ปิดจ๊อบการอภิปรายรัฐบาลทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152

สั่งลาก่อนปิดสมัยประชุมสภารอบนี้ ภาพรวมส่วนใหญ่ฝ่ายค้านท่องคาถาขย่มผลงานรัฐบาล 6 เดือน ไร้ประสิทธิภาพ ทำลายหลักนิติธรรม สร้างภาพขายฝัน แต่ไม่มีปัญญาทำได้จริง

บิ๊กแมตช์สงครามน้ำลาย ฝ่ายค้าน-ฝ่ายรัฐบาล ใส่กันนัวเนีย ไม่มีใครยอมใคร

สาดวาทกรรม “รัฐมนตรีโลกเซ็ง-ฝ่ายค้านโลกงง” ต่อปากต่อคำโต้กันอุตลุด

แม้กระทั่ง “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ก็ยังฟาดวาทะรัวๆตอกกลับ “ชวน หลีกภัย” และ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” 2 ผู้เฒ่าพรรคประชาธิปัตย์ ใช้มุกถนัดด้อยค่าเดิมๆ

กล้าเปิดหน้าแลกหมัด แรงมา แรงกลับ โชว์ความเป็นนักการเมืองเต็มตัว ไม่เกรงบารมีปรมาจารย์ใบมีดโกน

เป้าใหญ่รอบนี้ รุกหนักกระทรวงกลาโหม ฝ่ายค้านถล่มกองทัพ กะซวกยับเป็นฉากๆ ทั้งกรณีฮุบที่ดินชาวบ้านมาสร้างอีเวนต์การตลาดไล่แจกคนไม่มีที่ทำกิน เงินทอนซื้ออาวุธ การเกณฑ์ทหาร ความคลุมเครือธุรกิจกองทัพ

ถึงไม่มีใบเสร็จมัดผิดคาหนังคาเขา แต่ก็ปั่นอารมณ์ร่วมให้ประชาชนคล้อยตามได้ ตามต้นทุนที่สังคมบางส่วนหมั่นไส้กองทัพเป็นทุนเดิม

...

แต่เป้าหลักที่คาดจะเป็นไฮไลต์ เรื่องกระบวนการยุติธรรม 2 มาตรฐาน กลายเป็นเป้าหลอก

ทำได้แค่เหวี่ยงหมัดเฉี่ยวๆใส่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีได้รับอภิสิทธิ์ชน ไม่ต้องรับโทษติดคุกแม้
แต่วันเดียวในคดีทุจริต จนได้มาอวดพลังทุกวันนี้

พรรคก้าวไกลออกลูกแหยง ไม่กล้าแตะต้อง ตามเสียงเล่าลือดีลลับผู้มีบารมีในพรรคค้ำคอ

ไม่ต่างจากฝั่งประชาธิปัตย์ มีแค่รุ่นใหญ่ “นายหัวชวน” กับ นายจุรินทร์ ที่กล้าเปิดหน้าซักฟอกนายใหญ่ ตรงกันข้ามกับลูกพรรคคนอื่นๆที่นั่งดูตาปริบๆ เพราะมีเสียงจิ้งจกทักเรื่องทอดสะพานร่วมรัฐบาล

ภาพรวมฝ่ายค้านเน้นวาทกรรมด้อยค่าเรื่องประสิทธิภาพการทำงานรัฐบาล ไม่เน้นขยี้แผลฉกรรจ์ ไล่ทุบปมนายใหญ่แบบเอาเป็นเอาตาย

สังเวียนน้ำลาย 2 วัน 2 คืน รัฐบาลลอยลำ ไม่บอบช้ำเจ็บตัวหนัก แต่ที่ต้องจับตาต่อไปคือ ไทม์ไลน์การเมืองเดือน เม.ย. ที่กำลังไต่ระดับอุณหภูมิร้อนแข่งกับเปลวแดด

คิวระทึกหลายรายการ รอก่อแรงกระเพื่อม ที่ดูน่าเสียวไส้สุดคือ คดียุบพรรคก้าวไกล เริ่มเห็นสัญญาณเหยียบคันเร่ง จ่อถอนรากถอนโคน

ตกอยู่ในช่วงเข้าด้ายเข้าเข็ม ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องคดีล้มล้างการปกครองของพรรคก้าวไกลไว้ในบัญชีไต่สวน สั่งให้มาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน

ค่ายส้มใจตุ๊มๆต่อมๆ คิวยุบพรรคงวดเข้ามา ไม่รู้จะถึงตอนอวสานวันไหน

อย่างที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็เปรยๆการอภิปรายซักฟอกรัฐบาลของตัวเอง เมื่อคืนวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา อาจเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตการเมือง ส่วนลูกพรรคก็ต่างพากันท่องคาถาปลุกใจ “ยิ่งตี ยิ่งโต” ตามผลโพลที่เรตติ้งกำลังทะยานลิ่ว

คำพูดระดับหัวแถว ท้ายแถว เหมือนรู้คำตอบตอนจบลึกๆอยู่ในใจ ทุกอย่างอาจมาเร็วกว่าที่คิด

ตามเค้าลางที่เห็นในการอภิปราย โดยไม่ลงมติ กองทัพสีส้มปั้นขุนพลแถวสามหลายคนให้มีบทบาทซักฟอกรัฐบาล เตรียมไว้เป็นตัวตายตัวแทนรุ่นถัดไป กรณีเกิดอุบัติเหตุการเมือง โดยมีแกนนำแถวหนึ่ง แถวสอง ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงดูอยู่ห่างๆ

ขณะที่ฝั่งเพื่อไทยก็มีคิวหายใจไม่ทั่วท้องเช่นกัน “อดีตนายกฯทักษิณ” ลุ้้นการนัดฟังคำสั่งอัยการ วันที่ 10 เม.ย.นี้ ในคดีความผิดมาตรา 112

ได้เสียวแวบอัยการจะสั่งฟ้องหรือไม่ ถ้าไม่สั่งฟ้องก็รอดตัว ถ้าสั่งฟ้องก็ลุ้นต่อจะได้ประกันตัวหรือไม่

คิวระทึกอีกรอบนายใหญ่ 10 เม.ย.2567 บังเอิญตรงเป๊ะกับวันที่ “นายกฯนิด” จะทุบโต๊ะประกาศความชัดเจน แหล่งเงินที่จะใช้ดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะมาจากทางใด

ไฟต์บังคับหลังพิงฝา ต้องชี้ขาดวิธีดำเนินการแจกเงินหมื่นให้ได้ หลังเลื่อนแล้วเลื่อนอีกมา 5 รอบ เหมือนจงใจหยิบวันชี้ขาดนโยบายเรือธงใหญ่มาวัดใจวันนัดฟังคำสั่งคดีมาตรา 112 ของอัยการ

นายใหญ่ก็รู้แกว ไม่ยอมให้ใช้เรื่องคดีมาเป็นเงื่อนไขขี่คอได้ง่ายๆ พยายามแสดงพลังต่อรองดีลอำนาจเต็มที่

ขั้วอนุรักษ์นิยมเดินเกมใช้คดีคุม “ก้าวไกล-เพื่อไทย” แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องแลกความเสี่ยง แรงกระเพื่อมที่พร้อมก่อตัว!!!

ทีมข่าวการเมือง

คลิกอ่านคอลัมน์ "วิเคราะห์การเมือง" เพิ่มเติม