ไม่แจ้งล่วงหน้า! นายกฯ ย่องตรวจสนามบินสุวรรณภูมิ ดูระบบการให้บริการประชาชน-นักท่องเที่ยว ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระบบการบริการภาพรวมดีขึ้นมาก ด้านผู้การ ตม.2 ยืนยันจากนี้จะไม่มีระบบล่มอีก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานที่ผ่านมา เมื่อเวลา 21.20 น. (9 เม.ย. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เดินทางไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแบบไม่แจ้งล่วงหน้า เพื่อตรวจความพร้อมระบบการให้บริการประชาชนและนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งนายกฯ เคยมาตรวจในลักษณะนี้มาแล้วถึง 2 ครั้ง เมื่อช่วงเดือนก.พ. ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3

ทั้งนี้ ทันทีที่นายกฯ มาถึงได้ตรวจระบบเช็กอิน ซึ่งพบว่าระบบบริหารจัดการยังสามารถทำได้ดี ผู้โดยสารไม่ต้องรอนาน เนื่องจากทางการท่าอากาศยานเปิดให้เช็กอินเร็วขึ้นจากเดิม 3 ชั่วโมง เป็น 4 ชั่วโมง

จากนั้น นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และ พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 (ผบก.ตม.2) ได้ต้อนรับนายกฯ และนำตรวจตามจุดต่างๆ

...

โดยนายกฯ ได้ไปตรวจระบบของ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ซึ่งได้มีการยกเว้นการสแกนใบหน้าและลายนิ้วมือสำหรับคนไทย เนื่องจากมีชื่ออยู่ในระบบอยู่แล้ว และ ไม่เป็นปัญหาต่อระบบความมั่นคง ทำให้ผู้โดยสารขาออกสามารถลดระยะเวลาในขั้นตอนนี้ได้ถึง 15 นาที

ส่วนระบบของ ตม.ที่ก่อนหน้านี้เคยล่มหลายครั้ง พล.ต.ต.เชิงรณ ยืนยันว่า จากนี้ระบบจะไม่ล่มอีก ได้มีการปรับปรุงแก้ไข และมีการเชื่อมต่อระบบกับทางการท่าอากาศยานแล้ว ทำให้ระบบทำงานได้ดีขึ้นและเร็วขึ้น ซึ่งในระยะยาวนายกฯ ได้สั่งให้ยกเครื่องระบบตรวจคนเข้าเมืองทั้งหมด ให้ทำงานร่วมกันระหว่างตำรวจตรวจคนเข้าเมืองและการท่าอากาศยานเป็นระบบเดียว คือ Thailand Immigration System หรือ TIS ซึ่งขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) อยู่ระหว่างดำเนินการอนุมัติ ส่วนขาเข้าตั้งแต่ลงเครื่องมาถึงจุดตรวจคนเข้าเมือง พยายามจะให้ใช้เวลาไม่เกิน 45 นาที

อย่างไรก็ตามในช่วงพีกของผู้โดยสารขาออกจะเป็นเวลาตั้งแต่ 22.00 น. เป็นต้นไปซึ่งพบว่าผู้โดยสารขาออกมีการรอเข้าแถวรอเช็กอินจำนวนมาก

ด้านนายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระบุว่า ปัญหาหนึ่งเกิดมาจากสายการบินบางสายการบินยังไม่พร้อมให้ผู้ขึ้นเครื่องเช็กอินด้วยตัวเอง ทำให้ผู้โดยสารยืนรอต่อแถวหน้าเคาน์เตอร์ ซึ่งนายกฯ จะสั่งการให้สำนักงานการบินพลเรือนและการท่าอากาศยาน ขอความร่วมมือสายการบินให้เปิดใช้ระบบเช็กอินด้วยตนเอง ร่วมกับระบบเช็กอินหน้าเคาน์เตอร์ เนื่องจากปัจจุบันมีสายการบินที่ใช้ระบบออโต้เพียง 28 สายการบิน จากทั้งหมด 117 สายการบิน

นอกจากนี้นายกฯ ยังได้ไปตรวจดูห้องพักของเจ้าหน้าที่ที่ก่อนหน้านี้เคยมาตรวจดู และสั่งให้มีการเพิ่มพื้นที่ห้องพักของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานมีความสะดวกสบาย ซึ่งพบว่าขณะนี้การเพิ่มห้องพักให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานมีความคืบหน้าไปมาก

จากนั้นนายกฯ ได้มาดูเรื่องระบบการจราจรของผู้โดยสารที่เดินทางมายังสนามบินสุวรรณภูมิ พบว่าการจราจรค่อนข้างหนาแน่น แต่ทางการท่าอากาศยานก็ได้มีการบริหารจัดการเพิ่มเจ้าหน้าที่ และเพิ่มช่องทางอำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารระบายรถได้ดีขึ้น

โดยนายกฯ กล่าวว่า หลังจากเดินตรวจสอบระบบทั้งหมดพบว่าการบริหารจัดการโดยภาพรวมดีขึ้นมาก ใช้ระบบ Manual เยอะขึ้น มีเจ้าหน้าที่มาคอยให้บริการเยอะขึ้น และเชื่อว่าภายในเดือน ก.ค. ระบบทั้งหมดจะดีขึ้น.