“ทักษิณ” ร่วมวงดินเนอร์ 13 รัฐมนตรีเพื่อไทย ท่ามกลางกระแสข่าวปรับ ครม. บอกไม่ใช่คนจุกจิก ให้นายกฯตัดสินใจใครจะอยู่ใครจะไป ตำแหน่ง “มีเกิด-ตั้งอยู่-ดับไป” ยันสุขภาพแข็งแรงขึ้นพร้อมไปชมคอนเสิร์ต แย้มข่าวดี “น้องปู” ได้กลับบ้านมาทำบุญสงกรานต์ปีหน้า เผยตั้งใจจะมาในปี 2567 นี้ แต่ยังอุบวิธีการ-กรอบเวลากลับไทย นายกฯควงภริยาเดินตลาดเช้าหัวหินฟุ้ง ศก.ปีหน้าดีขึ้นอีก บอกยินดีต้อนรับ “ยิ่งลักษณ์”-ผู้ต้องคดีการเมืองกลับสู่แผ่นดินไทย ไม่ตัดโอกาสลงพื้นที่ร่วม “นายใหญ่” เปรยหลังสงกรานต์คุยปรับ ครม. ย้ำถูกฝาถูกตัว-เสริมแกร่งสภา “เสริมศักดิ์” เปรยถนัดงาน มท. “ชลน่าน” หยอกไม่ต้องยิงก็ตายแล้ว “เกรียง” ปัดหลุดเก้าอี้ “สุทิน” แล้วแต่นายกฯ พ่อแก่แม่เฒ่าอุดรฯผูกแขนรับขวัญ “พิธา” ไม่ลืมสัญญาเบี้ยผู้สูงอายุ 3 พัน “ชัยธวัช” ยกทีมขึ้นเชียงรายพาทัวร์เขื่อนแม่สรวย

การเดินทางกลับบ้านเกิด จ.เชียงใหม่ เป็นครั้งที่สองเพื่อร่วมเทศกาลสงกรานต์ปีใหม่ไทย น่าจับตามองเมื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แย้มข่าวดีว่าปีหน้าจะได้มาทำบุญสงกรานต์กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ตั้งใจจะกลับไทยภายในปี 2567 แต่อุบไต๋ถึงวิธีการและกรอบเวลาที่จะเดินทางกลับมา

“ทักษิณ” จัดข้าวซอยเนื้อของโปรด

เมื่อเวลา 11.50 น. วันที่ 14 เม.ย.ที่ร้านข้าวซอยลำดวนฟ้าฮ่าม อ.เมืองเชียงใหม่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมากินมื้อเที่ยงร่วมกับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ “เจ๊แดง” น้องสาว โดยมีนายเอกธนัช อินทร์รอด น.ส.ชนก จันทาทอง สส.หนองคาย น.ส.ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ร่วมรับประทานอาหารด้วยทันทีที่นายทักษิณมาถึง ได้เดินทักทายสื่อมวลชน ที่มาติดตามทำข่าวพร้อมกล่าวว่า “เดี๋ยวขึ้นไปดอยสุเทพตั้งใจจะไปซื้อลอตเตอรี่ที่นั่น จากนั้นเข้าไปรับประทานข้าวซอยเนื้อ และอาหารดังของร้าน เปิดให้สื่อมวลชนถ่ายภาพ ก่อนจะบ่นติดตลกว่า “75 ปีแล้ว จะมาถ่ายอะไรเยอะแยะถ่ายคนแก่ เขาอยากดูภาพคนหนุ่มคนสาวมาถ่ายคนแก่”

...

ร่วมสาดน้ำกับวัยรุ่นหน้าห้างเมญ่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังรับประทานอาหารเสร็จนายทักษิณเดินทางต้อไปยังวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร ทำบุญและสรงน้ำพระเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ เพื่อความเป็นสิริมงคลต้อนรับเทศกาลปีใหม่ไทย ขณะที่ช่วงเย็นนายทักษิณจะเดินทางไปรับประทานอาหารเย็นที่ร้าน “เลอค๊อกดอร์” ซึ่งเป็นร้านอาหารฝรั่งเศสร่วมกับรัฐมนตรีและ สส.ของพรรคเพื่อไทย ไฮไลต์สำคัญของวันนี้หลังรับประทานอาหารเสร็จสิ้น นายทักษิณจะเดินทางไปที่หน้าศูนย์ การค้าเมญ่า จุดเล่นน้ำสงกรานต์ยอดฮิตของวัยรุ่นทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยนายทักษิณ เตรียมขึ้นเวทีใหญ่ด้วย

ทำบุญบูรณะพระธาตุดอยสุเทพ

ต่อมาเวลา 13.00 น. ที่วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร นายทักษิณได้แวะซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล จำนวน 140 ใบ โดยให้แม่ค้าสุ่มหยิบให้ก่อนจะขึ้นกระเช้าลอยฟ้ากราบพระธาตุและทำบุญสรงน้ำพระ เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ได้พบปะสนทนาธรรมกับพระธรรมเสนาบดี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอย สุเทพฯ โดยเจ้าอาวาสกล่าวกับนายทักษิณว่า “ขอให้ใจเย็นๆ นั่งพักผ่อนให้สบายๆ มาครั้งที่แล้วมีเวลาไม่นาน ครั้งนี้อยากให้นั่งพักนานๆ เงินที่เคยนำมาถวายคราวก่อนเอาไปทำบุญบูรณะบริเวณวัดแล้ว เพราะมีพายุเข้าหลังจากที่นายทักษิณกลับไป ถือว่าเงินทำบุญครั้งนั้นจะทำให้ครอบครัวของนายทักษิณมีความเจริญรุ่งเรือง” จากนั้นนายทักษิณถวายปัจจัยให้วัด และถวายปัจจัยบูรณะพระวิหารเพิ่มเติมเจ้า อาวาสได้ให้พรนายทักษิณ ทั้งนี้นายทักษิณได้ผูกผ้าสามสีไม้ง่ามค้ำต้นโพธิ์และตีฆ้องเอาฤกษ์เอาชัย มีประชาชนจำนวนมากมาขอถ่ายรูป ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติสอบถามคนข้างๆว่า “นายทักษิณคือใคร” หลังเห็นประชาชนยืนล้อมจำนวนมาก

