“พร้อมพงศ์” ซัด “ราเมศ” ตลาดล่าง ด้อยค่าข้าว 10 ปี “ราเมศ” สวนกลับ ขายข้าวได้ 400 ล้าน เทียบกับกี่แสนล้านทุจริตจำนำข้าวไม่ได้ ย้ำ รัฐบาลอย่าทำตัวน้ำเน่าล้นแก้ว

วันที่ 7 พ.ค. 2567 นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ที่ปรึกษา (ฝ่ายการเมือง) ของรองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) กล่าวถึงกรณี นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แนะ “ภูมิธรรม” การันตีคุณภาพข้าวค้างโกดัง 10 ปี หุงให้ ครม.บริโภค เรื่องดังกล่าว ตนก็อยากสอบถาม นายราเมศเหมือนกันว่า เป็นอะไรมากหรือเปล่า ท่วงทำนองกับสิ่งที่ นายราเมศสื่อสารออกมา ตนไม่อยากจะเชื่อว่า นี่คือคนที่ได้ชื่อว่า เป็นโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคเก่าแก่ ดูเหมือน นายราเมศ จะเสียใจมาก ที่ท่านรองนายกฯ ภูมิธรรม พาสื่อมวลชนและผู้ส่งออกลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ตรวจสอบข้าวจากโครงการจำนำข้าว เพื่อบรรเทาความเสียหายและสามารถนำเงินกลับเข้าประเทศได้ อย่างน้อยถ้าประมูลได้ราคามาตรฐาน 17-18 บาท ก็จะมีรายได้เข้ามาถึง 200-400 ล้านบาท สิ่งที่ท่านรองนายกฯ ภูมิธรรม ทำเป็นเรื่องดี ใครๆ เขาก็เห็นด้วย แต่นายราเมศกลับออกมาท้าทาย ออกมาเล่นการเมือง ให้ทำอย่างนั้นทำอย่างนี้ สิ่งที่นายราเมศพูดและสื่อสารออกมาเหมือนจะรู้ทุกเรื่อง เห็นทุกอย่าง

นายราเมศ ไปลงพื้นที่กับเขาด้วยหรือเปล่า หรือว่ามีผีสางนางไม้ที่ไหนมากกระซิบข้างหู แล้วนายราเมศควรเลิกได้แล้วกับเรื่องคนฝากถาม ใครฝากถามก็บอกชื่อมาเลย อย่ามาอ้างมั่วๆ เห็นใช้มาหลายครั้งแล้ว คราวนี้ก็ยังฝากถามอีก ทั้งเรื่อง ช้อนซื้อที่ไหน ตักติดแต่กับไม่ค่อยติดข้าว พูดไปไกลถึงเรื่องลบล้างเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาในคดีทุจริตรับจำนำข้าว ไม่เคยตกเลยจริงๆ เรื่องใช้จินตนาการมากกว่าสมอง ถนัดเหลือเกินกับการเล่นการเมืองแบบไม่สนความเสียหาย

...

นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า ตนเองก็เพิ่งรู้ว่านายราเมศ ที่เป็นโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้เก่งเฉพาะเรื่องการใช้จินตนาการ แต่เก่งเรื่องโภชนาการด้วย ทำเป็นมาแนะนำแม่บ้าน ที่หุงข้าวไม่อยากให้ซาวน้ำหลายครั้งอาจจะทำให้สูญเสียสารอาหารและกลิ่นหอมในข้าว อยากฝากถึงพี่น้องประชาชนที่ได้อ่านหรือรับข่าวสารกับสิ่งที่นายราเมศ  สื่อสารออกไป ว่าท่านคิดเห็นเป็นอย่างไรกับเรื่องเหล่านี้ การด้อยค่าข้าวในโกดังมีแต่จะสร้างผลเสีย สร้างความเสียหาย ตนเข้าใจว่านายราเมศเป็นโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ต้องทำงานในฐานะฝ่ายค้าน แต่สิ่งที่นายราเมศ สื่อสารออกมา คำพูดคำจาที่ใช้ ตนอ่านกี่รอบก็เหมือนมาจากตลาดล่างยังไงไม่มีผิด

ขณะ นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณีที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ที่ปรึกษาของรองนายกฯ กล่าวถึงกรณีคำให้สัมภาษณ์ของตน ข้าว 10 ปี กินได้หรือไม่ว่า ตนคิดว่า นายพร้อมพงศ์ คงไม่ได้อ่านคำให้สัมภาษณ์ของตนที่บอกไว้ชัดว่า ไม่มีใครขัดข้องถ้าข้าวที่เก็บไว้ในโกดังยังมีคุณภาพดี สามารถบริโภคได้ หุงได้ กินได้ จึงแนะนำให้หุงให้ ครม.กินตอนประชุม ครม.ทุกวันอังคารก่อน และบอกหลักการว่า ควรให้หน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องมาร่วมตรวจสอบเพื่อความชัดเจน กินโชว์ไม่ใช่เครื่องตรวจคุณภาพ ฟังไม่ได้ศัพท์แต่จับไปกระเดียด ตนเป็นโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ตรวจสอบท้วงติงตามหน้าที่เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน ถ้าจะบอกว่าเป็นโฆษกตลาดล่างก็ถูกต้องแล้ว ตลาดล่างชาวบ้านธรรมดา เขาผิดตรงไหน สื่อสารให้ชาวบ้านฟัง ไม่ดีตรงไหนถึงด้อยค่า นักการเมืองพรรคการเมืองที่แบ่งชนชั้นแบบนี้ จบไม่ดีสักราย แต่ก็ยังดีที่เป็นโฆษกตลาดล่างดีกว่าเป็นโฆษกลิเกหลงโรง ส่วนกรณีถ้าขายข้าวได้ทุกคนก็ดีใจด้วยอยู่แล้ว ขอให้ขายได้จริงๆ แต่ 200 ล้าน หรือ 400 ล้าน ก็เทียบกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ได้ที่ก่อให้เกิดความเสียหายเป็นกี่แสนล้าน จากการทุจริตในโครงการรังจำนำข้าว

นายราเมศ กล่าวต่อว่า ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วต่อจากนี้ก็ต้องมาตรวจดูข้อมูลว่า โกดังที่เก็บข้าวจำนำ เป็นโกดังของใคร และได้ค่าเช่าจากการเช่าโกดัง 10 ปี เป็นจำนวนเงินเท่าใด กระทรวงใดหน่วยงานใดเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย

การเก็บเป็นเวลากว่า 10 ปีต้องฉีดยาทุก 3 เดือนใช่หรือไม่ รัฐนำเงินภาษีของประชาชนมาใช้ในส่วนนี้ถามว่าต้องนำเงินภาษีมารับผิดชอบโครงการจำนำข้าวเป็นจำนวนเท่าไร ถ้านายพร้อมพงศ์ตอบได้ก็ช่วยออกมาตอบเพราะประชาชนผู้เสียภาษีอยากรู้ข้อมูลที่แท้จริง

นายราเมศ กล่าวตอนท้ายว่า ข้อท้วงติงรับไปตรึกตรองดูอย่าทำตัวเป็นรัฐบาลน้ำเต็มแก้ว ถ้าน้ำในแก้วเป็นน้ำเน่าก็เททิ้งเอาน้ำดีใส่ไปบ้างและถ้าออกมาโต้ในทางการเมืองรับประกันได้ว่าเข้าเนื้อแน่นอน ก่อนที่จะกลิ้งนะนิ่งๆ ไว้ก่อนจะดีกว่า