“เศรษฐา-สุดาวรรณ” เปิด 5 กลยุทธ์ ปักหมุดการท่องเที่ยวไทยปี 2025 ต้องปัง ผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางเมืองท่องเที่ยว จุดหมายปลายทางนักท่องเที่ยวทั่วโลก นายกฯ ถึงกับว้าว ยกนิ้วโป้งให้ รมว.ท่องเที่ยว 10 เต็ม 10 หลังพรีเซนต์โดนใจ เจ้าตัวเขิน เชื่อนายกฯดูที่ผลงานมากกว่า
วันที่ 2 เม.ย. 2567 ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นประธานในงานแสดงวิสัยทัศน์ Thailand Tourism 2025 โดยมีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ รวมถึงรัฐมนตรี อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี
นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม นางพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
ขณะที่ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ขึ้นเวทีกล่าวรายงานแนวทางการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้แสดงวิสัยทัศน์ Thailand Tourism 2025 ตามนโยบาย IGNITE Thailand ที่ต้องการผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเมืองท่องเที่ยว(Tourism Hub)และเป็นจุดหมายปลายทาง(Destination) ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ซึ่งวันที่ 1 เม.ย. 2567 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยแล้ว 9.4 ล้านคน ขยายตัว 42% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
...
“ก้าวต่อไปในปี 2025 หรือ 2568 เราต้องปักหมุดการท่องเที่ยวไทยปีหน้าต้องปังกว่าเดิม และเติบโตอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ประเทศไทยจะต้องเป็น Tourism Hub และเป็น Destination ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ด้วยศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของไทยซึ่งสอดรับกับเป้าหมาย Thailand’s Aviation Hub ในการรองรับผู้เดินทางได้มากถึง 150 ล้านคนต่อปี ภายในปี 2030 เพื่อประเทศไทยต้องเป็นที่หนึ่งของการท่องเที่ยว IGNITE Tourism Thailand”
โดย Thailand Tourism 2025 ประกอบด้วย 5 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่ กลยุทธ์แรก สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับนักท่องเที่ยว เชื่อมต่อการเดินทาง ความปลอดภัย สะดวกสบาย สะอาด ปี 2025 เป็นปีที่นักท่องเที่ยวจะประทับใจ ในทุกย่างก้าว ในทุกประสบการณ์ที่ได้สัมผัส เริ่มจากการปรับปรุงความสะดวกสบายในทุก ๆ จุด
“ใน 3 เดือนนี้ ประเทศไทยจะเพิ่ม Free VISA ให้หลายประเทศมากขึ้นรวมทั้งหมดขยายระยะเวลาในการเข้าพักให้กับนักท่องเที่ยว จาก 30 วัน เป็น 60 หรือ 90 วัน ให้หลากหลายประเทศมากขึ้นและเพิ่มระยะเวลาในการพักให้นานขึ้น และในระยะเวลา 6 เดือนจะเพิ่มความสะดวกสบายในการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม มากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า และตู้ Kiosk เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้ามาจับจ่ายใช้สอยมากยิ่งขึ้น รวมทั้งปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเพื่อดึงดูดผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในประเทศไทย”
กลยุทธ์ที่สอง 5 สิ่งที่ต้องทำเมื่อมาถึงประเทศไทย(Must Do in Thailand) หรือ 5 M คือ Must Beat มวยไทย จะเปิดประสบการณ์ให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมทดลองร่วมเล่น ร่วมเรียนรู้แม่ไม้มวยไทยทั้ง 4 ภาค เช่น มวยไชยาจากภาคใต้ มวยลพบุรีจากภาคกลาง มวยโคราชจากอีสาน และมวยท่าเสาจากภาคเหนือ Must Eat จะผลักดันให้นักท่องเที่ยวได้อร่อยทั่วไทยกับเมนูเด็ดประจำจังหวัด “77 อาหารถิ่น 77 ขนมไทย”
