียจันทร์ อาจารย์คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมเรื่องการจะนำข้าว 10 ปี ที่ค้างในโกดัง เตรียมออกมาประมูลขายเป็นข้าวดีกินได้ ว่า เป็นเรื่องที่เสี่ยงอันตรายและต้องเร่งตรวจสอบหลายกรณี โดยระบุเป็น 6 ข้อ ดังนี้ 

1. ข้าวเก่าค้างจำนำในโกดังนาน 10 ปี รมยาฆ่าแมลง (Fumigation) ทุก 1-2 เดือน ตลอด 10 ปี ไม่น้อยกว่า 60-120 ครั้ง น่าจะมีแต่สารพิษตกค้าง ล้างไม่ออก และน่าจะไม่มีสารอาหารหลงเหลือ รวมถึงน่าจะมีอะฟลาทอกซิน (aflatoxin) สารพิษและสารก่อมะเร็งที่เกิดจากรา ที่เกิดจากการเก็บข้าวที่ไม่เหมาะสม

2. นักวิชาการและหน่วยงานที่มีหน้าที่ ต้องเร่งตรวจสอบ DNA ข้าว 10 ปีจริงหรือไม่ และตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ให้ชัดถึงคุณภาพมาตรฐานและสารตกค้าง

...

3. ยุติการประมูลขายเป็นอาหารคนและสัตว์ เพราะเสี่ยงสารสะสมในข้าวก่อมะเร็ง และอย่าส่งออกไปขายแอฟริกา เพราะจะเป็นทำลายภาพลักษณ์และมาตรฐานการค้าข้าวไทยในตลาดโลก ซึ่งจะยิ่งสร้างเสียหายตามมามากมาย

4. ตรวจสอบขบวนการทุจริตจากการประมูลข้าวทั้ง 2 โกดัง ว่า เมื่อมีการประมูลข้าวไปแล้วอย่างน้อย 2-3 ครั้ง (ปี 2557, ปี 2558, ปี 2563) ใครเป็นผู้ประมูล เป็นเจ้าของโกดังที่รับฝากข้าวเองใช่หรือไม่ เหตุใดไม่รับมอบข้าวหรือมีการหมุนเวียนข้าวในโกดัง เรื่องนี้ตรวจพิสูจน์ DNA และตรวจอายุข้าวได้ อีกประเด็นคือ ทำไมองค์การคลังสินค้า (อคส.) จึงยังจ่ายค่าเช่ามาตลอด 10 ปี และไม่นำออกประมูลให้เสร็จสิ้นมาโดยตลอด มีการทุจริตกันหรือไม่อย่างไร ใครรู้เห็นร่วมขบวนการบ้าง

5. สมาคม และสภาวิชาชีพสื่อ ควรตรวจสอบจริยธรรมสื่อมวลชนที่ไปร่วมทำข่าว ที่แสดงให้ประชาชนและสังคมเชื่อถือให้การรับรองคุณภาพข้าวดังกล่าวว่ามีคุณภาพดี กินได้ ซึ่งน่าจะขัดต่อจรรยาบรรณวิชาชีพสื่อมวลชน

6. หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ทั้งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อัยการ ศาลยุติธรรม ควรจับตาเฝ้าติดตามตรวจสอบเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ด้วยเหตุที่มีการข่าวว่า ทีมกฎหมายของการเมืองในขบวนการทุจริตจำนำข้าว จะบิดเบือนสร้างพยานหลักฐานใหม่ เพื่อขอรื้อฟื้นคดีหรือไม่ หรือเพื่อดิสเครดิตกระบวนการยุติธรรมไทย ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีคำพิพากษาเด็ดขาดไปแล้ว ถึง 2 ชั้นศาลฎีกา.