“ธรรมนัส” แจงที่ประชุมสภา มั่นใจ รัฐบาลเดินถูกทาง ดันราคายางพาราสูงขึ้น ผลจากปราบปรามยางเถื่อนข้ามแดน ชี้ ปัจจุบันต่างชาติทยอยสั่งยางเพิ่ม สร้างรายได้เกษตร มีรายได้มั่นคงยั่งยืน

วันที่ 3 เมษายน 2567 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวชี้แจงในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระเรื่องด่วน ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริง หรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 152 ถึงข้อสังเกตของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ว่า ในเรื่องของราคายางพารา ที่ถือว่าเป็นสินค้าที่สร้างรายได้ให้กับประเทศและพี่น้องชาวสวนยาง ขณะนี้สามารถลืมตาอ้าปากได้ และรัฐบาลมีโครงการที่จะสร้างความยั่งยืนให้ชาวสวนยาง ทั้งการส่งเสริมการทำการเกษตรผสมผสาน การปลูกพืชแซม ไม่ว่าจะเป็นการปลูกกาแฟเพื่อสร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกร

ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังได้ดำเนินโครงการชะลอการขายยาง เป็นโครงการที่จะช่วยให้ชาวสวนยางมีชีวิตที่ดีขึ้นระดับหนึ่ง พร้อมทั้งดำเนินนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาว่าเราจะดำเนินนโยบายเพื่อช่วยเหลือภาคเกษตร โดยนำแนวทางตลาด นำ นวัตกรรมเสริม เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับพี่น้องเกษตรกรขึ้นเป็น 3 เท่า ในช่วงระยะเวลาการบริหารราชการ 4 ปี

“นโยบายแรกที่ผมได้แถลงให้กับข้าราชการ ที่ประกาศทำสงครามกับสินค้าเถื่อนทุกประเภท สิ่งที่ปรากฏเห็นตามสื่อที่นำเสนอ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าประเภทปศุสัตว์ ประมง พืชไร่ พืชสวน และในส่วนที่เกี่ยวข้องกับยางพารา ได้ปราบปรามยางพาราที่เข้าประเทศ 2 ประเภท 1. เถื่อนประเภทดำสนิท ได้มีการจับยางเถื่อนในพื้นที่ที่เป็นแนวตะเข็บชายแดนของประเทศเพื่อนบ้านทุกอาทิตย์ ทั้งจังหวัดระนอง กาญจนบุรี หรือจังหวัดแถบอีสาน และภาคเหนือ โดยชุดพญานาคราชที่มีอยู่ตามตะเข็บชายแดนทุกจังหวัด เฝ้าคอยระวังร่วมกับฝ่ายความมั่นคง ทั้งกองทัพบก ทัพเรือ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เราปราบปรามอย่างจริงจัง”

...

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวต่อไปว่า กระทรวงเกษตรฯ ได้ตรวจสอบแหล่งกำเนิดยางที่ผิดกฎหมาย ล้วนแล้วมาจากแหล่งเพาะปลูกที่กลุ่มทุนในประเทศไทยที่ไปลักลอบปลูกในประเทศเพื่อนบ้าน เพราะมีต้นทุนค่าแรงที่ต่ำกว่าในประเทศ ไปปลูกประเทศเพื่อนบ้านแล้วก็แปลงเป็นยางพาราส่งข้ามเขตแดน (Transit) ส่งเข้ามาในประเทศ โดยอ้างข้อตกลงของ WTO แต่โชคดีที่เรามีฝ่ายตรวจสอบ คือฝ่ายนิติบัญญัติ โดยกรรมาธิการต่างๆ กับฝ่ายบริหารคือ กระทรวงเกษตรฯ รวมถึงนายกรัฐมนตรี ที่กำชับให้ฝ่ายความมั่นคงและกระทรวงเกษตรฯ ร่วมมือกันปราบปรามอย่างจริงจัง และก็ต้องขอบคุณ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่ให้ข้อมูลต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ 

ทั้งนี้ ผลจากการปราบปรามยางพาราอย่างจริงจัง ทำให้ปริมาณการลักลอบลดลงอย่างชัดเจน จึงทำให้ราคาสูงขึ้น เพราะซัพพลายสมดุล อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยเป็นแหล่งสวนยาง มีภาคอุตสาหกรรมการยาง ยืนยันได้ว่าไทยยึดตลาดโลก และเป็นผู้นำทางด้านยางพาราโลก นอกจากนั้น การยางแห่งประเทศไทย ยังดำเนินการสำรวจเพื่อปรับปรุงฐานข้อมูลเกษตรกรชาวสวนยางที่ได้ขึ้นทะเบียนและให้มีการระบุพิกัดและรูปแปลง ปัจจุบันดำเนินไปแล้ว 90% คือ 2,202,940 ไร่ จึงเป็นเหตุผลหนึ่งทำให้ราคายางพารายกระดับขึ้น รวมถึงการจัดระบบซื้อยางพาราผ่านตลาดซื้อขายล่วงหน้า โดย สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) จะเข้ามาช่วยเหลือ เพื่อเพิ่มความสามารถในการตรวจสอบผลผลิต จากแหล่งเพาะปลูกใด

ในช่วงท้าย ร.อ.ธรรมนัส กล่าวด้วยว่า นโยบายการรักษาเสถียรภาพราคายางในประเทศไทย ข้อมูลที่ปรากฏสามารถพิสูจน์ให้เห็นได้ว่า ยางพาราของเราเป็นตัวกำหนดทิศทางของโลก ราคายาง ณ วันที่ 19 มีนาคม 2567 อยู่ที่ 98 บาทต่อกิโลกรัม เป็นยางแผ่นรมควัน คู่แข่งของเราอย่างประเทศญี่ปุ่น ราคายางประเภทเดียวกันอยู่ที่ 88 บาท ส่วนประเทศจีน ราคาอยู่ที่ 77 บาท แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ยางพาราของประเทศไทยชี้นำตลาดโลก นโยบายที่ตนทำมามันมาถูกทางแล้ว.