Must Seek วัฒนธรรมไทย จะดึงจุดเด่นและความพิเศษของแต่ละวัดและโบราณสถาน เพื่อสร้าง Story บนเส้นทางศรัทธาเพื่อดึงดูดความสนใจ ที่กำลังดังในตอนนี้ คือ วัฒนธรรมสายมูที่สะท้อนผ่านศิลปะการสักยันต์ ไม่ว่าจะเป็นศิลปิน ดารา นักร้อง นักแสดง เช่น Angelina Jolie, Ed Sheeran ที่มาสักยันต์ในเมืองไทย ยิ่งไปกว่านั้นความนิยมนี้ได้เข้าไปสู่ความเป็นแฟชั่น เช่น ลายเสื้อผ้า หรือ Accessories อื่น ๆ Must Buy ผ้าไทย มุ่งส่งเสริมผ้าไทยไปต่างแดนด้วยการ Co-branding กับ Fashion Designer ระดับโลก จะต่อยอดผ้าไทยเป็น Fashion Item ที่แพร่หลายไปทั่วโลก และ Must See โชว์ไทย เช่น การแสดงโขน อัลคาซ่าร์ และไซมอนคาบาเร่ต์โชว์ ที่ทำให้คนทั่วโลกประทับใจ
กลยุทธ์ที่สาม เมืองหลักและเมืองน่าเที่ยว “จากนี้ไปประเทศไทยเที่ยวได้ทุกภูมิภาค” ประเทศไทยยังมีอีกหลายเมือง ที่รอให้นักท่องเที่ยวเข้าไปค้นหาและเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ นโยบายของรัฐบาลต้องการให้มีการเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวจากเมืองหลักสู่เมืองใกล้เคียงเป็นการกระจายนักท่องเที่ยวไปสู่ภูมิภาคต่างๆ พร้อมทั้งกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น
กลยุทธ์ที่สี่ Hub of ASEAN เปิดประตูการท่องเที่ยวสู่อาเซียน จะมีการเชื่อมโยงการเดินทางไทยกับประเทศเพื่อนบ้านพันธมิตรให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐาน โดยกลุ่มสายการบินพันธมิตรจะออกแพ็กเกจตั๋วเครื่องบิน เพื่อทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเชื่อมต่อไปยังประเทศอาเซียนได้สะดวก สบาย ประหยัดมากยิ่งขึ้น และ มีแนวคิดการใช้จ่ายผ่าน Cross Border QR Payment เชื่อมโยงช่องทางการจ่ายเงินให้นักท่องเที่ยวสะดวกสบายในการใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันประเทศที่สามารถใช้จ่ายผ่าน QR Code มี 8 ประเทศได้แก่ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย กัมพูชา เวียดนาม ฮ่องกง ญี่ปุ่น และจีน
กลยุทธ์ที่ห้า คือ World Class Event Hub นำ Event ระดับโลกมาสู่เมืองไทย ให้เมืองไทยเป็นศูนย์รวมรวม WORLD CLASS EXPERIENCE เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ ในการเป็นเจ้าภาพจัดงาน
ทั้งนี้ ทันทีที่ น.ส.สุดาวรรณ กล่าวรายงานจบ นายกฯ และผู้ร่วมงานต่างลุกขึ้นยืนปรบมือ
จากนั้น นายกฯ ขึ้นเวทีกล่าวในงานแสดงวิสัยทัศน์ Thailand Tourism 2025 ว่า “ว้าว” ได้มาชมการนำเสนอของ น.ส.สุดาวรรณ สุภาพสตรีตัวเล็ก ใจใหญ่ คิดใหญ่ ทำเป็น ทำให้งานถูกเริ่มด้วยความภาคภูมิใจที่เกิดมาเป็นคนไทย จะใช้ประเทศไทยเป็นเวทีในการต้อนรับแขกผู้มาเยือนจากทั่วโลก อย่างที่รัฐมนตรีเรียนไปเรื่องเหล่านี้เรื่องดีๆ จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากหลายท่านที่นั่งอยู่ในที่นี้ ไม่ว่าจะเป็นภาคเอกชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) กระทรวงการต่างประเทศ ผู้แทนการค้า รมว.วัฒนธรรม พี่น้องสื่อมวลชนทุกท่าน ภาคเอกชน ภาครัฐต่างๆ ที่ร่วมมือร่วมใจกันผนึกกำลัง ทำให้เรื่องการ IGNITE THAILAND 8 วิสัยทัศน์สำคัญ ซึ่งตนเสนอไปแล้ว ถือเป็นจิ๊กซอว์ตัวหนึ่งที่สำคัญมากในการที่จะทำให้เรื่องการท่องเที่ยวไทยกระจายไปสู่ทั่วโลกได้ และยังมีอีกหลายหน่วยงานที่ไม่ได้เอ่ยถึง และยังมีอีกหลายขั้นตอนที่จะต้องทำงานร่วมกันต่อไป
