ในที่สุด มหกรรมหยุดยาว “เย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์ ก็ผ่านพ้นไปด้วยความคึกคักเป็นประวัติการณ์ พี่น้องประชาชนต่างเดินทางกลับจากเที่ยวฉลองเทศกาลปีใหม่ไทยด้วยความอ่อนระโหยโรยแรง
เหลืออีก 12 วันจะสิ้นเดือน ถึงเวลาต้องกลับไปทำงานกันเสียที!!
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าช่วงประเพณีฉลองสงกรานต์ นักการเมืองแห่เดินสายไปเยี่ยมเยียนประชาชนกันเป็นระวิง
“นักการเมือง” ที่ขยันเดินสายพบพี่น้องประชาชนมากที่สุด
ไม่ใช่ “นายกฯเศรษฐา ทวีสิน” ที่ปักหลักอยู่หัวหิน
ไม่ใช่ อดีตนายกฯ “ทักษิณ” ที่ปักหลักอยู่เชียงใหม่
แต่ “แชมป์นักการเมืองที่สัมผัสประชาชนมากที่สุด” คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แห่งพรรคก้าวไกล
“นายพิธา” ลุยเดินสายรดน้ำดำหัวประชาชนหลายจังหวัดภาคเหนือและภาคอีสานอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู
ได้รับผ้าขาวม้าคาดพุงหอบกลับบ้านไปบานตะเกียง
“แม่ลูกจันทร์” เชื่อว่าเป้าหมายสำคัญที่ “นายพิธา” ต้องนำขบวน สส.พรรคก้าวไกลลงพื้นที่เดินสายพบประชาชนแบบถึงเนื้อถึงตัว
เพราะต้องการดึงคะแนนเสียงจาก “กลุ่มผู้สูงอายุ” ให้เปลี่ยนใจเลือกพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล
แม้ว่าวันนี้พรรคก้าวไกลกวาดคะแนนเสียงกลุ่มคนหนุ่มสาวได้แล้วเป็นกอบเป็นกำ
แต่จำเป็นอย่างยิ่งต้องพึ่งคะแนน เสียงจากคนเฒ่าคนแก่ที่ส่วนใหญ่ยังไม่เลือกพรรคก้าวไกล
ถ้าศึกเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้าพรรคก้าวไกลกวาดคะแนนเสียงผู้สูงอายุเพิ่มอีก 6 ล้านคน (จากประชากรสูงวัย 12 ล้านคน)
พรรคก้าวไกลจะพลิกขั้วเป็นรัฐบาลอย่างแน่นอน
คะแนนเสียงจากกลุ่มผู้สูงวัยคือบันไดขั้นสุดท้ายที่จะทำให้พรรคก้าวไกลก้าวถึงเส้นชัย!!
...
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่าทุกแห่งที่ นายพิธา ดั้นด้นไปพบพี่น้องประชาชนจะอ้อนว่าสงกรานต์ปีนี้อาจเป็นปีสุดท้ายที่ตัวเองจะได้เป็นผู้แทนราษฎร
และพรรคก้าวไกลอาจถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคภายใน 2 เดือน
แต่ไม่ว่าจะร้ายหรือดี “พิธา” สัญญาจะมุ่งมั่นทุ่มเทรับใช้พี่น้องประชาชนอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยเช่นนี้ตลอดไป
ใครฟังลูกอ้อน “พิธา” แล้วไม่สงสารก็ใจแข็งเต็มทน
แต่ที่เด็ดยิ่งกว่านั้น “นายพิธา” ยังย้ำคำมั่นสัญญาที่เคยหาเสียงว่า หากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลจะเพิ่มเบี้ยยังชีพคนชราเป็น 3,000 บาทต่อเดือน
นี่คือ “ลูกหยอด” จาก “พิธา” ที่โดนใจผู้สูงอายุเต็มเปา!!
“แม่ลูกจันทร์” เชื่อว่าถ้าพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาลจะต้องเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุเป็น 3,000 บาทต่อเดือนอย่างแน่นอน
ถ้าประเมินขั้นต่ำมีผู้สูงอายุขอรับเบี้ยคนชรา 10 ล้านคน
รัฐบาลจะต้องจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุสูงถึง 30,000 ล้านบาทต่อเดือน
หรือ 360,000 ล้านบาทต่อปี หรือ 720,000 ล้านบาทต่อ 2 ปี
หรือ 1.4 ล้านล้านบาทต่อ 4 ปี
สรุปว่านโยบายแจกเบี้ยยังชีพคนชราสามพันบาทของพรรคก้าวไกล ต้องใช้เม็ดเงินมากกว่านโยบายแจกเงินดิจิทัลหนึ่งหมื่นบาทของพรรคเพื่อไทยอีกนะโยม.
“แม่ลูกจันทร์”
คลิกอ่านคอลัมน์ “สำนักข่าวหัวเขียว” เพิ่มเติม