“แพทองธาร” นำแถลงก้าวสำคัญ เดินหน้า “1 ครอบครัว 1 Soft Power” เปิดโอกาสทุกคนสมัครพัฒนาศักยภาพ เรียนรู้ฟรี มุ่งสร้างรายได้ปีละ 200,000 บาทต่อคน/ปี
วันที่ 19 เมษายน 2567 ที่ห้องวิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ มีการประชุมคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 4 ประจำปี 2567 โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เป็นประธานการประชุม นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ที่ปรึกษาและกรรมการคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ รวมถึงคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ด้านต่างๆ คณะอนุกรรมการฯ ทั้ง 11 สาขา ร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
สำหรับวาระการประชุมที่น่าสนใจวันนี้ คือการเปิดเผยก้าวสำคัญของการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ และพัฒนาศักยภาพคนไทย ผ่านโครงการ OFOS หรือ One Family One Soft Power (1 ครอบครัว 1 Soft Power) เพื่อส่งเสริมผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ไทยไปทั่วโลกโดยเริ่มต้นจากการพัฒนาคน โดยจะเฟ้นหาศักยภาพของคนไทยทุกครอบครัว อย่างน้อยครอบครัวละ 1 คน เพื่อนำมาส่งเสริมบ่มเพาะศักยภาพ ผ่านศูนย์บ่มเพาะทักษะสร้างสรรค์ ที่จะมีในทุกระดับตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน ไปจนถึงระดับประเทศ เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้ามาเรียนรู้เพื่อเพิ่มทักษะสร้างสรรค์ของตัวเองในทุกด้าน ไม่ว่าทักษะด้านการทำอาหาร ร้องเพลง ออกแบบ ศิลปะ กีฬา และอื่นๆ ทั้งหมดนี้จะไม่เสียค่าใช้จ่ายแม้แต่บาทเดียว สามารถเรียนรู้ได้ทั้งทางออนไซต์และออนไลน์ ไม่จำกัดว่าเป็นใคร จบการศึกษาอะไรมาก่อนหน้า ขอเพียงแค่มีความสนใจ และมีความสามารถในด้านนั้นๆ ก็สมัครได้ เพื่อเป้าหมายภายใน 4 ปีข้างหน้า สร้างแรงงานทักษะสูง 20 ล้านคน ซึ่งนั่นคือการสร้างงานถึง 20 ล้านตำแหน่ง ที่มีรายได้อย่างน้อย 200,000 บาทต่อปีในอนาคต
...
จากนั้นเวลาประมาณ 15.00 น. น.ส.แพทองธาร แถลงข่าวว่า จากการทำงานมามากกว่า 6 เดือนของคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ วันนี้มีความยินดีอย่างยิ่งที่จะมาแถลงความคืบหน้าของการทำงาน ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่จะยกระดับชีวิตของพี่น้องประชาชน คณะกรรมการฯ มียุทธศาสตร์ 3 ข้อ ในการสร้าง Soft Power การพัฒนาอุตสาหกรรม มีคณะอนุกรรมการทั้ง 11 คณะที่เป็นภาคเอกชนมาพัฒนาอุตสาหกรรมทั้งออกแบบนโยบาย และแก้ไขกฎหมาย โดยกำลังตั้งหน่วยงานที่ชื่อ THACCA หรือ Thailand Creative Culture Agency ผ่านพระราชบัญญัติ ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนรับฟังสาธารณะ โดยตั้งเป้าหมายว่าจะเข้าสภาผู้แทนราษฎรในช่วงมิถุนายนนี้
น.ส.แพทองธาร ยังกล่าวอีกว่า สำหรับ 3 ยุทธศาสตร์ ในการสร้าง Soft Power ประด้วย นโยบายต่างประเทศเพื่อสร้าง Soft Power โดยตนมีโอกาสไปพบกับหน่วยงานรัฐบาลและเอกชนของต่างประเทศจากทั่วทุกมุมโลก จากทุกมหาอำนาจ เพื่อหาความร่วมมือ รวมถึงยังได้ทำงานร่วมกับกระทรวงต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์ ในการส่งออกเพื่อสร้าง Soft Power และส่วนที่ 3 คือสิ่งที่อยากมารายงานความคืบหน้าของการทำงานในวันนี้ คือการพัฒนาศักยภาพพี่น้องคนไทย OFOS นโยบาย 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ หรือหนึ่งศักยภาพซอฟต์พาวเวอร์
ทั้งนี้ ตั้งแต่การเตรียมนโยบายก่อนการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยมองว่าอุตสาหกรรมสร้างซอฟต์พาวเวอร์จะเป็นโอกาสสำคัญที่จะยกระดับรายได้ ผลักดันให้ประเทศไทย เปลี่ยนจากประเทศรายได้ปานกลางสู่ประเทศรายได้สูง อาชีพที่สร้างซอฟต์พาวเวอร์ ไม่ว่าจะเป็น เชฟอาหารไทย นักมวยไทย ครูมวยไทย นักตัดเย็บ และอีกหลายอาชีพ จะสามารถยกระดับรายได้ของพี่น้องประชาชนให้มีรายได้ไม่น้อยกว่า 200,000 บาทต่อปี นี่คือเป้าหมายของเรา จะมีการจัดอบรม UpSkill, ReSkill ให้พี่น้องประชาชนทุกคนที่อยากเรียนรู้ทักษะใหม่ พัฒนาศักยภาพให้ตัวเองเพิ่มเติม โดยทั้งหมดนี้จะเป็นการเรียนฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อไปว่า วันนี้มีความยินดีที่จะประกาศว่า การอบรม OFOS เราจะเริ่มลงทะเบียนพร้อมกันทุกหลักสูตรต้นเดือนมิถุนายนนี้ สามารถลงทะเบียนได้ทางออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชัน เว็บไซต์ และที่สำนักงานกองทุนหมู่บ้านที่มีอยู่ทุกหมูบ้านทั่วประเทศ สำหรับปี 2567 เราตั้งเป้าหมายที่จะอบรบออนไลน์รวมกว่า 266,400 คน และจะมีการอบรมออนไซต์ 30,000 คนโดยประมาณ เช่น อุตสาหกรรมอาหาร จะมีการอบรวมเชฟอาหารไทย 10,000 คน มวยไทย 6,000 คน เป็นต้น
“นี่คือเป้าหมายที่เราต้องการยกระดับชีวิตของคนไทย ใกล้ความเป็นจริงแล้ว พี่น้องหลายคนจะมีชีวิตใหม่ มีโอกาสใหม่ ผ่านการเรียนรู้ศักยภาพใหม่ๆ ด้วยการสนับสนุนจากรัฐบาลผ่านโครงการ 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์”
สำหรับวาระการประชุมที่น่าสนใจอื่นๆ ในวันนี้ คือแต่งตั้งคณะอนุกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ด้านต่างๆ เพิ่ม อาทิ แต่งตั้ง ปราบดา หยุ่น นักเขียนรางวัลซีไรต์, ปฐม อินทโรดม อนุกรรมการลิขสิทธิ์ กรมทรัพย์สินทางปัญญาฯ, วโรรส โรจนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บจก.เด็กดีอินเตอร์แอคทีฟ และ เจน จงสถิตย์วัฒนา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด เป็นคณะอนุกรรมการฯ ด้านหนังสือ (เพิ่มเติม) เป็นต้น.