นายกฯ เหน็บแรง "ดอกเบี้ยแพงโคตร" เห็นควรลดตั้งนานแล้ว แต่ก็ไม่มีท่าทีจะลด พ้อ เป็นถึง รมว.คลัง แต่ไร้อำนาจ ย้ำ ชาติเป็นจิตวิญญาณ ขายใครไม่ได้ หลังนโยบายต่างชาติครองที่ดิน 1 ไร่ ทำให้ตนถูกทัวร์ลง

วันที่ 29 มี.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการกล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "นักธุรกิจรุ่นใหม่กับโอกาสในการสร้างธุรกิจและการมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ" ณ โรงแรมแบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์ ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ช่วงหนึ่งกล่าวถึงการที่มีคนอยากจะทำอสังหาริมทรัพย์ ว่า ต้องตั้งใจจริง เนื่องจากสถานการณ์ที่เปราะบางในปัจจุบัน ดอกเบี้ยที่มีราคาแพงโคตร ตนก็เห็นว่าควรจะลดตั้งนานแล้ว แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะลด หากจะเรียกร้องให้มากกว่านี้ เพราะเข้าใจดีว่าเกิดความเดือดร้อนอย่างไร ในฐานะที่เมื่อก่อนตนก็เคยเป็นนักธุรกิจ ก็จะกลายเป็นว่า ทำเพื่อตัวเองและพวกพ้อง จะทำอะไรต้องรอบคอบ ต้องระมัดระวัง ยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ เพราะตนเคยพลาดมาแล้วและถูกทัวร์ลง เช่น เรื่องของการครอบครองที่ดิน 1 ไร่ ที่ให้ชาวต่างชาติสามารถครอบครองได้นั้น มีความเป็นกังวลว่า เรื่องดังกล่าวจะทำให้คนไทยเข้าถึงที่อยู่ได้ลำบากขึ้น ซึ่งพื้นที่ 1 ไร่ สำหรับคอนโดฯ หรือบ้านที่อยู่อาศัย มูลค่าเป็นประมาณ 50 ล้านบาท ถึง 100 ล้านบาท ถือเป็นมูลค่าที่สูงมาก ไม่ถือว่าเป็นการแย่งที่อยู่อาศัย คนที่จะซื้อได้ต้องมีฐานะที่ดี ตนขอเน้นย้ำว่า ชาตินั้นขายไม่ได้ คือ จิตวิญญาณของพวกเรา ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน ไม่ใช่ที่ดิน สิ่งนี้เอากลับไปไม่ได้

...

ทั้งนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลโดยการนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ เข้ามาปรึกษาว่า ทำอย่างไรจะกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำอย่างไรให้ต่างชาติเข้ามาถือที่ดินได้ ตนเองบอกว่า ต่อให้มี 749 เสียงกับ 750 เสียงในสภาฯ ตนเองก็ไม่มีทางให้ต่างชาติมาถือที่ดิน เพราะอย่างไรก็ไม่ผ่าน และจิตใจคนไทยสังคมไทยรับไม่ได้ให้ต่างชาติมาถือที่ดิน อย่าพูดด้วยเหตุผล เป็นความรู้สึกมากกว่า ที่เขายอมไม่ได้ อย่างไรก็ยอมไม่ได้

นายกฯ ยังได้ถามกลับไปยังผู้ฟังบรรยายว่า มีใครเก็งกำไรในอสังหาริมทรัพย์บ้าง ซึ่งตนคิดว่าไม่มี และขออย่าให้มีทิฐิกับเรื่องนี้ พร้อมตัดพ้อสั้นๆ ว่า ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่ไม่สามารถดำเนินการลดดอกเบี้ยอะไรได้เลย

นายกฯ ยังกล่าวอีกว่า หากย้อนหลังไป 10 กว่าปีที่ผ่านมา ตนถือเป็นหนึ่งในผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ แต่วันนี้มาเป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้ว และหลายๆ ท่านได้ติดตามเรื่องวิสัยทัศน์ จึงอยากจะบอกว่า วันนี้การทำธุรกิจของทุกประเทศไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์อย่างเดียว ก่อนที่จะเป็นนายกฯ คนก็บอกว่า ทำเหอะ ไม่มีทางสู้ตนได้ เพราะตนทำงาน 7 วัน 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ปีที่ผ่านมา คนทำอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันก็ต้องมาช่วยสังคมกันบ้าง แต่เรื่องสำคัญ คือ ทำให้วงการอุตสาหกรรมดี ด้วยการแข่งขัน พวกเรามีคู่แข่งที่ดีมีคุณภาพ ตนคิดว่าการแข่งขันเป็นเรื่องที่ดี ทำให้พัฒนาไปในอนาคต