ร่างกายแข็งแรงดูคอนเสิร์ตได้

นายทักษิณกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้มีพรรคพวกชวนไปดูคอนเสิร์ต ว่าจะไปดูชีวิตของคนเชียงใหม่กับนักท่องเที่ยวว่าเป็นอย่างไรมาเที่ยวสงกรานต์กันแล้วสนุกสนานแบบไหนจะได้เข้าใจเขามากขึ้น ห่างจากประเทศไทยไปนาน ขอไปทำความเข้าใจให้มากขึ้น ยืนยันว่าขณะนี้อาการป่วยดีขึ้นมาก ได้กลับมาอยู่บ้านภาวะจิตใจก็ดี ความพร้อมในการออกกำลังให้ร่างกายฟื้นตัวมีมากขึ้น อยู่ที่โรงพยาบาลไม่มีจิตใจจะทำอะไร เมื่อถามว่าภาพที่ออกมามักถูกวิพากษ์วิจารณ์ นายทักษิณกล่าวยืนยันว่าไม่เป็นไร ป่วยก็อยากจะหาย หวังว่าคนที่วิจารณ์ตนเวลาเจ็บป่วย เขาก็คงอยากหายเหมือนตน หายแล้วก็ควรจะดีใจอย่าไปซ้ำเติมเขา

แย้มข่าวดี “น้องปู” ได้กลับบ้าน

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้กลับมาเล่นสงกรานต์ที่เชียงใหม่ในรอบหลายปี นายทักษิณตอบว่า 18 ปีก็รู้สึก “ม่วนอ๊กม่วนใจ๋” จิตใจสบาย สงบ กลับมาแล้วก็อยากสงบอยากใช้ชีวิตเรียบง่าย การขอพรวันนี้เมื่อไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็สักการะด้วยความเคารพบูชา ไม่ค่อยเรียกร้องอะไร เมื่อเราเกิดมาพระเจ้าลิขิตไว้แล้วว่าจะมีอะไร เมื่อถามว่าวันนี้เป็นวันครอบครัว ได้กลับมาอยู่กับครอบครัวรู้สึกอย่างไร นายทักษิณตอบว่า อบอุ่น เจอคนไทย ประเพณีวัฒนธรรมไทย อาหารไทย พี่น้องเพื่อนฝูง สื่อมวลชนไทยก็มีความสุข ดีกว่าอยู่เมืองนอกเยอะ เมื่อถามว่ามาสงกรานต์ที่เชียงใหม่วันนี้ คิดถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ปกติเทศกาลสงกรานต์จะอยู่ด้วยกัน นายทักษิณตอบว่า “นายกฯปูอวยพรสงกรานต์ก่อนที่ผมจะเดินทางมาเชียงใหม่ ก็เลยบอกเดี๋ยวปีหน้าเรามาทำบุญด้วยกัน สงกรานต์ปีหน้านายกฯปูคงได้มีโอกาสมาทำบุญ” เมื่อถามย้ำว่าเป็นข่าวดีใช่หรือไม่ นายทักษิณตอบว่า ไม่ทราบ แต่ตอนที่ตนจะเดินทางกลับก็มีความมุ่งมั่นว่าอยากกลับบ้าน แต่ไม่รู้ว่ากลับอย่างไร เมื่อไหร่ “คิดตั้งแต่วันแรกที่ออกไปว่าต้องกลับให้ได้ ไม่รู้แต่จะอย่างไรก็ไม่รู้ เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ น.ส.ยิ่งลักษณ์อยากกลับอยู่แล้ว”

วิธีการยังไม่รู้แต่ตั้งใจมาในปีนี้

เมื่อถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์มีบ่นเหงาบ้างหรือไม่ นายทักษิณตอบว่า ก็มีบ้างแหละ แต่ต่างคนต่างมีภารกิจเกี่ยวกับบ้านเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ห่วงบ้านเมืองเช่นกัน ก็ช่วยกันคิดช่วยกันทำ โดยเฉพาะเวลาที่พวกเราเป็นรัฐบาลก็ให้ความเห็น ส่วนจะกลับมาช่องทางไหนยังไม่ทราบ เอาความตั้งใจก่อน ในส่วนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ค่อยซับซ้อนเหมือนตน ของตนเขายัดให้เยอะ ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์มีอันเดียว เมื่อถามย้ำว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะกลับมาภายในปีนี้หรือไม่ นายทักษิณตอบว่า ตั้งใจอย่างนั้น แต่ยังไม่รู้จะอย่างไร เดี๋ยวดูเหตุการณ์ก่อน เมื่อถามว่าจะเป็นเดือน ต.ค.2567 ใช่หรือไม่ นายทักษิณตอบว่า ไม่รู้แต่ตั้งใจ เมื่อถามย้ำว่าหากกลับมา 2 คนกังวลว่ามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์หรือไม่ นายทักษิณตอบว่า ทุกอย่างมีเหตุผล อยากวิจารณ์เขาก็วิจารณ์ไป แต่เราต้องมีเหตุผลของเรา ตอบสังคมส่วนใหญ่ได้ สังคมส่วนน้อยก็มีบ้างเป็นธรรมดาไม่มีใครพอใจ แม้กระทั่งบางคนอยู่บ้านเดียวกันพ่อแม่ลูก บางทีลูกทำอะไรพ่อแม่อาจไม่พอใจ เป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่มีข้อยุติร่วมกันทั้งหมด

กินข้าวกับรัฐมนตรีไม่มีนัยแฝง

นายทักษิณยังกล่าวถึงการรับประทานอาหารเย็นที่ร้านเลอค็อกดอร์ ที่จะมีรัฐมนตรีหลายคนมาร่วมวงด้วยว่า ไม่มีนัยทางการเมืองอะไร มันเป็นประเพณี โดยเฉพาะตนเป็นคนเชียงใหม่ ประเพณีสงกรานต์เขาก็มารดน้ำดำหัวเป็นเรื่องปกติ อายุ 75 ปีแล้ว พวกที่อยู่ทั้งหลายตอนนี้อายุน้อยกว่าทั้งนั้น ที่อายุเยอะกว่าเห็นจะมีแค่นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม ที่มองว่าหากใครไม่มาเช็กชื่อจะคงไม่ได้เป็นนั้นเป็นคนไม่จุกจิก และไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับนายกฯ นายกฯจะเป็นคนตัดสินใจเองว่าใครจะอยู่ใครจะไป เมื่อถามอีกว่าจะพูดอย่างไรให้รัฐมนตรีที่เข้าใจผิดว่าจะปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องมาวิ่งเข้าหา นายทักษิณตอบว่า Nothing is permanent ไม่มีอะไรเป็นสรณะ มีเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป มีตำแหน่งแล้วต้องหมดตำแหน่งเป็นเรื่องธรรมดาอย่าคิดอะไรมาก ระหว่างที่มีตำแหน่งอยู่ก็ทำให้ดีที่สุด สร้างชื่อเสียงให้บ้านเมืองไป เมื่อถามว่าถูกมองว่าเป็นศูนย์กลางอำนาจของรัฐบาลนี้ นายทักษิณตอบว่า เป็นศูนย์กลางของคนแก่ที่พวกรุ่นน้องๆอยากมาปรึกษาหารือ ตอนนี้อายุ 75 ปีแล้ว เผลอแป๊บเดียวกลายเป็นคนแก่สุดแล้ว ถือว่าวันนี้เริ่มเข้าวัยเบญจเพสอีก 25 ปีก็ครบ 100

รับจิบกาแฟ “เดชอิศม์” คุ้นเคยกัน

เมื่อถามถึงกระแสข่าวพรรคประชาธิปัตย์จะเข้าร่วมรัฐบาล มีการโยงชื่อนายทักษิณว่าเป็นผู้ดีลนี้ นายทักษิณย้อนถามว่า “เหรอครับ ก็รู้จักกันทั้งนั้น ก็คุยการเมืองกัน หลายคนอยากทำงานให้บ้านเมืองแต่บางครั้งทุกอย่างมีจำกัด เก้าอี้รัฐมนตรีมี 36 รวมทั้งนายกฯด้วย ต้องมีจำกัด ส่วนมีความเป็นไปได้หรือไม่ ไม่ทราบ ขอให้ไปถามนายกฯ การพบกับคนของพรรคประชา ธิปัตย์กินกาแฟกันธรรมดา อย่างนายเดชอิศม์ ขาวทอง (เลขาธิการพรรค ประชาธิปัตย์) เคยเป็นผู้สมัครสส.พรรคไทยรักไทย สมัยผมเป็นหัวหน้าพรรคใหม่ๆ เลยรู้จักกัน” เมื่อถามย้ำว่าที่คุยนั้นคุยกับหัวหน้าพรรคหรือเลขาธิการพรรคหรือใคร นายทักษิณตอบว่า ไม่ ก็คุยกับคนรู้จัก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนที่นายทักษิณจะลงจากดอยสุเทพ มีสามีภรรยาชาวจีนมาถามว่าเป็นใคร ผู้ติดตามจึงบอกว่าเป็น Ex Prime Minister ทำให้สองสามีภรรยาไม่เข้าใจ และทีมงานจึงบอกว่า Mr.Thaksin Shinawatra ทำให้สองสามีภรรยาตกใจ และดีใจที่ได้พบพร้อมบอกว่า “เยี่ยมมาก” เป็นภาษาจีน

13 รมต.พท.ตบเท้าร่วมดินเนอร์

จากนั้นเวลา 18.00 น. ที่ร้านอาหารเลอค็อกดอร์ จ.เชียงใหม่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ รับประทานอาหารร่วมกับรัฐมนตรี แกนนำและ สส.พรรคเพื่อไทย มี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข เดินทาง
มาถึงเป็นคนแรก ตามด้วยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ส่วนแกนนำพรรคและ สส. อาทิ นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล นายไพโรจน์ โล่ห์สุนทร สส.ลำปาง

นอกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยแล้ว ยังมีครอบครัวนายทักษิณเข้าร่วมด้วย อาทิ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ นายพายัพ ชินวัตร น้องชาย โดยมีรัฐมนตรี 4 คนที่ไม่สามารถมาร่วมได้ ได้แก่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯและ รมว.ต่างประเทศ และนายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.ต่างประเทศ

“ชลน่าน” หยอกไม่ยิงก็ตายแล้ว

สำหรับบรรยากาศที่ร้านอาหาร ทันทีที่ นพ.ชลน่านมาถึง ผู้สื่อข่าวแกล้งจะนำปืนฉีดน้ำฉีดใส่ แต่ นพ.ชลน่านชิงกล่าวก่อนว่า “ไม่ยิง ผมก็ตายแล้ว” และเมื่อนายชูศักดิ์มาถึง ผู้สื่อข่าวแซวว่า “เตรียมยื่นบัญชีทรัพย์สินหรือไม่” นายชูศักดิ์นำมือแกล้งจะตีหัวผู้สื่อข่าวอย่างอารมณ์ดี แต่ไม่ได้ตอบคำถาม ทั้งนี้ทันทีที่นายประเสริฐมาถึง ได้กล่าวติดตลกกับผู้สื่อข่าวว่า “ยังอยู่นะ” ผู้สื่อข่าวถามว่ายังอยู่นะ หรืออยู่ที่ไหน นายประเสริฐตอบว่า “ไม่รู้ ไม่รู้” ก่อนจะเดินเข้าไปในร้าน

“นายใหญ่” แซวตั้งวง ครม.ได้เลย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรดารัฐมนตรีของพรรค พท. ได้ออกมายืนรอรับนายทักษิณหน้าร้านทันทีที่นายทักษิณมาถึง โดยสวมเสื้อฮาวายสีขาว รูปหัวใจสีแดง รัฐมนตรีได้เข้าไปทักทาย โดยนายทักษิณได้กล่าวทักทายและกล่าวหยอกล้อกับรัฐมนตรีว่า “โอ้ ปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เลยไหม ประชุมได้เลยไหม ครบองค์เลยเนี่ย เกิน 18 หรือยัง”

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ระบุเกิน 18 หรือยัง หมายความว่าอย่างไร นายทักษิณกล่าวว่า ก็ 18 เกินครึ่งถือว่าครบองค์ประชุม เมื่อถามย้ำว่า ประชุมเลยหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า “ผมไม่มีสิทธิ์เปิดประชุม
แต่มาครบองค์”

“เกรียง” ปัดไม่รู้หลุดเก้าอี้ รมต.

นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย กล่าวถึงกระแสข่าวที่จะหลุดจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่า ยังไม่มีสัญญาณอะไรส่งมาหาตน 7 เดือนที่ผ่านมาลงพื้นที่ทำงานต่อเนื่องมั่นใจในผลงาน ไม่รู้ว่าสื่อไปเอาข่าวมาจากไหน เมื่อถามย้ำว่าเป็นประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกับการเมืองใช่หรือไม่ นายเกรียงตอบด้วยท่าทีแข็งกร้าวว่า มันก็เป็นแบบนี้ทุกครั้งแหละเกมการเมือง ไปถามผู้มีอำนาจดีกว่า

“สุทิน” เสียงอ่อยแล้วแต่นายกฯ

นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวว่า ชินแล้วกับโผ ครม.ที่ออกมา ข่าวแบบนี้มีมานานแล้ว รู้สึกธรรมดา เฉยๆ ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ หากเป็นจริงค่อยว่ากัน ที่ผ่านมาคิดว่าทำดีที่สุดแล้ว แต่ไม่รู้คนอื่นจะมองอย่างไร ส่วนตัวจะอย่างไรก็ได้ เป็นนักการเมืองพร้อมทำทุกหน้าที่ ส่วนกระแสข่าวนายกฯจะโยกไปนั่งควบ รมว.กลาโหมเอง อะไรก็เป็นไปได้ ท่านเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด เหมือนท่านเป็นกัปตันทีมฟุตบอล เป็นสิทธิ์ของกัปตัน ไม่น้อยใจ ไม่มีปัญหา ส่วนงานในสภาฯเป็นงานที่ถนัดอยู่แล้ว อยู่ตรงไหนก็ได้

“เสริมศักดิ์” เปรยถนัดงาน มท.

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม กล่าวถึงกระแสข่าวจะถูกปรับโยกไปนั่ง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ว่า ทราบข่าวจากสื่อมวลชน สำหรับตนไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนก็ตั้งใจทำงาน ยืนยันว่าการปรับ ครม.เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีที่จะพิจารณาว่าใครจะไปดำรงตำแหน่งอะไร สิ่งที่นายกฯ มุ่งมั่นคือการมีรัฐมนตรีที่มีความรู้ ความสามารถ ผู้สื่อข่าวถามว่าหากถูกสลับไปนั่ง รมว.การท่องเที่ยวฯจริง เป็นงานที่ถนัดหรือไม่ นายเสริมศักดิ์ตอบว่า ความจริงแล้วตนถนัดงานที่กระทรวงมหาดไทย เพราะเคยเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นอดีต รมช.มหาดไทย มาก่อน แต่หากต้องไปเป็น รมว.การท่องเที่ยวฯจริง ก็สามารถทำได้ เพราะมีหลักในการทำงานอยู่แล้ว

เดือดแทน “บิ๊กทิน” ถูกแซะเก้าอี้

นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท อดีต สส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม อาจถูกปรับออกจาก ครม. ว่า อยากทราบว่านายกฯเอาหลักเกณฑ์แนวคิดนี้มาจากไหนที่จะเอานายสุทินออก ทั้งที่นายสุทินถูกมองว่าเป็นคนทำงานดีที่สุด โดดเด่นสุดในบรรดารัฐมนตรี ไม่มีการล้วงลูก ให้เกียรติระบบอาวุโส การทุจริตคอร์รัปชันก็ไม่มี ตั้งใจทำงานสร้างผลงานให้พรรคมาตลอด ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายทั้งทหารและพลเรือน เป็นรัฐมนตรีที่ให้ความสำคัญกับสภามาก รวมทั้งมีนโยบายลดขนาดกองทัพให้เล็กลง ปรับหลักการคัดเลือกเกณฑ์ทหารให้เป็นสากล รวมถึงการเปิดพื้นที่ทหารให้ประชาชนเข้ามาใช้ประโยชน์ กรณีเรือดำน้ำที่มีปัญหาก็พยายามแก้ไขอย่างละมุนละม่อม ให้คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน แม้อาจไม่ถูกใจใครแต่ที่ รมว.กลาโหมทำเพื่อรักษาผลประโยชน์ประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง อยากให้นายกฯทบทวน หากคิดจะปลดนายสุทินจริง เพราะในอนาคตยังคงต้องใช้นายสุทินต่อไป อยากให้นายกฯคิดดีๆ อยากได้อะไรอยากทำอะไรก็สั่งการไป ไม่จำเป็นต้องมานั่งควบเอง บริหารประเทศในฐานะนายกฯให้ดีที่สุด เป็นที่พอใจของประชาชนก่อน

“ยิ่งลักษณ์” ครวญคิดถึงเมืองไทย

ช่วงค่ำวันที่ 14 เม.ย. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “เป็นอีกสงกรานต์ที่ไม่ได้อยู่ไทย ขอมาสรงน้ำพระและแวะมาทานอาหารให้หายคิดถึง เป็นแฟนคลับร้านขนมครก ร้านอาหารไทยร้านนี้มาหลายปี รสชาติเค้าอร่อย ใช้วัตถุดิบดี ส่งตรงจากเมืองไทย ที่ร้านขายตั้งแต่แกงมัสมั่นไก่ แกงเขียวหวาน พะแนงเนื้อ ขนมครก ข้าวเหนียวมะม่วงน้ำดอกไม้ ชาไทย เจ้าของร้านชาวไทยเล่าให้ฟังว่า อยู่ที่นี่มา 20 ปีแล้ว เดี๋ยวนี้ชาวต่างชาตินิยมของออร์แกนิกมากขึ้นกว่าเดิม เพราะให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพมากขึ้น ของที่ขายจึงเน้นเรื่องคุณภาพ อย่างข้าวหอมมะลิออร์แกนิก มะม่วงเขียวเสวย น้ำตาลสด ขนุน ทุเรียนปอกเปลือกพร้อมทาน ส่วนตัวเวลาอยากทานอาหารไทย ผลไม้ไทยต้องแวะมาซื้อที่นี่ ใครอยู่หรือมาเที่ยวลอนดอน อยากทานอาหารไทย อย่าลืมแวะมาอุดหนุนคนไทยด้วยกันที่นี่นะคะ รสชาติไทยแท้เลยค่ะ”

