จากการเปิดอภิปรายของพรรคฝ่ายค้านเพื่อถล่มรัฐบาลที่ผ่านมา ก่อให้เกิดวิวาทะกันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับนายกรัฐมนตรี เป็นผลให้นายเศรษฐา ทวีสิน ประกาศว่าจะทำให้พรรคเพื่อไทยเป็นผู้ชนะให้ได้ ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป แต่คู่ต่อสู้น่าจะไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์ น่าจะเป็นพรรคก้าวไกลมากกว่า

วิวาทะเกิดขึ้นจากการอภิปรายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้รับยกย่องเป็นฝ่ายค้านมืออาชีพ นายจุรินทร์โจมตีนายกรัฐมนตรีว่า วันๆเอาแต่อีเวนต์ ทั้งเช้า สาย บ่าย เที่ยง เย็นและดึก อยากให้นายกรัฐมนตรีบินเหมือนเหยี่ยว มากกว่าบินแบบแมลงวัน ที่ไม่ได้อะไรเลย

เป็นการอภิปรายแบบฝ่ายค้านลูกทุ่ง ที่ทำให้นายกรัฐมนตรีลูกกรุงลุกขึ้นมาตอบโต้ทันควัน ขอฝากไว้ว่าอย่าเป็นฝ่ายค้าน ที่ทำให้โลกงง วันหนึ่งเป็นฝ่ายค้าน คือวันหนึ่งมีข่าวว่าจะขอเข้าร่วมรัฐบาล ประโยคหลังนี้สร้างความฮือฮาเพราะเป็นการตอกยํ้าข้อสงสัยของบรรดาคอการเมือง ว่า ปชป.จะขอเข้าร่วมรัฐบาล

พรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย เคยเป็นคู่ต่อสู้ในทางการเมืองมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ยุคอดีตนายกรัฐมนตรี ชวน หลีกภัย เป็นผู้นำพรรค ปชป. และอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้นำพรรคไทยรักไทย นายชวนโจมตีว่าเป็น “ระบอบทักษิณ” ที่ชอบแทรกแซงองค์กรอิสระ ชอบนโยบายผลประโยชน์ทับซ้อน

การต่อสู้ระหว่างสองพรรค ดำเนินต่อมาจนถึงยุคอดีตนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับอดีตนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผลการสำรวจของสำนักโพลต่างๆ พบว่าคะแนนนิยมค่อนข้างสูสี คะแนนนิยมพรรค ปชป.เริ่มทรุด ในการเลือกตั้ง 2562 แพ้แม้กระทั่งพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเป็นพรรคเกิดใหม่

...

ผลการเลือกตั้ง 2566 ทำให้ ปชป.ทรุดหนักยิ่งขึ้น ได้แค่ 25 ที่นั่งจากทั้งหมด 500 ที่นั่ง สาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งเพราะความแตกแยกในพรรค กลุ่มหนึ่งต้องการร่วมรัฐบาลไม่เลือกอุดมการณ์ อีกฝ่ายคัดค้านการเลือกตั้งครั้งหน้า ที่นายเศรษฐาประกาศหนักแน่น จะทำให้เพื่อไทยชนะให้ได้ แต่คู่ต่อสู้ไม่น่าจะเป็น ปชป.

คู่ต่อสู้ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปของพรรคเพื่อไทย น่าจะเป็นพรรคก้าวไกลอย่างไม่ต้องสงสัย พรรคก้าวไกลที่เคยกอดคอกับพรรคเพื่อไทย เป็นพันธมิตรในการจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย แต่การเมือง “ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร” อำนาจและผลประโยชน์เท่านั้น ที่ยั่งยืนนิรันดร การเมืองคือการต่อสู้เพื่ออำนาจ.

คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม