“เซีย” หวัง รมว.แรงงาน ชัดเจนขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำในวันแรงงาน หยุดให้ความหวังลมๆ แล้งๆ ย้อนคำนายกฯ เคยพูด ขึ้นเท่านี้ไม่พอซื้อไข่ไก่ ขณะ 1 พ.ค. พรรคก้าวไกล ร่วมเดินขบวนรณรงค์เน้นกฎหมาย 2 ฉบับ

วันที่ 30 เมษายน 2567 นายเซีย จำปาทอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงความชัดเจนของรัฐบาลต่อการขับเคลื่อนนโยบายแรงงาน ก่อนถึงวันแรงงานสากล ในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ ว่า นายกรัฐมนตรีเคยแถลงว่าจะมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำโดยเร็วที่สุด และในปีนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ก็รับลูกว่าจะพิจารณาปรับค่าแรงเป็น 400 บาทต่อวัน ตนในฐานะ สส.กลุ่มผู้ใช้แรงงาน ก็มีความหวังอย่างมากว่าจะมีการปรับตามที่นายกรัฐมนตรีแถลงไว้ 

นายเซีย ระบุต่อไปว่า แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้าม รมว.แรงงาน พูดในหลายเวที และให้ความหวังว่าจะปรับขึ้นค่าแรงในวันที่ 1 มกราคม 2567 แต่เมื่อเสนอเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายกรัฐมนตรีกลับให้มาทบทวนใหม่ และมีข่าวออกมาว่า คณะกรรมการไตรภาคียืนยันว่าจะปรับขึ้นค่าแรง 2-16 บาท นายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้โต้แย้งอะไร ทั้งที่ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีเคยให้สัมภาษณ์ว่า ขึ้นเพียงเท่านี้ไม่พอซื้อไข่ไก่ด้วยซ้ำ

จากนั้นก็มีกระแสข่าวอีกครั้ง โดยปรับขึ้น 400 บาท ใน 10 จังหวัด เงื่อนไขคือปรับขึ้นในโรงแรมระดับ 4 ดาว และมีลูกจ้างตั้งแต่ 50 คนขึ้นไปใน 10 จังหวัดนั้น ก็มีเพียง จ.ภูเก็ต ที่ปรับขึ้นเต็มทุกพื้นที่ ขณะที่กรุงเทพฯ ปรับขึ้นเพียง 3 เขต หรือ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นจังหวัดท่องเที่ยว ก็ปรับขึ้นเฉพาะเกาะสมุยเท่านั้น การปรับขึ้นเป็นจุดๆ แบบนี้ทำให้การตรวจสอบทำได้ยากกว่าการปรับขึ้นทั้งจังหวัด

“ต้องการเห็นความชัดเจนของรัฐบาลและกระทรวงแรงงาน ว่าจะมีมาตรการหรือวิธีการอย่างไรในการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ ตามที่พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหาเสียงไว้ที่ 600 บาทต่อวัน ภายในปี 2570 โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ รมว.แรงงาน กล่าวว่า จะพิจารณาปรับค่าแรงในวันที่ 1 พฤษภาคม ก็รอดูและหวังว่าจะไม่ใช่การให้ความหวังลมๆ แล้งๆ แบบที่ผ่านมาอีก และสงสัยว่าหากทำได้รัฐบาลจะอ้างเป็นผลงานของตน แต่หากทำไม่ได้จะโยนบาปให้คณะกรรมการไตรภาคีอีกหรือไม่”

...

ขณะเดียวกัน นายเซีย ยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ผลกระทบจากความไม่ชัดเจน ไม่แน่นอน ทำให้สถานประกอบการหลายแห่งเกิดความกังวล ตนได้พูดคุยกับแรงงานในนิคมอุตสาหกรรมในสมุทรปราการบางแห่ง ทราบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ไม่เปิดให้ทำโอที เนื่องจากความไม่แน่นอนในการปรับขึ้นค่าแรง ดังนั้น รัฐบาลควรชัดเจนเสียที ทั้งการขึ้นค่าแรง และการช่วยเหลือผู้ประกอบการโดยเฉพาะกลุ่ม SME  ซึ่งที่ผ่านมาตนและพรรคก้าวไกลเสนอมาตลอดว่าการขึ้นค่าแรงต้องมาพร้อมมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ  

นอกจากนี้ รัฐบาลและกระทรวงแรงงานต้องทำงานเชิงรุก โดยเฉพาะประเด็นคุณภาพชีวิตพี่น้องแรงงานในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มีการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมในบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่ง ซึ่งรับงานประมูลจากรัฐ เช่น อิตาเลียนไทย ปัจจุบันยังค้างจ่ายค่าจ้างแรงงาน รวมถึงเรื่องขยะอุตสาหกรรม เช่น กรณีกากแคดเมียม ไฟไหม้โรงงานวินโพรเสส ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของคุณภาพชีวิตพี่น้องแรงงานที่รัฐบาลต้องดำเนินการโดยด่วน

ในช่วงท้าย นายเซีย ยังได้กล่าวเชิญชวนประชาชนร่วมทำกิจกรรมวันแรงงานสากลในวันพรุ่งนี้ (1 พฤษภาคม) หัวหน้าพรรคก้าวไกลและ สส.จะร่วมเดินขบวนรณรงค์ เน้นที่กฎหมาย 2 ฉบับของพรรค คือ ร่างกฎหมายลาคลอด 180 วัน ที่อยู่ในชั้นกรรมาธิการ และร่างกฎหมายสหภาพแรงงาน ที่คาดว่าสภาผู้แทนราาฎรจะเปิดรับฟังความคิดเห็นเร็วๆ นี้ 

“พรรคก้าวไกล เชื่อว่าหากกฎหมายเหล่านี้มีผลบังคับใช้ จะส่งผลดีต่อประชาชนอย่างมาก ทำให้ประเทศไทยอยู่ภายใต้อนุสัญญา ILO แรงงานมีสิทธิรวมตัวและเจรจาต่อรอง จึงฝากไปถึงพรรครัฐบาลที่เคยให้คำมั่นสัญญาในช่วงหาเสียงว่าจะส่งเสริมสิทธิของพี่น้องแรงงาน วันนี้เป็นรัฐบาลแล้ว ขอให้ร่วมผลักดันเรื่องดังกล่าวให้เกิดขึ้นจริง”.