นายกฯควงภริยาเดินตลาดหัวหิน

ช่วงเช้าที่ตลาดหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ขับรถยนต์ส่วนตัวยี่ห้อ ABARTH Fiat 695 maserati edition ทะเบียน 3 กฎ 695 กรุงเทพมหานคร เดินทางมาพร้อม พญ.พักตร์พิไล ทวีสิน หรือหมอ้อม ภริยา สวมชุดสบายๆ เสื้อยืด กางเกงขาสั้น ทุกครั้งที่นายกฯเดินทางมาพักผ่อนที่หัวหิน จะขับรถด้วยตัวเองมาเดินตลาดเช้าเป็นกิจวัตร ทันทีที่นายกฯ เดินทางมาถึงได้ทำบุญตักบาตรจำนวน 30 ชุด มีภริยาและนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ร่วมทำบุญตักบาตรด้วย ระหว่างเดินตลาดบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ประชาชนเข้ามาขอถ่ายรูปและให้กำลังใจนายกฯ มีบางส่วนเข้ามาสอบถามความคืบหน้าโครงการเติมเงิน 1 หมื่นบาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตว่าตกลงเงินดิจิทัลจะยังได้หรือไม่ นายกฯ ยืนยันชัดเจนว่าได้แน่นอนในไตรมาส 4

ฟุ้งพ่อค้า-แม่ค้า ศก.ปีหน้าดีขึ้นอีก

นายเศรษฐายังเดินทักทายพ่อค้าแม่ค้า อาทิ ร้านข้าวเหนียวหมูปิ้งลุงแต ร้านประจำ ร้านข้าวแช่ ป้าตุ่ม ขนมไทย น้ำเต้าหู้ ร้านขายเสื้อผ้า พร้อมกับสอบถามว่าช่วงสงกรานต์ค้าขายเป็นอย่างไรบ้าง เศรษฐกิจดีหรือไม่ บรรดาพ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าการค้าขายปีนี้ดีขึ้น เจ้าของร้านข้าวเหนียวหมูปิ้งลุงแตกล่าวชมว่าตั้งแต่นายเศรษฐามาเป็นนายกฯ ค้าขายดีขึ้น พูดเรื่องจริง ขณะที่นายกฯ ยังสอบถามว่าค่าครองชีพเป็นอย่างไรเหมาะสมหรือไม่ เจ้าของร้านหมูปิ้งตอบว่า เหมาะสมตั้งแต่ท่านมาเป็นนายกฯ ธุรกิจตนดีขึ้นกว่าเก่าเยอะเลย ขายดีขึ้นจริงๆ ไม่ได้โม้นะ ขณะที่นายกฯ กล่าวว่า สงกรานต์ปีนี้ดีกว่าปีเก่า นักท่องเที่ยวเดินทางมาเยอะขึ้นเรื่อยๆ ปีหน้าจะจัดกิจกรรมให้มากขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวจะดีขึ้นกว่าปีนี้

ครอบครัวเข้มแข็ง-ปท.แข็งแรง

ต่อมานายเศรษฐาโพสต์ลงโซเซียลว่า “ผมกับคุณหมออ้อมมาใส่บาตรที่ตลาดหัวหินด้วยกันรับวันปีใหม่ไทย สถาบันครอบครัวคือสถาบันพื้นฐาน ที่ช่วยดูแลเด็กให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ เป็น safety net ให้ทุกคนที่เปราะบาง เปรียบเหมือนขุมพลังกายพลังใจของเรา อยากให้ครอบครัวไทยทุกครอบครัวเข้มแข็ง ประเทศไทยของเราจะแข็งแรง และพัฒนาไปได้อย่างมั่นคง ความไม่เข้าใจกันในครอบครัวเป็นเรื่องปกติ ความเห็นที่แตกต่างของคนต่างวัย สามารถพูดคุยปรับความเข้าใจกันได้ ในโอกาสวันครอบครัวฝากทุกท่านให้ความรัก ให้เวลา และช่วยกันดูแลทุกๆคนในครอบครัวให้อบอุ่น”

ยินดีต้อนรับ “ยิ่งลักษณ์” กลับไทย

นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะเดินทางกลับประเทศไทยปีหน้าว่า ผู้ต้องคดีการเมืองทุกคน เชื่อว่าหลายท่านอยากกลับบ้านเกิดเมืองนอนและถือเป็นนิมิตหมายที่ดี แต่ขณะนี้ยังไม่มีการประสานมายังรัฐบาล เชื่อว่าทุกกระบวนการเป็นไปตามกฎหมาย ต้องมีขั้นตอนที่จะเข้ามาจริงๆแล้วไม่ต้องมีการประสานอะไร เนื่องจากมีกระบวนการทางกฎหมายอยู่แล้ว ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ซับซ้อน หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องการเดินทางกลับไทย ขั้นตอนต้องเป็นไปตามนักโทษคดีการเมืองอื่นๆ เราก็อยากให้กลับมา เพราะถือเป็นนิมิตหมายอันดีประเทศจะได้เดินไปข้างหน้าได้ เมื่อถามว่าในฐานะเป็นผู้บริหารสูงสุดกังวลหรือไม่ว่ามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ นายกฯตอบว่า ไม่มีความกังวล กรณีนายจักรภพ เพ็ญแข และนายทักษิณ รวมไปถึงอีกหลายคน สนับสนุนให้กลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ยินดีต้อนรับทุกคนกลับสู่แผ่นดินไทย

ไม่ตัดโอกาสลงพื้นที่ร่วม “ทักษิณ”

