“สุริยะ” แจง คมนาคม ไม่มีนายใหญ่-นายทุนครอบงำกระทรวง ลั่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ไม่เอื้อเอกชนคู่สัญญาแน่นอน ด้าน “ณัฐวุฒิ” ขอประธานคุมเวลารัฐมนตรีแจง เจอ “วรวงศ์” สส.เพื่อไทย ถาม ไม่เห็นจะมีปัญหาตรงไหน
เมื่อเวลา 19.13 น. วันที่ 3 เมษายน 2567 การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระเรื่องด่วน ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริง หรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 152 นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ขอประธานในที่ประชุมหารือว่า ขณะนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านใช้เวลาไป 6 ชั่วโมง 27 นาที ยังขาดเกือบ 5 ชั่วโมงตามกรอบที่จะจบในวันแรก ส่วนฝ่ายรัฐบาลและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใช้เวลาไป 2 ชั่วโมง 54 นาที ซึ่งก่อนหน้านี้ในช่วงเช้ามีการกำหนดว่าให้ประธานใช้ดุลพินิจการใช้เวลาของ ครม. ให้เกิดความเหมาะสม จึงขอหารือว่าถ้ามีรัฐมนตรีตอบแบบนี้ไปเรื่อยๆ จะเกินเวลาไป ขอให้สลับกันแบบ สส.อภิปราย และรัฐมนตรีตอบชี้แจง
ต่อมา นายวรวงศ์ วรปัญญา สส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ขอหารืออีกคนว่า ตนเองอยู่ในที่ประชุมเมื่อเช้า ไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไรถ้ารัฐมนตรีจะชี้แจงอย่างไรก็แล้วแต่ เพราะทางฝั่งรัฐบาลยังทนฟังการอภิปรายได้ จึงไม่เห็นว่าจะต้องมาสลับกัน รัฐมนตรีจะตอบต่อเนื่องหลายกระทรวงต่อกัน ก็คิดว่าเป็นประโยชน์กับประชาชน ไม่เข้าใจว่าเรายังมีปัญหาอะไรอีกหรือ ทางด้าน นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม ระบุว่าไม่เป็นไร จะบริหารเวลาเอง
...
จากนั้น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ชี้แจงเรื่องโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ว่า เป็นโครงการในรัฐบาลที่แล้ว หลังตนเองรับตำแหน่งได้ติดตามและผลักดันให้โครงการเกิดขึ้น หากดำเนินการแล้วเสร็จ จะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคและประเทศ ตามนโยบายของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทำให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนได้อย่างสะดวก ส่งเสริมเศรษฐกิจไทยโดยรวม เพิ่มรายได้ประชาชนทุกระดับ ซึ่งโครงการดังกล่าวมีระยะทางความยาว 220 กิโลเมตร ความเร็วสูงสุดของรถไฟคือ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง เชื่อ กทม. กับพื้นที่ EEC ภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง จะอำนวยความสะดวกการเดินทาง ลดความหนาแน่นการจราจร เพิ่มมูลค่าของ GDP จากอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว ที่เป็นรายได้ลำดับ 1 ของประเทศ
นายสุริยะ ตอบคำถามว่า จะมีการเลื่อนหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน (Notice to Proceed หรือ NTP) ที่ผ่านมาคู่สัญญายกข้ออ้างเรื่องการขออนุมัติการออกใบอนุญาตส่งเสริมการลงทุนจาก BOI เพื่อเลื่อนการออก NTP ซึ่งตนปรึกษาและแนะนำกับเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ว่า ไม่ควรให้เลื่อนอีกต่อไป เพื่อไม่ให้เอกชนนำข้ออ้างในการเลื่อนออก NTP อีกต่อไป
ขณะที่คำถามต่อมา กระทรวงคมนาคมจะมีการแก้ไขสัญญาหรือไม่นั้น นายสุริยะ ระบุว่า กระบวนการแก้ไขสัญญามี 3 ส่วนที่เป็นองค์ประกอบของการดำเนินงาน คือ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และเอกชนผู้รับสัมปทาน โดยได้รับทราบจากคำอภิปรายในที่นี้ว่า รฟท. ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลก่อน โดยคณะกรรมการ EEC มอบหมาย รฟท. ไปเจรจากับคู่สัญญา ซึ่งเอกชนจะขอเปลี่ยนแปลงหลักการจากสร้างเสร็จแล้วค่อยจ่าย เป็นสร้างไปจ่ายไป ขอยืนยันว่า กระทรวงคมนาคมไม่มีนโยบายแก้ไขสัญญาเพื่อเอื้อเอกชนให้คู่สัญญาแน่นอน ขอให้ความเชื่อมั่นว่าการบริหารงานของกระทรวงภายใต้การกำกับดูแลของตน จะดำเนินการอย่างโปร่งใส รวมถึงให้ประชาชนมีส่วนร่วมและตรวจสอบได้
ในคำถามสุดท้าย เรื่องการกำหนดมาตรฐานรถไฟความเร็วสูง รมว.คมนาคม ตอบว่า กระทรวงมีการกำหนดเรียบร้อยแล้ว โดยโครงการรถไฟความเร็วสูงทุกเส้นทางจะก่อสร้างตามมาตรฐานสากลที่ใช้ในทุกประเทศที่ให้บริการรถไฟความเร็วสูง และใช้โครงสร้างพื้นฐานตัวรถร่วมกันได้ เพื่อประหยัดภาระงบประมาณประเทศ และใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด
นายสุริยะ เผยในช่วงท้ายว่า “กระผมหวังว่าคำตอบของทั้ง 3 คำถามนั้น จะสร้างความเข้าใจให้กับท่านสมาชิก สำหรับที่ห่วงใยว่า กระทรวงคมนาคม จะมีนายใหญ่หรือนายทุนมาครอบงำเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนคู่สัญญานั้น ขอชี้แจงว่า กระทรวงคมนาคมไม่มีนายใหญ่ ไม่มีนายทุน มีแต่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นางมนพร เจริญศรี และนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม) เท่านั้น” และจบการชี้แจงในเวลา 19.24 น.