นายกฯ กล่าวว่า แต่ตนเชื่อว่าวันนี้ที่มาอยู่ร่วมกันตรงนี้ รัฐมนตรีได้ประกาศชัดเจนว่าประเทศไทยจะเป็นประเทศที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกด้วย 5 กลยุทธ์สำคัญ ซึ่งดูแล้วทุกอย่างเป็นไปตามความคิดที่ครบกระบวนทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้แท็กซี่ มัคคุเทศก์ต่างๆ รวมถึงก้าวสุดท้ายที่จะส่งนักท่องเที่ยวกลับบ้าน เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ทีมงานได้คิดมาอย่างดีและน่าเสียดายที่เรายังไม่สมควรที่จะเปิดเผยบางเรื่องในวันนี้ แต่มั่นใจอีก 3-6 เดือนข้างหน้านี้ จะมี World Event ทยอยมาเปิดตัวในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ประเทศไทยถือเป็นประเทศผู้นำในภูมิภาคนี้ เรียกว่าเป็นพี่ใหญ่ก็ว่าได้ในเรื่องของการท่องเที่ยว อันนี้ตนไม่ได้พูดเอง ทางผู้นำประเทศญี่ปุ่นเป็นคนพูด ฉะนั้น เราพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว การเดินทางจะไปไหนมาไหนสะดวกยิ่งขึ้น ยกระดับภูมิภาคอาเซียนให้ไปสู่อันดับโลกได้
นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า คงไม่ต้องพูดถึงการท่องเที่ยวของเราเป็นอะไรที่เราสามารถทำได้ทันทีทำ แล้วนำเงินเข้าสู่กระเป๋าของประชาชนคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโรงแรม ร้านอาหาร การจัดกิจกรรมต่างๆ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญและจะช่วยผลักดันกันอย่างต่อเนื่องต่อไปในอนาคต และเชื่อว่ารัฐมนตรีได้พูดมาเยอะแล้ว ทุกท่านทราบดีเรามีอะไรอยู่บ้างคงไม่ลงในรายละเอียด เพราะได้นำเสนอมา ถ้าพูดถึงเกรด คือ 10 เต็ม 10 ในวันนี้ สุดท้ายนี้ขอฝากทุกท่านไว้ด้วยว่าเราต้องทำงานไปด้วยกัน หน่วยงานรัฐทุกหน่วยงาน ภาคเอกชนทุกท่าน หากเขามาแล้วมีความแฮปปี้ปลอดภัย สุขกายและสุขใจ ตนเชื่อว่าเขาจะกลับมาอีก และขอฝากรายการใหญ่ของเราที่จะเกิดขึ้นคือเย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์ปีนี้ ซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นแล้วเป็นงาน Event แรกๆ ที่จะเกิดขึ้นในประเทศและเป็นนิมิตหมายอันดีปีใหม่ของคนไทยด้วย ขอให้เราคิกออฟเรื่องการท่องเที่ยวให้ยิ่งใหญ่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น นายกฯได้ร่วมถ่ายภาพหมู่กับรัฐมนตรี และตัวแทนหน่วยงานต่างๆ จังหวะหนึ่งนายกฯได้หันไปยกนิ้วโป้งชื่นชม น.ส.สุดาวรรณ ขณะที่ น.ส.สุดาวรรณ ได้ยกมือไหว้ขอบคุณนายกฯ จากนั้น นายกฯ และน.ส.แพทองธาร เยี่ยมชมบูธต่างๆ ภายในงาน
ด้านนางสาวสุดาวรรณ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีเอ่ยปากชม ว้าว กลางงานหลังพรีเซนต์ 5 กลยุทธ์ของกระทรวงท่องเที่ยว อาจเป็นเพราะนายกรัฐมนตรีเห็นความตั้งใจที่จะทำงานคะแนนเต็ม 10 คง เป็นคะแนนความตั้งใจ ส่วน 5 กลยุทธ์ที่กระทรวงได้นำเสนอให้กับนายกรัฐมนตรีในวันนี้ก็มั่นใจ เพราะไม่ใช่อยู่ๆ จะคิดมาเองแต่เกิดจากการทำเวิร์กช็อปและไม่ได้ทำแค่ภาครัฐและรัฐวิสาหกิจรวมถึงภาคเอกชนทุกส่วนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวได้ระดมสมองกันจนออกมาเป็น 5 กลยุทธ์ที่เห็น
ส่วนผลงานที่เข้าตานายกรัฐมนตรีขนาดนี้จะทำให้ได้ทำงานในตำแหน่งรัฐมนตรีท่องเที่ยวต่อไปหรือไม่นั้น นางสาวสุดาวัลย์ หัวเราะแบบเขิน พร้อมตอบว่าอาจจะเป็นคนแรกที่ได้พูดหรือเปล่าแต่ก็ต้องขอบคุณนายกรัฐมนตรี คิดว่า 10 คะแนนที่นายกรัฐมนตรีให้น่าจะให้ทั้งทีมไม่ใช่ให้แค่ตัวเองคนเดียว และไม่ทราบเรื่องกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีเพราะเพิ่งทราบจากนักข่าว
ส่วนนายกรัฐมนตรีได้ให้กำลังใจหรือไม่นั้นนางสาวสุดาวรรณ กล่าวว่า ไม่ใช่เชิงให้กำลังใจแต่นายกได้ผลักดันและออกนโยบายที่ดี เพื่อที่จะมาผลักดันให้ถึงเป้าที่ได้ตั้งไว้มากกว่า