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีโอกาสลงพื้นที่กับอดีตนายกฯทักษิณหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า นายทักษิณเป็นผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย เป็นพ่อของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรค พท. เป็นนายกฯที่ประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับจากทั่วโลก เชื่อว่าหากเป็นการเดินสายหาข้อมูลจากประชาชน ถือเป็นเรื่องที่ดีเข้าใจดีถึงความตั้งใจของท่าน ประสบความสำเร็จมาเยอะแล้ว วันนี้มาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เป็นบุคคลธรรมดาคนหนึ่งมั่นใจเกิน 100% ว่าท่านมีความ ปรารถนาดีต่อประเทศชาติ แต่ยังไม่มีการพูดคุยกันเรื่องนี้ ไม่ได้ตัดโอกาสนี้ออกไป ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีการลงพื้นที่ร่วมกับ สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในพื้นที่ภาคใต้ พื้นที่ดังกล่าวไม่มี สส.พรรค พท.แม้แต่คนเดียว มั่นใจว่าเป็นนายกฯของคนไทยทุกคน แต่ตนเป็นสมาชิกพรรค พท. การลงพื้นที่เราคำนึงถึงผลประโยชน์ประชาชนสูงสุด

ช่วย ปชช.ได้เพิ่มคะแนนนิยม พท.

เมื่อถามว่าการลงพื้นที่ของนายทักษิณจะเป็นการดึงคะแนนนิยมของพรรค พท.หรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า แล้วแต่ประชาชนเป็นคนตัดสิน แต่หากคิดอย่างตรงไปตรงมาหากลงไปแล้วมีข้อคิดเห็นที่ดี และรัฐบาลสามารถปฏิบัติได้ ช่วยเหลือประชาชนได้ มั่นใจว่าจะช่วยคะแนนของ พท.ได้ และมั่นใจว่านายทักษิณไม่ใช่จะลงพื้นที่แต่เฉพาะพื้นที่ที่มีแต่ สส.พรรค พท.เท่านั้น ท่านจะลงทุกจังหวัด เช่นเดียวกับอดีตนายกฯท่านอื่นที่ยังมีสุขภาพแข็งแรง ตนพร้อมรับฟังความคิดเห็นของอดีตนายกฯหรือผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง เราเป็นน้ำไม่เต็มแก้ว

แย้มหลังสงกรานต์ถกปรับ ครม.

จากนั้นเวลา 16.20 น. นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงกระแสข่าวการปรับ ครม.ว่า หากจะมีการปรับต้องมีการพูดคุยกับหลายภาคส่วน ต้องพูดคุยกับเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลและหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้วย เมื่อถามว่าหลังสงกรานต์พูดคุยกับพรรคร่วมเลยหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า “แน่นอนครับ หากจะมีการปรับก็ต้องพูดคุยเป็นการทำงานที่ให้เกียรติซึ่งกัน และกันอยู่แล้ว” เมื่อถามย้ำว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่นายกฯจะควบ รมว.กลาโหม นายเศรษฐาตอบว่า ทุกออปชันเป็นไปได้หมด ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม และเอาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง เอาการทำงานของคนให้ถูกฝาถูกตัวเป็นที่ตั้ง เมื่อถามว่านอกจากเอาประชาชนเป็นที่ตั้งยังมีปัจจัยอะไรอีกที่จะไปนั่งควบ รมว.กลาโหม นายกฯตอบว่า ไม่อยากเจาะจงกระทรวงไหน พูดในหลักการคร่าวๆ เรารับฟังความคิดเห็นประชาชน แม้แต่สื่อมวลชนเองยังบอกว่าบางคนทำงานยังไม่ถูก ยังไม่ดีพอ อ่อนในหลายด้านรวมถึงการสื่อสาร การประสานงาน ทุกข้อคิดเห็นนำมาพิจารณาหมด หากจะมีการปรับ

ลั่นอาจต้องมีปรับเรื่อยๆให้ลงตัว

เมื่อถามว่าครั้งนี้จะปรับใหญ่เลยหรือไม่ เพื่อขับเคลื่อนงบประมาณไปยาวๆ นายเศรษฐาตอบว่า ไม่อยากเจาะจงว่าปรับใหญ่หรือปรับเล็ก หรือปรับใครไม่ปรับใครบ้าง เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการพูดคุยและ ผลงานแต่ละคนด้วย เมื่อถามว่าการปรับรอบนี้จะถูกฝาถูกตัวเลยใช่หรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า การปรับเปลี่ยนอะไรต้องค่อยๆเป็น ค่อยๆไป หากจะมีการปรับต้องมีความชัดเจนว่ามีความเหมาะสม ถูกต้องถูกเวลา อาจต้องมีหลายท่านที่ยังต้องพิสูจน์ตัวเอง ยังต้องการเวลาในการทำงานอยู่ เพื่อให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ คิดว่าหากจะมีการปรับก็คงปรับเรื่อยๆ ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย เมื่อถามว่าจะไม่มีแรงกระเพื่อมที่ต้องตามแก้ภายหลังใช่หรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า “อ๋อ ไม่มั่นใจครับ ถ้าบอกว่าทุกอย่างไม่มีความขัดแย้ง ไม่มีแรงกระเพื่อม มีความไม่สบายใจ ก็ต้องทำไปเรื่อยๆ แต่ไม่ได้บอกว่าจะมีการปรับนะ” เมื่อถามว่าจะทำให้แรงกระเพื่อมในพรรคลดลงหรือไม่ นายกฯตอบว่า ไม่แน่ใจ ไม่ทราบเหมือนกัน เอาปัญหาพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง เอาการทำงานเป็นที่ตั้ง เชื่อว่าทุกท่านเข้าใจ

