“รมว.ยุติธรรม” เผย ยังไม่เห็นเอกสารที่ “หมอวรงค์” เอามาแฉว่า “ทักษิณ” ไม่ได้ป่วยจริง ยืนยันภาพยกดัมเบลโฟมในน้ำ เป็นการกายภาพสร้างกล้ามเนื้อไหล่และข้อศอกตามคำแนะนำของแพทย์ ไม่กังวลเจ้าหน้าที่อาจโดน ม.157 ชี้ทำตามหลักวิชาชีพ
วันที่ 9 เมษายน 2567 เมื่อเวลา 09.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี นำเอกสารทางการแพทย์เกี่ยวกับการรักษาตัวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มาเผยแพร่ว่าอาจไม่ได้ป่วยจริงถึงขั้นได้ 9 คะแนน ที่ต้องได้รับการพักโทษ ว่า ไม่ทราบว่า นพ.วรงค์ ได้หลักฐานมาอย่างไร แต่จากการสอบถามแพทย์ที่ทำการรักษา 3 คน แพทย์คนแรกมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ ส่วนแพทย์อีก 2 คน เป็นแพทย์ที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งทั้ง 3 คนบอกว่า ภาพที่ปรากฏนายทักษิณ เล่นดัมเบลในน้ำ เป็นการฟื้นฟูผู้ป่วยที่ทำกายภาพในน้ำ เป็นดัมเบลโฟมที่มีน้ำหนักเบา ซึ่งค่อนข้างปลอดภัยกับผู้ป่วยที่ต้องการฟื้นสภาพร่างกาย เสริมสร้างกล้ามเนื้อไหล่และข้อศอก สำหรับผู้ป่วยที่มีประวัติการผ่าตัดไหล่ และเป็นการปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์เพื่อกายภาพเสริมเมื่อถามว่า จะยืนยันได้หรือไม่ว่า นายทักษิณ ป่วยถึงขั้นได้แค่ 9 คะแนน พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เป็นเรื่องของแพทย์ ได้สอบถามกับแพทย์แล้ว ภาพที่ปรากฏเป็นการทำกายภาพในน้ำ ซึ่งเป็นไปตามคำแนะนำของแพทย์ ส่วนการยกดัมเบลโฟมต้องทำนานหรือไม่ ก็ต้องสอบถามจากแพทย์ แต่ในหน้าที่ของตนหากสงสัย ก็ต้องแสวงหาข้อเท็จจริง แต่บางคนเวลาสงสัยจะมีวิธีทางการเมือง พูดให้คนเสียหายไปก่อน นี่คือความแตกต่าง
เมื่อถามว่า เอกสารที่ นพ.วรงค์ นำมาเผยแพร่เป็นเอกสารจริงหรือไม่ พ.ต.อ ทวี กล่าวว่า ตนยังไม่เห็น ยังไม่ได้อ่าน รู้จากข่าวที่มีคนโทรมาถามเท่านั้น เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะส่งผลต่อกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ เพราะนายทักษิณ ปฏิบัติตามที่แพทย์แนะนำ เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะส่งผลต่อเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ที่อาจจะเจอข้อหา ม.157 หรือไม่นั้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า มันเป็นกระบวนการการทำงาน ไม่ได้ดำเนินการด้วยคนๆ เดียว และเป็นการทำตามหลักวิชาชีพ ตามหลักฐาน ซึ่งที่พูดนี้ไม่ใช่ความเห็นของตน แต่เป็นความเห็นของแพทย์
...
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในการตอบคำถามสื่อมวลชนครั้งนี้ พ.ต.อ.ทวี ได้อ่านเอกสารทางการแพทย์ตลอดเวลา พร้อมกับทิ้งท้ายด้วยว่า เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องไปสอบถามเจ้าหน้าที่ แต่ในหน้าที่ของรัฐมนตรี ถ้ามีคนสอบถามหรือสงสัย เราไม่ควรไปโกรธคนสงสัย แต่ควรหาข้อเท็จจริงและชี้แจง