นายกรัฐมนตรี เดินทางต่อจากมหาสารคาม มาร้อยเอ็ด ติดตามการบริหารจัดการน้ำ-พัฒนาข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ยกระดับรายได้เกษตรกร ขยายตลาดสู่ทั่วโลก ก่อนสักการะพระบรมธาตุวัดกลางอุดมเวทย์ สส.เพื่อไทย ประชาชนแห่ต้อนรับ

เมื่อเวลา 14.10 น. วันที่ 5 พฤษภาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการน้ำ และแผนพัฒนาทุ่งกุลาร้องไห้ ที่วัดกู่พระโกนา ต.สระคู อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด พร้อมรับฟังปัญหาประชาชนเรื่องแหล่งน้ำ และการพัฒนาโรงพยาบาลสุวรรณภูมิ โดยมี นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ สส.พรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย นายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด เขต 2, นายนรากร นาเมืองรักษ์ สส.ร้อยเอ็ด เขต 4, น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ สส.ร้อยเอ็ด เขต 5, นายกิตติ สมทรัพย์ สส.ร้อยเอ็ด เขต 6, น.ส.ชญาภา สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด เขต 8 และนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ เขต 5 ร่วมต้อนรับ 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลงพื้นที่ของตนล่าสุด คือดูเรื่อง 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว วันนี้ดีใจที่ได้กลับมา จ.ร้อยเอ็ด อีกครั้ง โดยมาดูใน 2 เรื่องใหญ่ที่เป็นเรื่องหลัก คือ การบริหารจัดการน้ำ ซึ่งเป็นที่ทราบว่าเราอยู่ในหน้าร้อน จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นของประชาชนทุกคน ถ้าน้ำไม่มีก็ไม่สามารถเพาะปลูกได้ จึงมาดูแลเรื่องของน้ำและได้สั่งการให้กรมชลประทาน พิจารณาโครงการที่เสนอมา ตามความเหมาะสมในการพัฒนาระบบชลประทานทั้งระบบใน จ.ร้อยเอ็ด และดูผลกระทบกับประชาชน และให้ประชาชนมีส่วนร่วม รวมถึงการบริหารจัดการน้ำระยะยาวในโครงการที่อยู่นอกแผนของกรมชลประทานให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนในการอุปโภคบริโภค และใช้ทำมาหากิน

...

สำหรับการพัฒนาที่ดินทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ของภาคอีสานครอบคลุม 5 จังหวัด มีศักยภาพในการพัฒนาข้าวหอมมะลิ ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศไทยที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก จึงเป็นข้าวที่พัฒนาอย่างมีคุณภาพและได้รับการยอมรับจากทั่วโลก จึงสั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดูแลเกษตรกรและพัฒนาการส่งเสริมปลูกข้าวหอมมะลิในพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้น เพิ่มผลผลิต เพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร นอกจากนั้น การจัดการที่ดินและน้ำให้พัฒนาอย่างเหมาะสมสำหรับการเพาะปลูก และจัดหาแหล่งน้ำให้เพียงพอต่อการเกษตร เพื่อให้เกษตรกรมีประสิทธิภาพในการรักษาคุณภาพผลผลิตตลอดปี รวมทั้งจัดหาเมล็ดพันธุ์ และใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมในการพัฒนาเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิ เพิ่มผลผลิตและคุณภาพของข้าว เพิ่มรายได้ให้กับประชาชน 

นอกจากนี้ ในเรื่องการตลาดและการขาย ให้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำแผนการตลาดและส่งเสริมการขายไปทั่วตลาดโลก เป็นการขยายโอกาสทางการตลาด รวมทั้งส่งเสริมการแปรรูปผลิตสินค้าให้มีราคาสูง เพิ่มมูลค่าให้กับเกษตรกร สร้างแหล่งรายได้เสริมให้กับเกษตรกร

จากนั้นผู้แทนโรงพยาบาลสุวรรณภูมิ ได้ขอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาช่วยเหลือ ใน 3 ประเด็นคือ 

1. โรงพยาบาลสุวรรณภูมิ เป็นที่ฟื้นฟูผู้ป่วยจิตเวชและผู้ป่วยยาเสพติดระยะยาว เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมผู้ป่วยก่อนที่จะส่งคืนสู่ชุมชน จึงต้องการพื้นที่ในเขตของตำรวจ จำนวน 18 ไร่ ที่ไม่ได้มีการใช้งานมากว่า 20 ปี ซึ่งได้มีการดำเนินการไปบางส่วนแล้วแต่ไม่มีความคืบหน้า 

2. เดือนกรกฎาคม 2567 จะมีจักษุแพทย์มาที่โรงพยาบาลสุวรรณภูมิ แต่ยังขาดแคลนเรื่องงบประมาณในการจัดซื้อคุรุภัณฑ์ทั้งหมด 4 รายการ

3. โรงพยาบาลสุวรรณภูมิ เป็นโรงพยาบาลขนาด 120 เตียง แต่เป็นโรงพยาบาลแม่ข่ายที่จะรับผู้ป่วยมาจากโรงพยาบาลอีก 3 โรงพยาบาล ทำให้มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 200 เตียง และพบปัญหาเรื่องของการบำบัดน้ำเสีย จึงอยากจะขอฝากเรื่องการสร้างโรงบำบัดน้ำเสียภายในโรงพยาบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนเดินทางไปภารกิจจุดต่อไป นายกรัฐมนตรีได้แวะทักทาย ถ่ายรูปกับประชาชน และผู้แทนส่วนราชการต่างๆ ที่มอบผลิตภัณฑ์จากทุ่งกุลาร้องไห้ ให้เป็นที่ระลึกด้วย

ต่อมาเวลา 16.05 น. นายเศรษฐา เดินทางไปสักการะพระบรมธาตุวัดกลางอุดมเวทย์ ต.พนมไพร อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด เพื่อความเป็นสิริมงคลในโอกาสตรวจราชการ จ.ร้อยเอ็ด โดย นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์พระบรมธาตุ และเข้ากราบนมัสการ พระครู อดุลจันทคุณ (หลวงพ่อประดิษฐ์ จนฺทโร) เจ้าอาวาสวัดกลางอุดมเวทย์ โดยนายกรัฐมนตรีได้รับกรอบรูปพระมหาธาตุวัดกลางอุดมเวทย์ จากเจ้าอาวาส หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวทักทายประชาชนและพบปะเจ้าหน้าที่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) อย่างเป็นกันเอง ก่อนเดินทางไปยังโรงเรียนพนมไพรวิทยาคาร เพื่อรับฟังปัญหาและพบปะพี่น้องประชาชน 

สำหรับวัดกลางอุดมเวทย์ เป็นวัดที่มีประวัติความเป็นมาเก่าแก่ มีปูชนียสถาน ปูชนียวัตถุ ตลอดจนโบราณวัตถุอยู่ในวัดมากมาย ที่สำคัญเป็นที่เคารพนับถือกันมาแต่โบราณกาล คือองค์พระมหาธาตุซึ่งเป็นเจดีย์ที่มีอายุราว 1,500 ปี ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาว อ.พนมไพร และเป็นที่รู้จักในท้องถิ่นใกล้เคียง ที่คนทั่วไปรู้จักและให้ความเคารพนับถือตามตำนานเล่าต่อกันมาว่า เป็นเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า