โอ๋ปรับออกก็กลับมาใหม่ได้

นายกฯกล่าวต่อว่า ปรับออกไปแล้วก็ปรับเข้ามาใหม่ได้ แล้วแต่วาระของเหตุการณ์อย่างเหตุการณ์ปัจจุบันอาจต้องการบางบุคคลเข้าไปช่วยงานในสภา พอสภาแข็งแกร่งท่านอาจกลับเข้ามาใหม่ก็ได้ไม่ใช่จบแล้วจบเลย ที่ผ่านมาก็มีการปรับเข้าปรับออก เปลี่ยนกระทรวงไปแล้วกลับไปกระทรวงเดิมก็ยังเป็นไปได้ ตรงนี้อย่าเพิ่งคิดอะไรมาก เรื่องปรับ ครม.ไม่ได้ปรับภายในวันหรือสองวันนี้ ถ้าพูดไปเรื่อยก็เกิดแรงกระเพื่อมไปเรื่อย จุดประสงค์ใหญ่ไม่ใช่แค่ดูที่รัฐบาลอย่างเดียว ต้องดูที่ระบบรัฐสภาด้วยว่ามีความแข็งแกร่งขนาดไหน ต้องการคนช่วยเหลือตรงไหนบ้าง แน่นอนว่าเอาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง 7 เดือนที่แล้วกับวันนี้สถานการณ์ต่างกัน บางอย่างเรายังทำไม่ดีพอ บางอย่างเราคิดว่าทำได้ดีแล้วต้องมาพิจารณาทั้งหมดโดยรวม

ไม่เคยคุยกับใครในประชาธิปัตย์

เมื่อถามว่าแม้นายกฯจะบอกว่า 314 เสียงแข็งแกร่งแล้ว แต่แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังมีการไปพูดคุยกับนายทักษิณมีโอกาสหรือไม่ที่พรรคประชาธิปัตย์จะร่วมรัฐบาล นายเศรษฐาตอบว่า นายทักษิณเป็นผู้ที่มีความอาวุโสทางด้านการเมืองสูง มีเพื่อนฝูงในวงการเยอะ การไปทานข้าวพูดคุยกับใคร เชื่อว่าจุดมุ่งหมายคือประชาชนเป็นหลัก การไปกินข้าวกับใครสามารถตีความได้หลายอย่าง หากถามโดยส่วนตัวไม่เคยพูดคุยกับใคร แม้แต่ไปเจอกับนายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ จ.นครศรีธรรมราช ก็ไม่ได้พูดคุยกัน ที่นายชัยชนะมาวันนั้นมาในฐานะเจ้าของพื้นที่ มีบทบาทหน้าที่แตกต่างกันไป ไม่ได้พูดถึงว่าจะมาเข้าร่วมรัฐบาล

“เศรษฐา” อวยพรวันสงกรานต์

ขณะที่นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ กล่าวปราศรัยเนื่องในประเพณีสงกรานต์ พุทธศักราช 2567 มีเนื้อหาสรุปว่า ขอส่งความรัก ความปรารถนาดีและความสุขมายังประชาชนชาวไทยทุกคน ทั้งที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยและต่างประเทศ สงกรานต์เป็นประเพณีมรดกวัฒนธรรมอันงดงามของไทย เทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข สนุกสนาน รื่นเริงที่เต็มไปด้วยสีสันและความมีชีวิตชีวา องค์การยูเนสโกประกาศขึ้นทะเบียนให้ “สงกรานต์ในประเทศ ไทย” เป็นรายการในบัญชีตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ทำให้เทศกาลสงกรานต์ของไทยเป็นที่รู้จักแพร่หลาย รัฐบาลให้ความสำคัญกับการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมประเพณีทุกแขนง และสนับสนุนการสร้างพลังสร้างสรรค์หรือ Soft Power ของประเทศ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างมูลค่าเพิ่มและรายได้ให้พี่น้องประชาชน โดยตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นผู้นำ Festival ของโลก และพร้อมสำหรับการเป็น Festival Country ในอนาคต โดยสร้างสรรค์ให้เทศกาลสงกรานต์เป็นที่รู้จักและเป็นเทศกาลที่อยู่ในหมุดหมายของนักท่องเที่ยวไทย

ยกย่องผู้สูงอายุ-สถาบันครอบครัว

นายชัยกล่าวอีกว่า นายเศรษฐายังมอบสารเนื่องในโอกาส “วันผู้สูงอายุแห่งชาติ” และ “วันแห่งครอบครัว” ประจำปี 2567 วันที่ 13-14 เม.ย.ว่า ขอส่งความรัก ความระลึกถึงและความปรารถนาดี มายังผู้สูงอายุทุกท่าน และพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกครอบครัว สถาบันครอบครัวเป็นสถาบันพื้นฐานที่มีความสำคัญต่อสังคมไทย เป็นสถาบันที่ปลูกฝังและหล่อหลอมสมาชิกในครอบครัว ถ้าครอบครัวเข้มแข็งจะส่งผลให้สังคมและประเทศชาติมีความเข้มแข็ง หนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญของครอบครัวไทยในปัจจุบัน คือผู้สูงอายุ เป็นบุคคลที่มีคุณค่า เป็นผู้มีประสบการณ์ มีความรู้และภูมิปัญญาที่ควรค่าแก่การรักษาและสืบทอดไว้ รัฐบาลมุ่งส่งเสริมให้ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาสังคมตระหนักถึงความสำคัญและคุณค่าของการส่งเสริม พัฒนาสถาบันครอบครัว พัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ทั้งในมิติสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม สภาพแวดล้อม เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อทำให้ผู้สูงอายุเป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ โอกาสนี้ขออวยพรให้ผู้สูงอายุทุกท่านและครอบครัวไทยทุกครอบครัว ประสบแต่ความสุข มีสุขภาพใจ สุขภาพกายที่สมบูรณ์แข็งแรงและสัมฤทธิผลในสิ่งที่ปรารถนาโดยทั่วกัน

พ่อแก่แม่เฒ่าผูกแขนรับขวัญ “พิธา”

ที่ จ.อุดรธานี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมกับลูกสาว น.ส.รัชนก ศรีนอก สส.กทม. นายณัฐพงษ์ พิพัฒน์ ไชยศิริ สส.อุดรธานี พรรคก้าวไกล นายคณิศร ขุริรัง ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี เดินทางมาร่วมกิจกรรมวันผู้สูงอายุที่ศาลาประชาคมชุมชนนาดี เทศบาลนครอุดรธานี ได้รับการต้อนรับจากชาวชุมชนนาดีด้วยการผูกผ้าขาวม้าให้นายพิธาที่มาในชุดเสื้อลายดอกสงกรานต์ (แสด-ขาว) และกางเกงขาสั้น เดินเต้นเบาๆตามจังหวะเพลงเข้าไปในศาลาประชาคม เพื่อร่วมในพิธี “สู่ขวัญผู้สูงอายุ” ระหว่างพิธีมีผู้สูงอายุทยอยเข้ามา “ผูกแขนรับขวัญ” บางส่วนขอถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ท่ามกลางเสียงตะโกนแสดงความยินดีต่อเนื่อง บรรยากาศเป็นไปด้วยความครึกครื้น จากนั้นทั้งหมดร่วมสรงน้ำพระพุทธรูปประจำชุมชน และร่วมพิธี “รดน้ำขอพรผู้สูงอายุ” โดยกลุ่มผู้สูงอายุขอนายพิธาไม่ต้องคุกเข่า เพราะจะทำให้หัวเข่าด้าน ปวดขาและจะช้าไปงานอื่นไม่ทัน

ไม่ลืมสัญญาเบี้ยผู้สูงอายุ 3 พัน บ.

