ตัวแทนภาคีชาวไร่ยาสูบจาก 15 จังหวัดทั่วประเทศ เรียกร้องรัฐบาล เร่งปราบจริงจังพวกลักลอบนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่เถื่อน พร้อมควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าให้ถูกกฎหมาย หลังกระทบอาชีพเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบ 

วันที่ 24 เมษายน 2567 นายกิตติทัศน์ ผาทอง แกนนำชาวไร่ยาสูบจากจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดบุหรี่ไฟฟ้าเถื่อนในประเทศไทยมีมูลค่ามหาศาล มีผู้ใช้ไม่ต่ำกว่า 1-2 ล้านคน ส่งผลกระทบต่อยอดขายบุหรี่โดยตรง ทำให้ความต้องการใช้ใบยาลดลง และยังส่งผลต่อรายได้ของเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบ รัฐบาลจำเป็นต้องดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อปราบปรามการค้าบุหรี่ไฟฟ้าเถื่อนเหล่านี้

ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบกับหลายปีก่อนๆ ปริมาณยอดขายบุหรี่ถูกกฎหมายลดฮวบ เพราะปัญหาบุหรี่เถื่อนราคาถูกทะลักเข้ามาตีตลาด และบุหรี่ไฟฟ้าลักลอบซึ่งกำลังได้รับความนิยมสูง จนพี่น้องเกษตรกรได้รับผลกระทบ มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างยากลำบากเพราะรายได้ที่ลดลง หนี้สินไม่ลดตาม ขณะที่การยาสูบแห่งประเทศไทยหรือรัฐบาลก็ยังไม่สามารถช่วยเหลือเรื่องต้นทุนปัจจัยการผลิตได้เต็มที่เพราะกำไรของ การยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ที่ลดลงอย่างมากจากการทะลักของบุหรี่เถื่อนและบุหรี่ไฟฟ้าและระบบภาษีที่ต้องแข่งขันกันขายที่ราคาถูก

นายกิตติทัศน์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลควรมีมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นในการปราบปรามการลักลอบนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่า การปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าทั้งหมดอาจเป็นไปได้ยาก เนื่องจากเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก หากการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าทั้งหมดเป็นไปไม่ได้ อาจจะถึงเวลาที่รัฐบาลควรพิจารณาปรับกฎหมายเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อหาวิธีสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบในประเทศ 

นายกิตติทัศน์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันมี 2 แนวทางที่อาจจะสามารถเยียวยาปัญหานี้ได้นอกเหนือจากการไล่จับร้านค้าบุหรี่ไฟฟ้าเถื่อน คือ ให้เก็บภาษีจากการขายบุหรี่ไฟฟ้าแบบถูกกฎหมายเพื่อนำมาสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบสนับสนุนปัจจัยการผลิต และอนุญาตให้การยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ผลิตและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าแบบที่ยังคงใช้ใบยาสูบเพราะไม่มีปัญหาเรื่องการใช้ของกลุ่มเด็กและเยาวชน และยังคงใช้ใบยาสูบเหมือนเดิม จึงสามารถนำมาควบคุมให้ถูกกฎหมายได้ภายใต้กฎหมายภาษีสรรพสามิต

...

“บุหรี่ไฟฟ้าแบบที่ใช้ใบยาสูบหรือเรียกอีกอย่างว่ายาสูบแบบใช้ความร้อน เป็นที่ยอมรับในกว่า 80 ประเทศทั่วโลก เทคโนโลยีนี้ยังคงใช้ใบยาสูบ ซึ่งอาจเป็นทางออกที่ช่วยสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบในประเทศได้ จึงขอให้นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลเพื่อไทย กระทรวงการคลัง กรมสรรพสามิต รวมทั้งคณะกรรมาธิการต่างๆ ในสภา ได้พิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบด้าน เกษตรกรผู้ปลูกยาสูบพร้อมที่จะร่วมมือกับรัฐบาลในการหาวิธีแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน ซึ่งเราต้องการเพียงโอกาสที่จะประกอบอาชีพและเลี้ยงครอบครัวได้สอดคล้องกับนโยบายเพิ่มรายได้ ลดหนี้ สร้างโอกาสให้กับเกษตรกร”