นายพิธากล่าวกับชาวชุมชนนาดีว่า ขอบคุณพ่อแก่แม่เฒ่าชาวชุมชนนาดี สำหรับกำลังใจและขวัญที่ผูกให้กับพวกเรา ทำให้เรามีกำลังใจทำงานการเมืองต่อไป ถ้า “ขวัญ” มาขนาดนี้แล้ว ไม่มีทางเดินอื่นนอกจากการเดินต่อไปข้างหน้าเท่านั้น ไม่มีคำว่ายอมแพ้ ไม่มีคำว่าถอยหลังในเส้นทางการเมือง ที่ต้องการมาเปลี่ยนแปลงชาวอุดรธานีทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น “ขอบคุณที่ให้เรามามีส่วนร่วมที่นี่ ให้เราพรรคก้าวไกลได้รับขวัญ รับพลัง จากผู้มีประสบการณ์ชีวิตมากกว่าเรา ทำให้เรามีขวัญมีกำลังใจและมีส่วนในประเพณีน่าเคารพน่าชื่นชม เมื่อได้ขวัญและกำลังใจมาแล้ว เราก็ทำงานเพื่อท่านต่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเบี้ยผู้สูงอายุ 3,000 บาทต่อเดือน ที่พรรคเราเคยหาเสียงเอาไว้ ขอให้พ่อแก่แม่เฒ่าที่นี่ ...ขอบคุณหลายๆเด้อ...อยู่ดีมีแฮงกันทุกคน”

“ชัยธวัช” พาทัวร์เขื่อนแม่สรวย

ที่ จ.เชียงราย นายชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคก้าวไกล นำทีม สส.พรรคก้าวไกล อาทิ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล นายพริษฐ์ วัชรสินธุ นายกรุณพล เทียนสุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และนายฐากูร ยะแสง สส.เชียงราย เขต 3 ร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์หรือปีใหม่เมือง ณ เขื่อนแม่สรวย อ.แม่สรวย จ.เชียงราย มีนักท่องเที่ยวและคนในพื้นที่ร่วมต้อนรับอย่างอบอุ่น วันนี้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติหลั่งไหลมาเที่ยวจำนวนมาก ส่งผลให้การจราจรติดขัดตั้งแต่ก่อนถึงปากทางเข้ายาวประมาณ 3-4 กม. นายชัยธวัชกล่าวว่า วันนี้พาทีมงานลงพื้นที่ จ.เชียงราย ร่วมเทศกาลสงกรานต์ รวมถึงดูสถานที่ท่องเที่ยวทั้งในพื้นที่ อ.เวียงป่าเป้า ซึ่งมีแหล่งเครื่องเคลือบและเขื่อนแม่สรวยเพื่อดูแนวทางส่งเสริมพัฒนาให้มีความยั่งยืนในอนาคต นับว่าเป็นที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ สภาพแวดล้อมดี ที่เหลืออยู่ที่การบริหารจัดการให้ดีให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง

อัด “ผู้นำ” เพ้อเจ้อขายทุเรียน 1 ลล.

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก อดีตรองโฆษกรัฐบาล และอดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กวิจารณ์การตั้งเป้าหมายของนายกฯขายทุเรียน 1 ล้านล้านบาท ใน 10 ปีว่า การบริหารอย่างมีเป้าหมายเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่เป้าหมายขายทุเรียนอันอลังการที่หวังสร้างคะแนนนิยมในกลุ่มชาวสวนทุเรียน ภายใน 10 ปีจะขายทุเรียนให้ได้ 1 ล้านล้านบาท จากตอนนี้อยู่ที่ 1.2 แสนล้านบาท แปลว่าจะเพิ่มให้ได้อีกเกือบสิบเท่า คำถามแรกคือแล้ว
ราคาทุเรียนมันต้องสูงเท่าไร ถึงจะทำยอดได้ 1 ล้านล้านบาท (ทุเรียนนะไม่ใช่ทอง) เกษตรกรไทยสามารถตั้งราคาขายแพงเท่าไรก็ได้เหรอ ขณะที่เวียดนามมาแรงเหลือเกิน ครองส่วนแบ่งตลาดในจีนเพิ่มขึ้นมาก ที่ 31.8% ส่วนของไทยอยู่ที่ 68% คำถามต่อมาประเทศไทยจะเอาผลผลิตจากไหน พื้นที่ปลูกต้องเพิ่มอีกกี่เท่า? เมื่อความเป็นจริงปี 2566 มีเนื้อที่เพาะปลูก 1.05 ล้านไร่ ผลผลิต 1.54 ล้านตัน แล้วจะหาที่อีกสิบเท่า คิดง่ายๆคือ 10 ล้านไร่! จากไหน? หากจะให้ลดปลูกพืชชนิดอื่นแล้วมาทุ่มปลูกทุเรียน ผลผลิตล้นตลาดแน่ ราคาตกแน่นอน อีกประการ กว่าทุเรียนจะเริ่มให้ผลผลิตหลังปลูกก็ประมาณ 4-5 ปีไปแล้ว ด้วยประการทั้งปวงที่หยิบยกมา ทำให้เห็นว่าเป้าหมายภายใน 10 ปี ขายทุเรียนให้ได้ 1 ล้านล้านบาท เป็นไปไม่ได้เลย เป้าหมายการบริหารงานต้องไม่เพ้อเจ้อ จะได้ไม่ชี้นำผิดทาง

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่